ด่ากระผมได้ ไม่โกรธตอบ และไม่ฟ้องศาลครับ

กระทู้สนทนา
พระพุทธเจ้าทำอย่างนี้ในพรหมชาลสูตรครับ พิจารณา ว่าจริง หรือ ไม่จริง  ฯลฯ
ส่วนในการเรียนพระอภิธัมมัตสังคหะในยูตู๊บ อาจารย์ก็มักยกตัวอย่าง คนที่ด่าเราให้เราได้ยิน บ่อยๆ ว่าให้ ใช้คำด่านั้นแหละ เป็นอารมณ์ในการพิจารณา ตามความรู้ปรมัตถธรรมที่แต่ละคนได้เรียนมา 
อาจารย์สอนให้ใช้ กัมมัสสกตาญาน บ้าง
อาจารย์สอนให้ใช้ ปัฏฐาน บ้าง เช่น เวลาใจของตนมีโทสะ ให้นึกถึงโอกาสได้ใช้พระคาถานี้
จกฺขายตนํ    จกฺขุวิญฺญาณธาตุยา ตํสมฺปยุตฺตกานญฺจ    ธมฺมานํ    ปุเรชาตปจฺจเยน   ปจฺจโย
เวลาผมเห็น เมื่อเห็นแล้วโกรธ เมื่อเห็นแล้วชอบ เมื่อเห็นแล้วเฉยๆ 
โกรธแล้ว ตอบออกไปแล้ว ด้วยมโนทุจริต วจีทุจริต กายทุจริต 
ก็มาพิจารณา สิ่งไม่ดีที่ทำออกไป ยิ่งคิดทบทวนในตอนหลัง ก็รู้สึกถึงความไม่สมควรทำไม่ดีแบบนั้นออกไปแม้แต่ทางมโน
แล้วก็มักคิดทบทวนว่า ทำไม 
รูปารมณ์ กระทบ จักขุปสาท เกิด จักขุวิญญาน และมีสัพพจิตตสาธารณะ 7 เกิดพร้อม
ว่าโดยวิถีจิต ชวนะ 7 ขณะ เป็น โลภะ เป็นโทสะ เป็นโมหะ ได้อย่างไร
พิจารณาโดยปฎิจจสมุปบาท ตั้งแต่ วิญญาน ถึง เวทนา ปัจจุบันผลอันมี องค์ 5 แล้ว คิดไม่ทันว่า เป็นสิ่งที่สมควรได้รับ เพราะทำเหตุนั้นไว้ในกาลก่อนๆ
ปัจจุบันเหตุ อันมีองค์ 3 คือ ตัณหา อุปาทาน กัมมภวะ เป็นเหตุใหม่กรรมใหม่เกิดแล้ว ก็เพราะขาดสติ ขาดการโยนิโสมนสิการ
ยิ่งคิดถึงสิ่งที่ทำออกไป ก็ยิ่งเห็นแต่ความไม่ดีของตนเอง และผลที่จะได้รับในกาลต่อไปอีกมากมาย
ไม่น่าเลย
เพราะมี ตัวมีตน มากมายใหญ่โต มีมานะทิฏฐิ ยังคงมี อัตตาวาทุปาทาน มีสักกายทิฏฐิ มีอวิชชา
ว่าโดยปัฏฐาน เป็น ปกตูปนิสยปัจจัย และนานักขณิกกัมมปัจจัย ส่งผลแล้ว
เห็นว่าเพราะมีตัวตนใหญ่อยู่ ถ้าหากไม่มีตัวตนก็คงจะวืดหายไปไม่เกิดทั้งกุศลและอกุศล
----
เมื่อยังมีตัวตน ก็ต้องหาทางแก้ไขเพื่อไม่ให้มีตัวตนต่อไป
ทางหนึ่ง ก็ประกาศก่อนว่าไม่โกรธ ไม่ฟ้อง ใครที่มาด่า
อีกทางหนึ่ง เรียนรู้เรื่อง นาม รูป หรือ ขันธ์ 5 
พร้อมๆกัน เรียนรู้เรื่อง มหาสติปัฏฐาน เพื่อให้เข้าใจและสามารถปฏิบัติตามขั้นตอนข้อจำกัดต่างๆให้ได้เห็น นาม รูป อย่างไม่มีส่วนเหลือ จนได้ญาน 1 นามรูปปริจเฉทญาน และญานอื่นอีก 
นอกจากนี้ พระบาลี อรรถกถาพระบาลี ได้เจออาจารย์เก่งมากสอนเรื่องนี้พอดี ในขณะที่สนใจภาษาบาลี เพื่อที่จะเข้าใจให้ชัดเจนในพระสูตร พระวินัย พระอภิธรรม พระอรรถกถาจารย์ ตำราต่างๆที่จะสามารถอ่านได้อีกหลายเล่มต่อไป ถ้าสามารถในภาษาบาลีอักษรไทย
นอกจากนี้ มิลินทปัญหา ก็น่าสนใจ เมื่อได้อ่านคำนำต่างๆแล้ว ก็จะตั้งใจฟังทีละเล็กทีละน้อย อ่านหนังสือไปด้วย และถ้ามีเวลาก็ฟังอาจารย์พระอาจารย์ท่านอื่นที่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ประกอบอีกในภายหลัง
----
เมื่ออาจารย์ และพระอาจารย์หลายท่านยก เรื่อง ความรู้เรื่องปรมัตถธรรม ความรู้เรื่องพยัญชนะบาลีอักษรไทย เรื่องพระสูตร เรื่องอรรถกถาประกอบพระสูตร เพื่อทำความเข้าใจพระธรรมของตนเองให้ตรงกับที่พระอรรถกถาจารย์แสดงให้ได้และแสดงพระธรรมตามที่พระอรรถกถาจารย์แสดงให้ตรงตามประเด็น
ผมจึงได้ยกขึ้นมาในปัจจุบันด้วย เพื่อให้ผู้สนใจได้เข้าใจชัดว่า 
คนสอน คนเผยแพร่คำสอน จะสอนเองตามความคิดไม่ได้
คนที่เข้าใจในเรื่องนี้เป็นพหูสูตร เขาจะยึดพระไตรปิฎก ยึดอรรถกถาในพระไตรปิฎก ยึดปรมัตถธรรมในการแสดงธรรม ในประเด็นที่เป็นไปให้ตรงตามพระอรรถกถาจารย์แสดงอธิบายไว้
อาจารย์พระอาจารย์ต่างก็บอกกันว่า ไม่ควรกล่าวแสดงออกไปเองด้วยความคิดของตนเอง 
----
ด้วยเหตุนี้ การตอบของผม ปกติก็จำไม่ได้คือได้บ้างไม่ได้บ้างต้องคอยเปิดพระไตรปิฎกทบทวนเสมอๆ  ญาน 1 ก็ยังไม่ได้ แต่ก็กำลังจะให้ได้ด้วยการศึกษาให้เข้าใจก่อนแล้วจึงลงมืออย่างจริงจัง ตรงตามที่อาจารย์พระอาจารย์กล่าวทุกอย่าง(ลักขณาทิจตุกะ มหาสติปัฏฐานสูตร ภาษาบาลี ฯลฯ)
ดังนั้น จึงบอกไว้ก่อนว่า คำตอบของกระผมมักจะผิด ตอบออกไปก็มักจะผิด เป็นส่วนใหญ่ จึงไม่ค่อยอยากตอบ
----
ที่ให้ด่าได้ไม่ฟ้องศาล
นอกจากฝึกโยให้ทันแล้ว
แต่จริงๆคือ จะได้ใช้โทสะที่เกิด ตามรู้จนเกิด อโทสะ ครับ
----
พระ ฆราวาส จบหลักสูตรชั้นต้นของพระอภิธัมมัตสังคหะปีนี้ 880 คน ในแต่ละปีที่ผ่านมาก็เป็นร้อยๆคนมาหลายปีแล้ว ตัวเลขนี้เป็นผู้สำเร็จการศึกษาอย่างสมบูรณ์ 
ส่วนผมแค่ครูพักลักจำงูงูปลาปลา ไม่ได้นับอยู่ใน 880 คนนั้น
----
เมื่อถูกคนด่าจนเคยชิน ตัวตน ก็จะเล็กลงเล็กลงจนหวังว่าสักวันจะไม่มีส่วนเหลือ
และระมัดระวังไม่สร้างอกุศลเพิ่ม การทำให้คนอื่นเกิดอกุศลได้ ก็นับว่าได้ทำอกุศลแล้ว
มีแค่ ธาตุรับ ธาตกระทบ และธาตุรู้ เท่านั้น กำลังใช้อยู่ 
---
จึงเป็นเหตุให้ต้องจ่าหัวกระทู้ไว้ดังนี้หละครับ
อ่านแล้วเกิดมหากุศลก็ขออนุโมทนานะครับ
อ่านแล้วเกิดอกุศลก็ขออโหสิกรรมด้วยนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่