ทุกคนคิดเห็นยังไงกับผู้หญิงที่ชอบทำตัวน่าสงสาร พูดเอาดีเข้าตัว เอาชั่วเข้าเพื่อนกันบ้างคะ

กระทู้คำถาม
ก่อนอื่นขอแทนทุกคนเป็น A B C D E F G นะคะ

เรื่องมันมีอยู่ว่า...

* เรามีอดีตเพื่อนคนนึง (A) มันกินยาเกินขนาด 2 ครั้ง แต่ก่อนหน้านั้นมัน (A) ทะเลาะกับเราด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เราจบ มันไม่จบ ผ่านไป 1 สัปดาห์ เทคยาเกินขนาดครั้งแรก กินช่วงเย็นวันจันทร์เราก็รีบไปหามันทั้งที่ตัวเองยังไม่ได้นอนเลยทั้งคืน พอไปถึงก็เข้าไปเกลี้ยกล่อมแล้วเรียกรถพยาบาลและวิ่งลงไปยืนรอรถพยาบาลจนเกือบโดนมอเตอร์ไซค์ชน อยู่เฝ้าดูอาการเดินยาให้ เปลี่ยนเวรเฝ้ากับเพื่อน ผู้ชายคนนึง (B) ตั้งแต่เที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้า มัน ขอออกจากรพ. และได้กลับตอนบ่ายกว่าๆ จากนั้นก็พามันไปส่งที่ร้านอาหารเพราะมันขอและจิตแพทย์บอกให้ไว้ใจ และเราก็เข้าไปสอบพูดอังกฤษแล้ว งีบหลับในคาบ เพื่อนผู้ชายคนนึง (C) เดินมาปลุก ให้ไปอ่านแชทของเพื่อนผู้ชายอีกคน (B) กับคน ที่เทคยา (A) ไปในตอนแรก (A) มันหนีออกจากร้านอาหาร เราจึงรีบขออาจารย์ตามมันไป แล้วทิ้งรถทิ้งกระเป๋าวิ่งตามมันไป มันก็ว่าความห่วงของเราคืออะไร แต่เราตอบไม่ได้ เพราะต้องเดินดูรถ แชทบอกเพื่อนอีกสองคน (D),(E) ให้ไปเอารถ ให้ พอถึงหอมัน (A) เราก็ถกเถียงกับมันเพราะไม่ ยอมให้กุญแจห้องมัน มันเลยขู่จะโยนโทรศัพท์ที่ พ่อมันเพิ่งจะซื้อให้ทิ้ง เราเลยยอมให้แล้วโทรหา เพื่อนผู้ชายที่ไปช่วยงานบ้านอาจารย์ อาจารย์เลยให้ตามมาดูมันจนอาการมันดีขึ้น เย็นวันต่อมาโทรมาด่าเราโดยไม่ทราบสาเหตุและขู่เพื่อนผู้ชาย (B) ว่าจะไปโดดตึกชั้นที่ 7 เพราะเขาบอกว่าให้ลองพยายามทำงานด้วยตัวเองคนเดียวไปก่อน

** เทคยาเกินขนาดครั้งที่ 2 เราปวดไมเกรนและกำลังเคลิ้มหลับตอนประมาณเที่ยงคืน แต่ (A) มันโทร.มาหาเราว่าเราไปเคลมว่ามันกับเพื่อนผู้ชาย (B) ว่าเป็นคนคุยกัน แล้วบอกให้เราเลิกยุ่งกับตัวเองเราก็ทำตาม สักพักโทรมาบอกว่าให้เราบล็อกเฟสแม่มัน ถ้าไม่ทำตามจะตามมาบล็อกเอง แต่เราไม่บล็อกแล้วหนีออกไปหาเพื่อน (D) แต่ (A) มันก็โทรหาเพื่อน (D) ที่เราหนีมานอนด้วย เราเลยหนีไปหาเพื่อนผู้หญิง (F) อีกคน แล้วเพื่อนผู้ชายคือ (B) ก็บอกให้ไปรวมตัวกันที่หอมัน เพราะมันขู่จะกินยาอีก พวกเราเลยไป (แต่ก่อนหน้านั้น มันก็กินยามาเรื่อยๆอยู่แล้ว อารมณ์กินแล้วก็ค่อยบอกว่ากินตอนไหน กินไปเท่าไหร่) สุดท้ายเราสุดจะทนเพราะ อาการไมเกรนด้วย แทบไม่ได้นอนด้วย พอเช้าก็ ต้องลงพื้นที่ไปสัมภาษณ์ชาวบ้านอีก เลยบอกให้ มันกินยาไป แล้วก็ค่อยเรียกรถรพ.มารับมัน มันไปถึงรพ.กับเพื่อนผู้หญิงอีกสองคนคือ (D),(F) ส่วน เรากับเพื่อนผู้ชายคือ (B) ก็ขึ้นไปค้นหายาบนห้องมันมาเก็บไว้ แล้วโทรไปหาพ่อกับแม่มันจนถึงตีห้าพร้อมกับบอกเหตุผลว่าทำไมถึงให้มันกิน พอมันกลับมาก็ต้องการคุยกับพวกเรา สุดท้ายก็ยอมไปคุยจนถึง 6 โมงเช้า แยกกันไปนอน และเราก็กลับไปนอนที่หอของเพื่อนซึ่งก็คือ (D) ได้ประมาณ 2 ชั่วโมง ก็แยกกันไปลงพื้นที่สัมภาษณ์งานชาวบ้าน เราไปกับเพื่อนสี่คน (เรา), (E),(F),(G) ส่วน (D) ต้องไปกับเพื่อนคนที่เทคยาก็คือ (A) และหลังจากนั้นมัน (D) ก็ถูกเพื่อนคนที่เทคยา (A) บังคับให้พิมพ์ข้อความในแชทมาหาเราในระหว่างที่กำลังสัมภาษณ์ชาวบ้าน แล้วพอตกดึกมันก็พยายามโทรกลุ่มมา แต่เราไม่รับสายเพราะไปนอนเป็นเพื่อนพี่สาวและแม่ของอาจารย์ที่บ้านอาจารย์ แล้วมันก็ขู่ว่าถ้าไม่ยอมรับสายมันจะบุกมาที่บ้านอาจารย์ เราเลยจำใจต้องรับสาย แล้วมันก็ด่าเราฉอดๆๆ เราก็พยายามอธิบายให้เบาที่สุด แล้วมันก็ด่าปิดท้ายเราว่า '...อย่ามายิ้ม' ที่มันโทรมาเพราะเราปักโน้ตไว้ในไอจีว่า 'อยากเห็นกูในร่างไหนดีล่ะ' พอมันด่าเรายิ้ม เพื่อนก็พยายามพูดช่วยเรา แต่มันก็ไม่เปิดโอกาสให้เพื่อนพูด เราเลยสั่งเบรกให้มันหยุดพูดด้วยน้ำเสียงที่สุดจะทนว่า "หยุด ให้กูพูดก่อน กูพูดจบแล้วค่อยพูด" แล้วมันก็ชะงักไป (น่าจะอึ้งเพราะที่ผ่านมาเราปล่อยให้มันข่มตลอด) แล้วจากนั้นเราก็พูดมุมของเราจนจบ จากนั้นก็บอกให้พูดต่อ แต่มันก็บอกว่าลืมแล้วว่าจะพูดอะไร (ได้หรอ โทรมาเพราะอยากมาด่าเราให้เราเป็นคนผิด แต่สุดท้ายก็ทำไม่ได้ เลนบอกว่าลืมในสิ่งที่จะพูด)

ไม่กี่วันต่อมาถึงวันสอบ เราก็อยู่บ้านอาจารย์อีก แล้วตื่นไปสอบ สอบเสร็จก็ไปร้องคาราโอเกะที่ห้องกับเพื่อน แล้ว (A) มันก็โทรไม่ก็แชทมาบอกกับ (D) เพื่อให้พวกเราไปพบจิตแพทย์ของมัน ตอนแรกพวกเราจะไม่ไปแล้วค่ะ แต่มันบอกมาอีกว่า 'ถ้ายังเห็นว่าเค้าเป็นเพื่อนอยู่ก็มานะ' พวกเราเลยยอมไป พอพวกเราได้เข้าไปนั่งคุยกับจิตแพทย์ของมัน จิตแพทย์ก็บอกว่ามันไม่ได้เป็นโรคซึมเศร้า ตอนแรกวินิจฉัยผิด ต่อมาเฝ้าดูอาการเรื่อยๆเลยรวมทีมจิตแพทย์กันวินิจฉัยใหม่ว่าเป็นไบโพล่า จิตแพทย์ให้พวกเราอยู่ห่างมันไปก่อน ถึงมันเรียกเรียกคุยก็อย่าไปคุย เพราะมันไม่มีประโยชน์ พวกเราทำตามที่จิตแพทย์บอกแล้วกลับไปรดน้ำต้นไม้ที่บ้านอาจารย์ (เป็นจ๊อบพิเศษ) มันก็ยังตามตื้อ (D) ให้พวกเราไปคุยกับมัน พวกเราก็บอกเหตุผลว่าทำไมถึงไม่คุย และตอนนั้นอยู่บ้านอาจารย์ เสร็จจากบ้านอาจารย์ก็รีบกลับไปทำงานที่มอต่อเพราะต้องรีบทำส่งก่อนเที่ยงคืน มันก็ยังขอคุยสิบนาทีจะเอาให้ได้ พวกเราเลยให้ (D) ปิดแชทไปเลย สักพักมันทักแชทมาอีกว่าให้ตัดชื่อมันออกจากกลุ่มงานไปเลย เพราะมันไม่ได้ช่วยทำ และแล้วสุดท้ายก็จบความสัมพันธ์เพื่อนกันกับมัน (A) ด้วยการถูกมันบล็อกทุกช่องทางทั้งที่ยังไม่ได้คืนเงินที่ยืมเราไป 1000+ เราเลยโทรไปบอกพ่อมัน แล้วพ่อทันก็โอนเงินมาคืนให้ 

จบไม่สวยค่ะ แม้แต่คนสุดท้ายที่อยู่กับมันก็คือ (D) ยังโดนมันบล็อก พอจบกันไม่สวย (A) มันก็ทำตัวเป็นเหยื่อยิ่งกว่าเดิม เช่น ไปบอกคนในสาขาบางกลุ่มว่าตัวเองทำงานกลุ่มคนเดียว พวกเราไม่ได้ทำช่วย แต่ความจริงตัวเองไม่ทำอะไรเลย พวกเราช่วยกันทำทั้งนั้น เลี้ยงอาหารพวกเราบ่อยๆ แต่ความจริงมันไม่ใช่ ก็มีบ้างที่เลี้ยงแต่เป็นการเลี้ยงแบบยืมเงินเพื่อนมาเลี้ยงก่อน สุดท้ายไม่คืนเขา บางอย่างที่บอกคนอื่นว่าเลี้ยงก็เป็นการหารเงินกันทั้งนั้น เอาแต่ใจแต่ไม่รู้ว่าตัวเองเอาแต่ใจ..ใช้เงินเกินตัว ท็อกสิกเพื่อนในกลุ่ม พูดกดคนอื่น..พูดให้ตัวเองดูเก่งดูฉลาดกว่าเพื่อน เงินก็ใช้สิ้นเปลืองเดือนละเกือบ 20,000 บาทยังไม่พอใช้

เวลาอยากเคลียร์ที่ไรก็ไปให้ ถามคำถามเดิมๆซ้ำ แต่พอตอบไปแล้วนางก็ไม่ฟัง ต้องการให้เราตอบตามสิ่งที่นางคิดไว้เท่านั้น แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเราไม่ได้คิดแบบที่นางล็อกคำถามไว้ในหัว

เวลานางด่าครอบครัวเพื่อนในกลุ่มแชทก่อน พอเขาด่าคนก็แสร้งทำตัวเป็นเหยื่อ เอาไปเล่าให้คนอื่นฟังว่าเพื่อนด่าตัวเอง แต่ไม่บอกคนอื่นว่าตัวเองไปด่าเขาก่อน ไม่งั้นเขาไม่ด่ากลับ บังคับเราไปกินหม่าล่าด้วย แต่เราปฏิเสธไม่ไปก็พยายามทำให้เราเพราะบอกจะจ่ายให้ครึ่งนึงอยากให้เราไปฟังเรื่องนางเท่าถึงคนคุยตัวเอง แต่ไปบอกคนอื่นว่าเลี้ยงเรา จ่ายให้ทุกอย่างทั้งที่มันไม่จริง เลี้ยงเหล้าเพื่อนพันนึง แต่ไปบอกคนอื่นว่าเลี้ยง 1500 ทั้งที่อีก 500 ยืมเพื่อน ให้เพื่อนเป็นคนจ่ายให้ก่อน แต่สุดท้ายก็ไม่คืนเขา เลี้ยงคาราโอเกะก็เป็นคนเสนอเอง แล้วหลังจากนั้นพวกเราก็ร้องต่อโดยใช้เงินตัวเองจ่าย ตรงนี้มันบอกว่าจัวมันเป็นคนจ่ายหมดเลี้ยงหมดทั้งที่มันไม่ใช่ แล้วพอบอกคนอื่นแบบนั้นแล้ว (A) มันก็ไม่ได้อยากทวงบุญคุณแต่แค่เจ็บใจ #บุญคุณอะไรก่อน #เจ็บใจอะไรก่อน (เป็นการกระทำที่หวังผลสินะ) เราและเพื่อนคนอื่นๆเลี้ยงข้าวเลี้ยงน้ำเลี้ยงขนมบังไม่เคยคิดว่าเป็นบุญคุณเลยค่ะ และคนที่ต้องเจ็บใจน่าจะพวกเรามากกว่า เสียทั้งเวลา เสียทั้งแรง เสียทั้งความรู้สึก ทำดีด้วยทำไหร่ ผลตอบแทนคือพวกเรา ยิ้มกับนางเฉยเลย

ยืมเงินเรา แล้วบอกคนอื่นว่ามันเป็นเรื่องที่ปัญญาอ่อนมากกับคำพูดของเรา เพราะมันบอกคนอื่นว่าเราว่ามันว่า 'ฐานนะดีกว่ายังมายืมตังค์เรา' เราไม่แน่ใจหรอกว่าว่านางแบบนั้นจริงมั้ย แต่ถ้าว่าจริงๆ นางก็ควรจะคิดได้แล้วว่าตัวเองใช้เงินต่อเดือนเกือบๆ 20,000 บาท ซึ่งเปลืองมาก บางทียืมเราพันกว่าบาท บางที่ยืม 50-100 บอกจะคืนพรุ่งนี้ เราก็รอ แต่นางดันไปคืนเงินที่ยืมเพื่อนอีกคนก่อน แต่ไม่คนเรา เรานึกได้เลยถามว่ายืมไปเท่าไหร่นะ คทอเราไม่ได้จะทวงนะ แต่จำจำนวนเงินไม่ได้ และแล้วจสกนั้นนางก็ร้องไห้กล่าวหาว่าเราทวงตังค์ตัวเอง แล้วร้องไม่หยุดด้วยนะ เราเลยฟิวขาดเดินหนีไปคนเดียว ทิ้งให้มันอยู่กับเพื่อนคนอื่นไป

แต่ที่เป็นแบบนี้คิดว่าส่วนนึงไม่ใช่เพราะโรคค่ะ แต่เป็นเพราะนิสัยส่วนตัว คือ เป็นคนเอาแต่ใจ ข่มเพื่อนในกลุ่ม ท็อกสิก เหยียดเพศ(เพื่อน) นินทา(เรื่องปกติของทุกคน) บุลลลี่คนอื่นและเหมือนจะขี้อิจฉาด้วย แต่ที่เล่านิสัยของ (A) เพราะมันชอบพูดว่าไม่ชอบการเหยียดใคร ไม่ชอบท็อกสิก ไม่ชอบนินทา ไม่ชอบการบุลลี่ แต่สิ่งที่มันพูดและทำคือสิ่งที่มันไม่ชอบทั้งหมดค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่