สวัสดีค่ะ ตอนนี้เรากำลังเรียน ปวส.ปี 1 สาขาการตลาดค่ะ ที่จริงไม่ได้คิดจะเรียนการตลาดเลยค่ะ แต่พอดีเปลี่ยนเวย์มาเรียนสายอาชีพแล้วสาขาก็มีให้เลือกไม่เยอะเลยเลือกเรียนการตลาดค่ะ (ที่จริงไม่มีอะไรที่น่าสนใจสำหรับเราสักอย่าง 😅 แต่เบื้องต้นขอพูดแค่นี้ละกันค่ะ
ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกเรียนการตลาด เพราะคิดว่าตัวเองมีทักษะการสื่อสารที่ดีค่ะ กล้าพูดกล้าพรีเซนต์ โดยบุคลิกและนิสัยของเราแม้จะเป็น Introvert จริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ชอบแสดงออกหรือต้องปลีกวิเวกอะไรแบบนั้นหรอกนะคะ (introvert ของเราไปสาย cognitive functions ของลุงจุงมากกว่าน่ะค่ะ) แค่ไม่ชอบออกกล้อง ไม่ชอบเอาตัวเองเข้าไปอยู่บน social media ไม่ค่อยมีบุคลิปแบบสันทนาการพอได้มาเรียนจริง ๆ ก็รู้ว่าการตลาดนั้นใช้การวิเคราะห์เยอะเลยทีเดียว มีเรื่องของจิตวิทยาต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเราชอบ ฮ่า ๆ แต่จิตวิทยาในทุนนิยมมันก็คงใช้เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น 😅
ตอนนี้เรากำลังฝึกงานระยะสั้นช่วงปิดเทอมเล็กค่ะ เราได้ฝึกงานกับฝ่ายการตลาดของศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ที่ทำงานก็จะอยู่ information เป็นหลักค่ะ
• คอยโฟนเสียงตามสายต่าง ๆ
• ทำคอนเทนต์ลง social platform ต่าง ๆ ถ่ายภาพ เก็บ footage ต่าง ๆ ไปตัดคลิป
• หาช่องทางบน social media ในการโพสต์คอนเทนต์และลงโฆษณาต่าง ๆ นอกจาก official accout
• คอยเปลี่ยนสื่อหมดอายุต่าง ๆ ในศูนย์การค้า
• คอยเสนอไอเดียใหม่ ๆ เพื่อหาลูกค้ามาห้างเวลาที่พี่เขาต้องการหรือมีประชุมบ้าง
• มีงานคอมบ้างคือบันทึกยอดคูปองต่าง ๆ ที่คอยแจกลูกค้าและลูกค้ามารับสิทธิ์ในแต่ละวันลง excel
• นอกจากนี้ก็จะได้เห็น event ต่าง ๆแต่ส่วนนี้เรายังเป็น intern พี่ ๆ เขาก็จะเป็นคนดีลกับฝ่ายต่าง ๆ และทำพวก artwork แต่เวลาไปเปลี่ยนสื่อ ขึ้นรถแห่เราก็ไปด้วย ส่วนใหญ่เราจะเห็นตอนที่ลูกค้ามาจัดสถานที่เรียบร้อยแล้วเช้าวันถัดไป (เพราะเขาจะจัดหลังห้างปิด)
ประการณ์ที่ได้รับ คือ ได้รู้จักสื่อต่าง ๆ ของจริง ได้เห็นวิธีการทำการตลาดแบบต่าง ๆ (ที่ผ่านมาคือใช้รถแห่ป้ายโฆษณา เราก็นั่งไปข้างหลังด้วย บางอย่างเราไม่ได้ทำอะไรมากแต่พี่เลี้ยงก็จะพาเราเข้าไปเห็นกระบวนการค่ะ) ต่อไปจะไปแจกใบปลิว55 คือได้เห็นการทำงานจริง ๆ ของกระบวนการทางการตลาดเยอะเลย
แต่! เป็นแต่ที่ใหญ่มาก ๆ! (และเป็นที่มาของชื่อกระทู้ด้วย) คื๊อ!! เราไม่ชอบเวลาที่เราต้องทำคอนเทนต์แล้วต้องใช้ accout ตัวเองลงหรือแชร์ต่อ ส่วนของ official พี่ที่ทำงานอยู่แล้วเขาเป็น admin เขาก็ลงอยู่แล้ว ถ้าถามว่าทำไมไม่สร้างแอคขึ้นมาใหม่? ถ้าเป็นแอคโนเนม-อวตาร์มันก็ดูไม่น่าเชื่อถือถูกมั้ยคะ แล้วจะให้แอดใครที่ไหน account ส่วนตัวยังเปิด private เพื่อนใน FB ยังมีไม่ถึง 300 เลย 😅 แล้วจะเอาเอนเกจมาจากไหนคะ 55555 แล้วพี่ manager ชอบให้โพสต์ หาที่ลง แล้วก็บอกให้แคปมาด้วย 😢 แล้วเราเป็นคนที่ไม่ค่อย join FB group ต่าง ๆ ยกเว้นที่ตัวเองสนใจ เถ้าสนใจก็จะจอย แต่กด unfollow ไม่ให้ขึ้นใน feed ตลอด ไม่งั้นวัน ๆ นึงมีแต่ post จากกรุ๊ปทั้งนั้นเลย เพจที่เราไลค์ไว้ไม่ต้องขึ้นกันแล้ว เพราะฉะนั้นพอเรามาฝึกงานคือเราต้องรอ approve จากกรุ๊ปนาน 2-3 วัน แต่พี่เมเนบอกว่าอยากให้ส่งทุกวันว่าเราทำอะไรไปบ้าง แบบมาฝึกต้องได้อย่างน้อยวันละ 1 อย่าง ไม่อยากให้มานั่งทำงานรูทีน
ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ชอบให้โลกโซเชียลมาปนกับการใช้ชีวิตจริงมาก ๆ แต่ก็เข้าใจว่าทุกวันเป็น digital marketing กันหมดแล้ว แต่ถ้าจะให้ใช้ real body + real life ร่วมกับ private acount และร่วมกับ work life นี่มันไม่ใช่ทางเราจริง ๆ เราได้เครียดตายก่อน ส่วนตัวไม่ถึงขั้นมีโลกส่วนตัวจนไม่อยากทำงานกับคนเยอะ ๆ ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นความลับ แต่เราไม่ชอบการก้าวก่ายชีวิตในแต่ละพาร์ท จะ work hard, play hard จะ hard จะ suffer แค่ไหนก็แล้วแต่ แต่อย่ามากิน space กัน อย่างที่บอกไปว่าเราเป็นคนพูดรู้เรื่อง สื่อสารดี ที่จริงภาษาอังกฤษเราก็สื่อสารเป็นปกติได้เลย แต่ก็ยอมรับว่าแกรมม่าอาจจะต้องเป๊ะกว่านี้หน่อย (เพื่อนบอกว่าที่ไปฝึกด้วยกันเราดูพูดรู้เรื่องสุดด้วยซ้ำ😆) ให้คุยประสานงานกับใครก็ได้เป็นปกติเลยค่ะ ทักไปติดต่อเพจต่าง ๆ ก็ได้ปกติ ไม่ใช่คนขี้อาย ขี้กลัว ไม่กล้าแสดงออกเลยค่ะ แต่เรื่องกระแสสังคม คำศัพท์พี่กระเทย หรือข่าวดราม่า โหนกระแสอะไรแบบนี้เราก็ไม่ไวจริง ๆ เรายอมรับในจุดนี้ค่ะ เรามาอยู่หอด้วยแล้วพอไม่มีโทรทัศน์เราจะก็ใช้แต่ในโทรศัพท์ แต่เข้า YT ทีไรเราก็ชอบฟัง podcast หรือสื่อที่มันเนิร์ด ๆ หน่อยอะค่ะ เรื่องธุรกิจก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ดูการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ (จำได้ว่าตอน mixue มาเปิดใหม่ ๆ เราอยากรู้มากว่าทำไมไอ้ไอติมอันนี้มันโตไวจังwa เราก็ไปหาฟัง) แต่บางทีมันไม่ใช่กระแสสังคมอะค่ะ ที่คนส่วนใหญ่จะชอบเอาวลีไปใช้ต่อหรือเล่นกันตาม platform ร้านค้าต่าง ๆ จริง ๆ ถ้าให้เป็น admin page ตัดคลิปถ่ายคลิปก็ทำได้ค่ะ แต่ไม่ชอบการที่ต้องเอาตัวเองไปอยู่! ใน! คลิป! (แต่จริง ๆ ก็ไม่ชอบพวกงาน editor เวลาตัดคลิปเราค่อนข้าง ocd 😆) ถ้าอย่างล่าสุดพี่เมเนเรียกเพื่อนเราที่ไปฝึกด้วยกันกว่าให้ไปถ่ายรูปกับ product มานะ คือมันเป็น งาน event ที่ไม่ใช่สินค้าเล็ก ๆ 🚘🚙🛵 ค่ะ ส่วนตัวเราไม่ได้หน้าตาดีหุ่นดีแบบ beauty standard เท่าไหร่เลยไม่ได้ให้ไปถ่ายด้วย (ที่จริงเขาจะเรียกแค่เพื่อนเรา แต่ตอนนั้นเพื่อนเราหันหลังอยู่ แล้วไกล ไม่ได้ยิน แต่เราได้ยิน เห็น! พี่เขาเลยบอกมาให้หมดนั่นแหละ 55555🤣 แต่รู้สึกดีมากเลยค่ะที่เขาไม่ได้คาดหวังให้เราไปถ่าย 🤣🤣🤣)
ตั้งแต่เรียนการตลาดมาเวลาเดินห้างหรือเข้าร้านค้าต่าง ๆ ก็กลายเป็นคนชอบมองสื่อ มองโปร มองไปยันการตกแต่งร้าน ลองไปจับ ๆ ลูบ ๆ มองเครื่องจักรที่เขาใช้ในร้านมีกี่ตัว ตอนรอของหรืออาหารที่สั่งก็ชอบมองว่าเขาใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ชอบอ่านข้อความบนกล่อง supply ว่าเขียนว่าอะไรเวลาที่พนักงานยังไม่ยกไปเก็บ 😆 เวลาเห็นโปรอะไรก็จะรู้สึกว่าอยากรู้ว่าเขาคิดออกมายังไงตั้งแต่แรกมากกว่า แล้วก่อนเรียน MKT แล้วเราชอบเดินดูพวกสินค้าว่ามันมีอะไรให้เราเปรียบเทียบบ้าง ที่จริงเราชอบดูเพื่อที่เราจะได้มีข้อมูลในการวางแผนการใช้ชีวิตในสถานการณ์ต่าง ๆ ให้หมาะกับเงินของเราน่ะค่ะ เช่น สินค้าชนิดหนึ่งยี่ห้อ A เราใช้ยี่ห้อ A เป็นประจำ ขวดเท่านี้ ปริมาณนี้ สูตรนี้ แต่มันมีสูตรอะไรบ้าง แล้วถ้าสักวันนึงเราอยากลอง B C D บ้าง มันราคาเท่าไหร่ ได้เยอะได้น้อย สรรพคุณต่างจาก A ยังไง ถ้ามันแพงกว่าเราก็อาจจะเอาไว้ลองวันหลัง แต่ถ้ามันถูกกว่าเราก็อาจจะเปิดใจลอง หรือสินค้าอื่น ๆ ถ้าเราต้องซื้ออะไรในงบ ๆ นึง เราก็จะได้รู้ว่าเราสามารถใช้ตัวไหนแทนได้จากปกติที่เราใช้ประจำ แล้วส่วนตัวก็ชอบลงอะไรใหม่ ๆ ด้วย
อย่างที่บอกไปว่าไม่ชอบออกกล้อง ไม่ชอบงานเบื้องหน้า คือไม่ชอบการเอาตัวเองไปเป็น "influencer" นั่นแหละค่ะ จะได้มากน้อยเท่าไหร่ก็ตาม สิ่งที่เสียใจอย่างนึงคือเราคิดว่าวิทยาลัยเราสอนตื้นไป ผ่านมาเทอมนึงเรียนแต่ 4P กับ SWOT อยู่นั่นแหละ แล้วก็ไม่ค่อยได้วิเคราะห์เลย ปกติหลักสูตรบริหารธุรกิจมันต้องเรียนประมาณไหนคะ? นี่อาจารย์ก็ไม่ค่อยยกวิธีการทำการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ มาให้คิดวิเคราะห์เลย เพื่อนในห้อง 90% ไม่รู้จัก Chat GPT ด้วยซ้ำ อาจารย์ก็ไม่พูดถึงว่ามันทำอะไรได้บ้าง มีหลายทีที่แอบสงสัยว่า ปวส. มันเรียนเท่าไหนหรอ? เพราะจบม.ปลายมา แต่เราค่อนข้างจับทางตัวเองได้หน่อยในสาย marketing คือ เราน่าจะชอบพวกวิเคราะห์ วางแผน อยากมีข้อมูลในมือแน่น ๆ และที่พูดมาไม่ใช่ว่าเราฝืนเรียนการตลาดนะคะ พอได้มาเรียนแล้วมันโอเคมากกว่าที่เราคิด เพราะเราชอบหาความรู้ต่าง ๆ เข้าตัว แล้วการตลาดมันต้องรู้รอบด้านมากเลยค่ะ ที่จริงเราว่าการตลาดมันท้าทายแล้วก็ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะเลย และเราก็ชอบงานที่มันเป็นโปรเจค ๆ ไปแบบนี้แหละ เลยอยากจะมาถามพี่ ๆ ที่เรียนสายนี้ หรือทำงานสาย marketing ว่าเราควรจะไปเวย์ไหนต่อ(ดี)ได้บ้างคะ หรือมันมีเวย์ไหนบ้าง ? ช่วยแนะนำหรือจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองก็ได้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ
))
เป็น Introvert แต่เรียนการตลาด ควรทำงานสายไหนหรือพัฒนาไปเวย์ไหนดี ?
ถ้าถามว่าทำไมถึงเลือกเรียนการตลาด เพราะคิดว่าตัวเองมีทักษะการสื่อสารที่ดีค่ะ กล้าพูดกล้าพรีเซนต์ โดยบุคลิกและนิสัยของเราแม้จะเป็น Introvert จริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่คนไม่ชอบแสดงออกหรือต้องปลีกวิเวกอะไรแบบนั้นหรอกนะคะ (introvert ของเราไปสาย cognitive functions ของลุงจุงมากกว่าน่ะค่ะ) แค่ไม่ชอบออกกล้อง ไม่ชอบเอาตัวเองเข้าไปอยู่บน social media ไม่ค่อยมีบุคลิปแบบสันทนาการพอได้มาเรียนจริง ๆ ก็รู้ว่าการตลาดนั้นใช้การวิเคราะห์เยอะเลยทีเดียว มีเรื่องของจิตวิทยาต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเราชอบ ฮ่า ๆ แต่จิตวิทยาในทุนนิยมมันก็คงใช้เพื่อผลประโยชน์เท่านั้น 😅
ตอนนี้เรากำลังฝึกงานระยะสั้นช่วงปิดเทอมเล็กค่ะ เราได้ฝึกงานกับฝ่ายการตลาดของศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ที่ทำงานก็จะอยู่ information เป็นหลักค่ะ
• คอยโฟนเสียงตามสายต่าง ๆ
• ทำคอนเทนต์ลง social platform ต่าง ๆ ถ่ายภาพ เก็บ footage ต่าง ๆ ไปตัดคลิป
• หาช่องทางบน social media ในการโพสต์คอนเทนต์และลงโฆษณาต่าง ๆ นอกจาก official accout
• คอยเปลี่ยนสื่อหมดอายุต่าง ๆ ในศูนย์การค้า
• คอยเสนอไอเดียใหม่ ๆ เพื่อหาลูกค้ามาห้างเวลาที่พี่เขาต้องการหรือมีประชุมบ้าง
• มีงานคอมบ้างคือบันทึกยอดคูปองต่าง ๆ ที่คอยแจกลูกค้าและลูกค้ามารับสิทธิ์ในแต่ละวันลง excel
• นอกจากนี้ก็จะได้เห็น event ต่าง ๆแต่ส่วนนี้เรายังเป็น intern พี่ ๆ เขาก็จะเป็นคนดีลกับฝ่ายต่าง ๆ และทำพวก artwork แต่เวลาไปเปลี่ยนสื่อ ขึ้นรถแห่เราก็ไปด้วย ส่วนใหญ่เราจะเห็นตอนที่ลูกค้ามาจัดสถานที่เรียบร้อยแล้วเช้าวันถัดไป (เพราะเขาจะจัดหลังห้างปิด)
ประการณ์ที่ได้รับ คือ ได้รู้จักสื่อต่าง ๆ ของจริง ได้เห็นวิธีการทำการตลาดแบบต่าง ๆ (ที่ผ่านมาคือใช้รถแห่ป้ายโฆษณา เราก็นั่งไปข้างหลังด้วย บางอย่างเราไม่ได้ทำอะไรมากแต่พี่เลี้ยงก็จะพาเราเข้าไปเห็นกระบวนการค่ะ) ต่อไปจะไปแจกใบปลิว55 คือได้เห็นการทำงานจริง ๆ ของกระบวนการทางการตลาดเยอะเลย
แต่! เป็นแต่ที่ใหญ่มาก ๆ! (และเป็นที่มาของชื่อกระทู้ด้วย) คื๊อ!! เราไม่ชอบเวลาที่เราต้องทำคอนเทนต์แล้วต้องใช้ accout ตัวเองลงหรือแชร์ต่อ ส่วนของ official พี่ที่ทำงานอยู่แล้วเขาเป็น admin เขาก็ลงอยู่แล้ว ถ้าถามว่าทำไมไม่สร้างแอคขึ้นมาใหม่? ถ้าเป็นแอคโนเนม-อวตาร์มันก็ดูไม่น่าเชื่อถือถูกมั้ยคะ แล้วจะให้แอดใครที่ไหน account ส่วนตัวยังเปิด private เพื่อนใน FB ยังมีไม่ถึง 300 เลย 😅 แล้วจะเอาเอนเกจมาจากไหนคะ 55555 แล้วพี่ manager ชอบให้โพสต์ หาที่ลง แล้วก็บอกให้แคปมาด้วย 😢 แล้วเราเป็นคนที่ไม่ค่อย join FB group ต่าง ๆ ยกเว้นที่ตัวเองสนใจ เถ้าสนใจก็จะจอย แต่กด unfollow ไม่ให้ขึ้นใน feed ตลอด ไม่งั้นวัน ๆ นึงมีแต่ post จากกรุ๊ปทั้งนั้นเลย เพจที่เราไลค์ไว้ไม่ต้องขึ้นกันแล้ว เพราะฉะนั้นพอเรามาฝึกงานคือเราต้องรอ approve จากกรุ๊ปนาน 2-3 วัน แต่พี่เมเนบอกว่าอยากให้ส่งทุกวันว่าเราทำอะไรไปบ้าง แบบมาฝึกต้องได้อย่างน้อยวันละ 1 อย่าง ไม่อยากให้มานั่งทำงานรูทีน
ส่วนตัวเราเป็นคนไม่ชอบให้โลกโซเชียลมาปนกับการใช้ชีวิตจริงมาก ๆ แต่ก็เข้าใจว่าทุกวันเป็น digital marketing กันหมดแล้ว แต่ถ้าจะให้ใช้ real body + real life ร่วมกับ private acount และร่วมกับ work life นี่มันไม่ใช่ทางเราจริง ๆ เราได้เครียดตายก่อน ส่วนตัวไม่ถึงขั้นมีโลกส่วนตัวจนไม่อยากทำงานกับคนเยอะ ๆ ไม่ได้ ทุกอย่างเป็นความลับ แต่เราไม่ชอบการก้าวก่ายชีวิตในแต่ละพาร์ท จะ work hard, play hard จะ hard จะ suffer แค่ไหนก็แล้วแต่ แต่อย่ามากิน space กัน อย่างที่บอกไปว่าเราเป็นคนพูดรู้เรื่อง สื่อสารดี ที่จริงภาษาอังกฤษเราก็สื่อสารเป็นปกติได้เลย แต่ก็ยอมรับว่าแกรมม่าอาจจะต้องเป๊ะกว่านี้หน่อย (เพื่อนบอกว่าที่ไปฝึกด้วยกันเราดูพูดรู้เรื่องสุดด้วยซ้ำ😆) ให้คุยประสานงานกับใครก็ได้เป็นปกติเลยค่ะ ทักไปติดต่อเพจต่าง ๆ ก็ได้ปกติ ไม่ใช่คนขี้อาย ขี้กลัว ไม่กล้าแสดงออกเลยค่ะ แต่เรื่องกระแสสังคม คำศัพท์พี่กระเทย หรือข่าวดราม่า โหนกระแสอะไรแบบนี้เราก็ไม่ไวจริง ๆ เรายอมรับในจุดนี้ค่ะ เรามาอยู่หอด้วยแล้วพอไม่มีโทรทัศน์เราจะก็ใช้แต่ในโทรศัพท์ แต่เข้า YT ทีไรเราก็ชอบฟัง podcast หรือสื่อที่มันเนิร์ด ๆ หน่อยอะค่ะ เรื่องธุรกิจก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ดูการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ (จำได้ว่าตอน mixue มาเปิดใหม่ ๆ เราอยากรู้มากว่าทำไมไอ้ไอติมอันนี้มันโตไวจังwa เราก็ไปหาฟัง) แต่บางทีมันไม่ใช่กระแสสังคมอะค่ะ ที่คนส่วนใหญ่จะชอบเอาวลีไปใช้ต่อหรือเล่นกันตาม platform ร้านค้าต่าง ๆ จริง ๆ ถ้าให้เป็น admin page ตัดคลิปถ่ายคลิปก็ทำได้ค่ะ แต่ไม่ชอบการที่ต้องเอาตัวเองไปอยู่! ใน! คลิป! (แต่จริง ๆ ก็ไม่ชอบพวกงาน editor เวลาตัดคลิปเราค่อนข้าง ocd 😆) ถ้าอย่างล่าสุดพี่เมเนเรียกเพื่อนเราที่ไปฝึกด้วยกันกว่าให้ไปถ่ายรูปกับ product มานะ คือมันเป็น งาน event ที่ไม่ใช่สินค้าเล็ก ๆ 🚘🚙🛵 ค่ะ ส่วนตัวเราไม่ได้หน้าตาดีหุ่นดีแบบ beauty standard เท่าไหร่เลยไม่ได้ให้ไปถ่ายด้วย (ที่จริงเขาจะเรียกแค่เพื่อนเรา แต่ตอนนั้นเพื่อนเราหันหลังอยู่ แล้วไกล ไม่ได้ยิน แต่เราได้ยิน เห็น! พี่เขาเลยบอกมาให้หมดนั่นแหละ 55555🤣 แต่รู้สึกดีมากเลยค่ะที่เขาไม่ได้คาดหวังให้เราไปถ่าย 🤣🤣🤣)
ตั้งแต่เรียนการตลาดมาเวลาเดินห้างหรือเข้าร้านค้าต่าง ๆ ก็กลายเป็นคนชอบมองสื่อ มองโปร มองไปยันการตกแต่งร้าน ลองไปจับ ๆ ลูบ ๆ มองเครื่องจักรที่เขาใช้ในร้านมีกี่ตัว ตอนรอของหรืออาหารที่สั่งก็ชอบมองว่าเขาใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง ชอบอ่านข้อความบนกล่อง supply ว่าเขียนว่าอะไรเวลาที่พนักงานยังไม่ยกไปเก็บ 😆 เวลาเห็นโปรอะไรก็จะรู้สึกว่าอยากรู้ว่าเขาคิดออกมายังไงตั้งแต่แรกมากกว่า แล้วก่อนเรียน MKT แล้วเราชอบเดินดูพวกสินค้าว่ามันมีอะไรให้เราเปรียบเทียบบ้าง ที่จริงเราชอบดูเพื่อที่เราจะได้มีข้อมูลในการวางแผนการใช้ชีวิตในสถานการณ์ต่าง ๆ ให้หมาะกับเงินของเราน่ะค่ะ เช่น สินค้าชนิดหนึ่งยี่ห้อ A เราใช้ยี่ห้อ A เป็นประจำ ขวดเท่านี้ ปริมาณนี้ สูตรนี้ แต่มันมีสูตรอะไรบ้าง แล้วถ้าสักวันนึงเราอยากลอง B C D บ้าง มันราคาเท่าไหร่ ได้เยอะได้น้อย สรรพคุณต่างจาก A ยังไง ถ้ามันแพงกว่าเราก็อาจจะเอาไว้ลองวันหลัง แต่ถ้ามันถูกกว่าเราก็อาจจะเปิดใจลอง หรือสินค้าอื่น ๆ ถ้าเราต้องซื้ออะไรในงบ ๆ นึง เราก็จะได้รู้ว่าเราสามารถใช้ตัวไหนแทนได้จากปกติที่เราใช้ประจำ แล้วส่วนตัวก็ชอบลงอะไรใหม่ ๆ ด้วย
อย่างที่บอกไปว่าไม่ชอบออกกล้อง ไม่ชอบงานเบื้องหน้า คือไม่ชอบการเอาตัวเองไปเป็น "influencer" นั่นแหละค่ะ จะได้มากน้อยเท่าไหร่ก็ตาม สิ่งที่เสียใจอย่างนึงคือเราคิดว่าวิทยาลัยเราสอนตื้นไป ผ่านมาเทอมนึงเรียนแต่ 4P กับ SWOT อยู่นั่นแหละ แล้วก็ไม่ค่อยได้วิเคราะห์เลย ปกติหลักสูตรบริหารธุรกิจมันต้องเรียนประมาณไหนคะ? นี่อาจารย์ก็ไม่ค่อยยกวิธีการทำการตลาดของแบรนด์ต่าง ๆ มาให้คิดวิเคราะห์เลย เพื่อนในห้อง 90% ไม่รู้จัก Chat GPT ด้วยซ้ำ อาจารย์ก็ไม่พูดถึงว่ามันทำอะไรได้บ้าง มีหลายทีที่แอบสงสัยว่า ปวส. มันเรียนเท่าไหนหรอ? เพราะจบม.ปลายมา แต่เราค่อนข้างจับทางตัวเองได้หน่อยในสาย marketing คือ เราน่าจะชอบพวกวิเคราะห์ วางแผน อยากมีข้อมูลในมือแน่น ๆ และที่พูดมาไม่ใช่ว่าเราฝืนเรียนการตลาดนะคะ พอได้มาเรียนแล้วมันโอเคมากกว่าที่เราคิด เพราะเราชอบหาความรู้ต่าง ๆ เข้าตัว แล้วการตลาดมันต้องรู้รอบด้านมากเลยค่ะ ที่จริงเราว่าการตลาดมันท้าทายแล้วก็ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์เยอะเลย และเราก็ชอบงานที่มันเป็นโปรเจค ๆ ไปแบบนี้แหละ เลยอยากจะมาถามพี่ ๆ ที่เรียนสายนี้ หรือทำงานสาย marketing ว่าเราควรจะไปเวย์ไหนต่อ(ดี)ได้บ้างคะ หรือมันมีเวย์ไหนบ้าง ? ช่วยแนะนำหรือจะแชร์ประสบการณ์ของตัวเองก็ได้ค่ะ
ขอบคุณค่ะ))