สว.ตีตกญัตติด่วน พิจารณาปัญหาทหารเกณฑ์ถูกละเมิดสิทธิในค่ายจนเป็นเหตุเสียชีวิต-บาดเจ็บ
https://prachatai.com/journal/2024/10/110983
 
ที่ประชุมวุฒิสภาตีตกญัตติด่วนพิจารณาปัญหาทหารเกณฑ์ถูกละเมิดสิทธิในค่ายทหารจนเสียชีวิตและบาดเจ็บ ด้วยคะแนน 139 ต่อ 26 เสียง หลังเมื่อ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา พลทหารศิริวัฒน์เสียชีวิต จากการถูกฝึกหนัก-ทำร้ายร่างกาย
 
7 ต.ค. 2567 เพจเฟซบุ๊ก เทวฤทธิ์ มณีฉาย โพสต์ข้อความ วันนี้ (7 ต.ค.67) เมื่อเวลา 14.39 น.ที่ประชุมวุฒิสภามีมติ 139 ต่อ 26 เสียง ไม่เห็นด้วยกับญัตติด่วนให้พิจารณาปัญหาทหารเกณฑ์ถูกละเมิดสิทธิในค่ายทหารจนเป็นเหตุเสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งเสนอโดย นรเศรษฐ์ ปรัชญากร สมาชิกวุฒิสภา

เทวฤทธิ์ กล่าวว่า สำหรับประเด็นนี้ได้ยื่นกระทู้ด้วยวาจาเพื่อถาม ภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และรองนายกรัฐมนตรี ที่ดูแลงานด้านความมั่นคง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา แต่ด้วยมีผู้ยื่นกระทู้ด้วยวาจามากกว่า 3 เรื่อง ทำให้ต้องมีกระบวนการจับฉลาก ซึ่งกระทู้ของเขาไม่ได้เข้ารอบ อย่างไรก็ตาม กระทู้ทำนองเดียวกันของนรเศรษฐ์ สมาชิกวุฒิสภา ในประเด็นใกล้เคียงกันนี้ได้รับเลือกเป็น 1 ใน 3 กระทู้ แต่เสียดายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมไม่สะดวกมาตอบ จึงเป็นเหตุให้นรเศรษฐ์ เสนอญัตติด่วนให้วุฒิสภาพิจารณา ซึ่งก็เสียดายที่วุฒิสภามีมติไม่เห็นด้วยดังกล่าว
 
โพสต์ข้อความระบุว่า สำหรับเขาที่เตรียมประเด็นกระทู้ถามไว้ก็อยากถาม รมว.กลาโหม ถึงว่าทางกระทรวงมีมาตรการอะไรบ้างในการสร้างหลักประกันในความปลอดภัยในชีวิตระหว่างการฝึก ไม่ให้เกิดการซ้อมทรมานจนเป็นเหตุให้เกิดศพที่ 23 หรือ 24 หรืออีกกี่คนที่ต้องเข้า ICU ให้สมกับการ "เปลี่ยนผ่านรูปแบบการเกณฑ์ทหารไปสู่แบบสมัครใจ"

จากการรวมรวมเฉพาะที่เป็นข่าวประมาณ 10 ปีที่ผ่านมามีพลทหารมากกว่า 20 รายที่เสียชีวิตเนื่องจากการละเมิดนี้ จนล่าสุด 3 ต.ค.ที่ผ่านมา พี่สาวของพลทหารศิริวัฒน์ สังกัดกรมสารวัตรทหารเรือ มาร้องทหาร สภาผู้แทนฯ เนื่องจากพลทหารศิริวัฒน์เสียชีวิตในค่ายทหาร โดยเพื่อนพลทหารอ้างว่ามาจากการฝึกหนัก ซ้ำถูกครูฝึกทำร้าย ทั้งเตะและตบหน้า
 
ขณะที่เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา พลทหารวรปรัชญ์ จากค่ายนวมินทร์ จ.ชลบุรี ก็ถูกครูฝึก 'ซ่อมวินัย' จนเสียชีวิต หลังเกณฑ์ทหารไม่ถึง 3 เดือน ซึ่งต่อมา 29 ส.ค. 2567 คณะกรรมการสิทธิฯ ออกมาชี้ว่า การเสียชีวิตดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิฯ พร้อมทั้งจะส่งเรื่องสำนักงานอัยการสูงสุด และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย ตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ เพิ่มเติม
 
เทวฤทธิ์ กล่าวว่า ในนโยบายระยะกลาง และระยะยาว ที่แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา มีนโยบายปฏิรูประบบราชการและกองทัพ โดย 'เปลี่ยนผ่านรูปแบบการเกณฑ์ทหารไปสู่แบบสมัครใจ' โดยที่ก่อนหน้านี้มีข้อถกเถียงเรื่องการปฏิรูปการเกณฑ์ทหารว่าจะออกเป็นกฎหมายยกเลิกเลย หรือใช้กระบวนการทางการบริหารเพื่อจูงใจให้คนสมัครมากๆ จนลดจำนวนผู้ที่ถูกบังคับเกณฑ์ เช่นเดียวกับ รมว.กลาโหมคนก่อน สุทิน คลังแสง ก็ชูมาตรการดึงดูดปรับทัศนคติให้คนมาสมัครมากขึ้น
 
เทวฤทธิ์ กล่าวว่า ในอดีตอาจมีข้อวิจารณ์ว่าการเกณฑ์ทหารเป็นริบเอาอนาคตของคนหนุ่มสาว ลูกหลานชาวบ้านไป แต่กับพลทหารศิริวัฒน์ ผู้วายชนนั้นตัวเขากลับมองว่าเป็นอนาคตในด้านรายได้ และอาชีพการงาน แต่วันนี้เขาต้องเสียชีวิต ซึ่งไม่ได้มีแค่พลทหารศิริวัฒน์ แต่ยังมีลูกหลานและคนหนุ่มสาวอีกหลายคนที่ต้องถูกละเมิดและเสียชีวิตในค่ายทหาร จึงหวังว่าทางกระทรวงกลาโหมจะมีมาตรการที่จริงจังในการจัดการปัญหาเหล่านี้ เพื่อไม่ให้ลูกหลานคนหนุ่มลูกหลานประชาชนอีกต่อไป 
 
https://www.facebook.com/tewarit.bus/posts/122120494868437811
 

---

'อว.'เผยเด็กจบใหม่ตกงานเพียบ 'สังคม-ศิลปศาสตร์' แชมป์เตะฝุ่น จี้มหา’ลัยปรับหลักสูตร
https://www.matichon.co.th/education/news_4829295
 
‘อว.’เผยเด็กจบใหม่ตกงานเพียบ ‘สังคม-ศิลปศาสตร์’ แชมป์เตะฝุ่น จี้มหา’ลัยปรับหลักสูตร
 
นายศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เปิดเผยว่า ในปัจจุบันมีบัณฑิตจบใหม่ แต่ไม่สามารถหางานทำได้จำนวนมาก สาเหตุหลักมาจากความต้องการของตลาดแรงงานมีความเปลี่ยนแปลง อว.เห็นถึงปัญหาดังกล่าว และวางแนวทางแก้ไข โดยปรับเปลี่ยนหลักสูตรให้เป็นการเรียนรู้จากการปฏิบัติงานจริง หรือ Experiential Learning เช่น การส่งไปฝึกงานกับภาคเอกชนในช่วงปิดภาคเรียนเป็นระยะเวลา 4 เดือน ซึ่งหลักสูตรแบบนี้จะทำให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์ รวมถึงยังได้รับจรณทักษะ หรือ ซอฟต์สกิล ในเรื่องของการพูดคุยสื่อสารในที่ทำงาน ความเป็นผู้นำ การคิดวิเคราะห์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่อาจหาได้จากการเรียนในห้องเรียนเพียงอย่างเดียว
 
“ตอนนี้อว.การพูดคุยกับมหาวิทยาลัยต่างๆให้มีการปรับหลักสูตรสู่แนวทาง Experiential Learning ยิ่งขึ้น รวมถึง ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมหรือผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้ใช้บัณฑิตโดยตรง ออกแบบหลักสูตรใหม่ๆ ให้ตรงตามความต้องการตองตลาดแรงงาน โดยเฉพาะในสาขาวิชาชีพ เช่น วิศวกรรมศาสตร์ และสาขาด้านวิทยาศาสตร์ เป็นต้น ”นาย ศุภชัย กล่าว
 
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการพัฒนาทักษะของบัณฑิตให้มีความหลากหลายโดยเฉพาะทักษะทางด้านดิจิทัลที่มีความสำคัญในยุคปัจจุบัน เช่น การเขียนโค้ด การคิดวิเคราะห์ การใช้ปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เป็นต้น ซึ่งทางอว. ได้ผลักดันให้บรรจุทักษะเหล่านี้เข้าไปในวิชาศึกษาทักษะทั่วไป ให้นักศึกษาได้เลือกเรียนมากยิ่งขึ้น โดยสามารถไปนำวิชาที่ภาคเอกชนมีการเปิดสอนอยู่แล้ว เช่น คอร์สเรียนของ Google คอร์สเรียนของ Microsoft เป็นต้น มาใช้ในการเรียนการสอน เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้กับผู้เชี่ยวชาญที่หลากหลาย โดยไม่จำเป็นต้องเรียนกับอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
 
นายศุภชัย กล่าวต่อว่า ขณะที่สาขาวิชาที่มีนักศึกษาสนใจเรียนมาก เกินความต้องการของตลาด อย่างเช่น สาขาวิชาทางด้าน สังคมศาสตร์  หรือ ศิลปศาสตร์ ที่จบออกมาแล้ว หางานได้ยาก ควรมีการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล และทักษะด้านอื่น ๆ ที่จำเป็นให้กับนักศึกษากลุ่มนี้ เพื่อเพิ่มทางเลือกในการทำงานและปรับทักษะที่ได้รับให้เข้ากับสายงานอื่นๆได้ โดยหลักการอย่างหนึ่งที่ อว.พยายามทำคือ การพัฒนาทักษะเพิ่มเติมให้ผู้เรียน เพื่อให้สามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้หลากหลาย นอกจากนี้ยังพยายามผลักดันให้มีการเปิดหลักสูตรใหม่ๆที่ตอบโจทย์กับตลาดแรงงานและการพัฒนาของประเทศ เช่น หลักสูตรวิศวกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หลักสูตรความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือ Cybersecurity เป็นต้น

---

เปิดชื่อ 7 จังหวัด เตือน เฝ้าระวัง น้ำทะเลหนุนสูง 13-24 ตุลาคมนี้ 
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9449274

สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศเตือน 7 จังหวัด เฝ้าระวัง น้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 13-24 ตุลาคมนี้ เช็กที่นี่ จังหวัดไหนบ้างเตรียมรับมือ
วันที่ 8 ต.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ออกประกาศ เฝ้าระวัง น้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 13-24 ตุลาคม 2567 ระบุว่า
 
เนื่องจากอิทธิพลของน้ำทะเลหนุนสูง ประกอบกับมวลน้ำหลากจากตอนบนของลุ่มน้ำไหลลงมาสมทบส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มสูงขึ้น เสี่ยงน้ำท่วมบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำและแนวเขื่อนชั่วคราวบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ)
 
จึงขอให้เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง 7 จังหวัด ดังนี้

1. สมุทรปราการ
2. กรุงเทพมหานคร
3. นนทบุรี
4. ปทุมธานี
5. สมุทรสาคร
6. นครปฐม
7. สมุทรสงคราม
 
สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ประกาศเตือน 7 จังหวัด เฝ้าระวัง น้ำทะเลหนุนสูง ช่วงวันที่ 13-24 ตุลาคมนี้ เช็กที่นี่ จังหวัดไหนบ้างเตรียมรับมือ