วันก่อนไปเดินเล่นไอค่อนสยาม เลยลองเดินหาบอดี้โลชั่นเคาน์เตอร์แบรนด์กลิ่นลัคชูแบบหอมผ่อนคลาย ที่สามารถกู้ผิวแห้งกร้านขาดน้ำได้ด้วย ขีดเส้นใต้คำว่า
แห้งกร้าน+ขาดน้ำ สำหรับใครที่ยังแยก 2 สิ่งนี้ไม่ออก แวะอ่านแบบรวบรัด เข้าใจง่ายตรงนี้ก่อนเลยนะคะ
*
ผิวแห้ง คือ ผิวที่ต่อมไขมันใต้ผิวผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ (Sebum) ได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ผิวแห้งกร้าน หรือ ลอกเป็นขุย เพราะผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้
*
ผิวขาดน้ำ คือ ภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื่นหรือขาดน้ำใต้ผิว ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว คือ ต่อให้ผิวมันก็ผิดขาดน้ำได้ ซึ่งผิวขาดน้ำนี่แหละ ที่นอกจากจะทำให้ผิวแห้งกร้านแล้ว ยังทำให้ดูหมอง ไม่สดใส ไม่กลาสกิน ไม่แกลมแบบคนผิวสุขภาพดี
ซึ่งสภาพผิวเรา ก็คือ *
ผิวแห้งขาดน้ำ และแพ้ง่ายด้วย ดับเบิ้ลโบนัสแจ๊คพ็อตแตกกันไปเลย
และจากการเดินวนทดลองหลายแบรนด์จนแขนขากลายเป็นพื้นที่โลชั่นเคาร์เตอร์แบรนด์ทุกภาคส่วน ก็ได้ 3 แบรนด์ที่รู้สึกว่าเข้ารอบสุดละ ก็คือ
ORIGINS , THANN และ Kiehl's แต่จะได้ขวดไหนกลับบ้าน ไปตามดูกันค่ะ
เริ่มที่
ORIGINS รุ่น Plantfusion Hand & Body lotion
ด้วยความแพ้ง่ายอ่ะเนอะ ก็เลยพุ่งไปที่สูตร Vegan ก่อนเลย เนื้อโลชั่นค่อนข้างเบาสบายผิว เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ตามแบบฉบับ Phyto-powered complex ที่เป็นสูตรเฉพาะของ ORIGINS พนักงานบอกว่า เรื่องความเกลี่ยง่ายสบายผิว ORIGINS ไม่แพ้ใครนะ (ชอบความขิงนี้) และความ Vegan อ่ะเนอะ สารสกัดหลักๆ ของสูตรนี้ก็เลยมาจากธรรมชาติกว่า 94% มีส่วนผสมของ Apricot oil ด้วย ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิวแห้งกร้านได้แบบเต็มที่ มีกรดซาลิไซลิก จากเปลือกไม้ และใบไม้ต่างๆ ใดใด (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ที่จะช่วยให้ผิวไบร์ทใสขึ้น
และแน่นอนจ้ะ สิ่งที่เราตามหาคือ กลิ่นลัคชูหอมผ่อนคลาย ซึ่ง ORIGIN สูตรนี้ก็ถือว่า ทำถึงมากนะ หอมละมุนผ่อนคลายแบบเฟรชๆ ไม่สมุนไพรป่าหญ้าจนเกินไป อารมณ์เหมือนเดินป่าสูดอากาศบริสุทธิ์
Paraben Free & Mineral Oil Free
ขนาด 200 มล. ราคา 2,000 บาท
แบรนด์ต่อมา
THANN รุ่น Earl Grey Infusion Rice Extract Body Milk
มาไอค่อนสยามไม่แวะร้านนี้ไม่ได้จริงๆ แค่เข้าไปดมกลิ่นร้านก็หายปวดสมองแล้ว แบรนด์นี้มีโลชั่นให้เลือกหลายสูตรมาก แต่พนักงานแนะนำว่าสูตรนี้เป็นสูตรใหม่ เป็น Body Milk เนื้อเบา ไม่หนืด ทาแล้วจะเคลือบผิวฉ่ำๆ แต่ไม่เหนอะหนะ ไม่รำคาญผิว ซึ่งจากที่ลองทา เนื้อโลชั่นจะใช้เวลาเกลี่ยมากกว่า ORIGINS นิดนึง แต่พอซึมผิวแล้ว สบายผิวมาก ไม่เหนอะผิวจริง จนแอบไม่แน่ใจว่าจะช่วยเรื่องผิวแห้งกร้านขาดน้ำได้จริงมั้ย แต่พนักงานบอกว่า สูตรนี้เค้าจะพาสารสกัดลงผิวระดับลึก (จำคำแม่นๆ ไม่ได้) แล้วก็จะสร้างฟิล์มบางๆ ล็อคความชุ่มชื้นบนผิว ลดการสูญเสียน้ำใต้ชิ้นผิว
ส่วนเรื่องกลิ่น ธัญไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว รุ่นนี้หอมผ่อนคลายแบบสุด มีความลาเวนเดอร์ ความส้ม ความอะไรก็ไม่รู้ที่กลายเป็นผู้หญิงตัวหอมแบบไม่ปลอมไปเลย
Paraben Free, Mineral Oil Free, Silicone Free
ขนาด 320 มล. ราคา 850 บาท
และแบรนด์สุดท้าย ก็คือ
Kiehl's รุ่น Creme de Corps
รุ่นนี้เพื่อนแนะนำมา บอกว่าเป็น Holy Grail แบบสุดของคีลส์ เป็นไอเท็มสูตรคลาสสิกที่มีมานาน แต่นี่หาเคาน์เตอร์ Kiehl's ไม่เจอ เลยไปดูใน Sephora ก็เจอพอดี กดใส่มือปุ๊บ ตกกะใจปั๊บ เนื้อครีมเข้มข้นสุดในบรรดาทุกสูตรที่ลองมาเลย แล้วสีคือน่ากินมาก นึกถึงไส้ครีมในเอแคลร์ มันจะมีความนวลๆ ซึ่งเป็นสีธรรมชาตินะ มาจากแครอท เพราะฉะนั้นเราก็จะได้ Beta-Carotene ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็มีสารสกัดออแกนิกจาก Cocoa Butter, Sesame Oil, Vitamin E ก็คือ สารให้ความชุ่มชื่นค่อนข้างแน่น แน่นเหมือนเนื้อโลชั่นเค้าเลย แต่ก็เกลี่ยง่ายนะ นวดๆ วนๆ ไม่นานก็ซึมผิวละ แต่ถ้าเทียบกับ ORIGINS และ THANN ก็ถือว่า Kiehl's สูตรนี้จะเหนอะหนะกว่าเค้าเพื่อน มันจะรู้สึกว่ามีอะไรอยู่บนผิว แต่เติมเต็มความชุ่มชื่นแบบสุดจนเข้ารอบมาด้วย
ส่วนเรื่องกลิ่น สูตรนี้ไม่ใส่น้ำหอมนะ แต่เข้ารอบมาได้ เพราะความแปลกที่ไม่มีกลิ่นสารสกัดรบกวน คือไม่หอมและไม่เหม็น ไม่แหม่ง เหมาะกับวันที่จะทาออกนอกบ้านแล้วฉีดน้ำหอมด้วย ก็จะไม่มีกลิ่นตีกัน
Fragrance Free, Paraben Free
ขนาด 250 มล. ราคา 1,770 บาท
และหลังจากทาทั้ง 3 สูตรนี้ไว้ตามแขนขา แล้วก็ไปกิน MK ไปเดินช้อปปิ้งจนค่ำมืด ก็ตัดสินใจกลับไปจัดน้อง THANN สูตรนี้กลับบ้านมาด้วยจ้า เพราะ ...
1. เนื้อโลชั่นทาง่าย ไม่เหนอะหนะ ไม่รำคาญผิว
2. หลังทดลองทาทิ้งไว้ประมาณ 6 ชม. ผิวยังชุ่มชื่น (จริงๆ ทั้ง 3 แบรนด์ทำได้ไม่ต่างกัน)
3. กลิ่นหอมดีงามมาก ถูกจริตถูกจิตถูกใจที่สุด
4. ราคาและปริมาณ ไม่ทำให้กระเป๋าฉีกจนเกินไป
เพิ่มเติม : จริงๆ แอบลังเลกับ ORIGINS นะ เพราะความสบายผิว ความชุ่มชื่นใกล้เคียงกันเลย แต่ชอบกลิ่นของธัญมากกว่า และราคาประหยัดกว่า (แต่เอาจริง ถ้าประหยัดสุด คือ Kiehl's นะ ถึงจะราคาเกือบ 1800 แต่ปริมาณในการใช้ต่อครั้ง น้อยกว่าโลชั่นทั่วไปมาก คือ 250 มล. ใช้ยาวแน่นอน ถ้าใครชอบโลชั่นเนื้อแน่น ก็เชียร์คีลส์นะ)
ใครเคยใช้แบรนด์ไหน รุ่นไหนที่น่าลองอีก แวะมาแนะนำกันได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ
[CR] 3 โลชั่นบำรุงผิว กลิ่นลัคชูหอมผ่อนคลาย กู้ผิวแห้งกร้านขาดน้ำ
* ผิวแห้ง คือ ผิวที่ต่อมไขมันใต้ผิวผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวตามธรรมชาติ (Sebum) ได้น้อยกว่าปกติ ทำให้ผิวแห้งกร้าน หรือ ลอกเป็นขุย เพราะผิวไม่สามารถกักเก็บความชุ่มชื่นไว้ได้
* ผิวขาดน้ำ คือ ภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื่นหรือขาดน้ำใต้ผิว ซึ่งเกิดขึ้นได้กับทุกสภาพผิว คือ ต่อให้ผิวมันก็ผิดขาดน้ำได้ ซึ่งผิวขาดน้ำนี่แหละ ที่นอกจากจะทำให้ผิวแห้งกร้านแล้ว ยังทำให้ดูหมอง ไม่สดใส ไม่กลาสกิน ไม่แกลมแบบคนผิวสุขภาพดี
ซึ่งสภาพผิวเรา ก็คือ * ผิวแห้งขาดน้ำ และแพ้ง่ายด้วย ดับเบิ้ลโบนัสแจ๊คพ็อตแตกกันไปเลย
และจากการเดินวนทดลองหลายแบรนด์จนแขนขากลายเป็นพื้นที่โลชั่นเคาร์เตอร์แบรนด์ทุกภาคส่วน ก็ได้ 3 แบรนด์ที่รู้สึกว่าเข้ารอบสุดละ ก็คือ ORIGINS , THANN และ Kiehl's แต่จะได้ขวดไหนกลับบ้าน ไปตามดูกันค่ะ
เริ่มที่ ORIGINS รุ่น Plantfusion Hand & Body lotion
ด้วยความแพ้ง่ายอ่ะเนอะ ก็เลยพุ่งไปที่สูตร Vegan ก่อนเลย เนื้อโลชั่นค่อนข้างเบาสบายผิว เกลี่ยง่าย ซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ตามแบบฉบับ Phyto-powered complex ที่เป็นสูตรเฉพาะของ ORIGINS พนักงานบอกว่า เรื่องความเกลี่ยง่ายสบายผิว ORIGINS ไม่แพ้ใครนะ (ชอบความขิงนี้) และความ Vegan อ่ะเนอะ สารสกัดหลักๆ ของสูตรนี้ก็เลยมาจากธรรมชาติกว่า 94% มีส่วนผสมของ Apricot oil ด้วย ก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงผิวแห้งกร้านได้แบบเต็มที่ มีกรดซาลิไซลิก จากเปลือกไม้ และใบไม้ต่างๆ ใดใด (จำชื่อไม่ได้แล้ว) ที่จะช่วยให้ผิวไบร์ทใสขึ้น
และแน่นอนจ้ะ สิ่งที่เราตามหาคือ กลิ่นลัคชูหอมผ่อนคลาย ซึ่ง ORIGIN สูตรนี้ก็ถือว่า ทำถึงมากนะ หอมละมุนผ่อนคลายแบบเฟรชๆ ไม่สมุนไพรป่าหญ้าจนเกินไป อารมณ์เหมือนเดินป่าสูดอากาศบริสุทธิ์
Paraben Free & Mineral Oil Free
ขนาด 200 มล. ราคา 2,000 บาท
แบรนด์ต่อมา THANN รุ่น Earl Grey Infusion Rice Extract Body Milk
มาไอค่อนสยามไม่แวะร้านนี้ไม่ได้จริงๆ แค่เข้าไปดมกลิ่นร้านก็หายปวดสมองแล้ว แบรนด์นี้มีโลชั่นให้เลือกหลายสูตรมาก แต่พนักงานแนะนำว่าสูตรนี้เป็นสูตรใหม่ เป็น Body Milk เนื้อเบา ไม่หนืด ทาแล้วจะเคลือบผิวฉ่ำๆ แต่ไม่เหนอะหนะ ไม่รำคาญผิว ซึ่งจากที่ลองทา เนื้อโลชั่นจะใช้เวลาเกลี่ยมากกว่า ORIGINS นิดนึง แต่พอซึมผิวแล้ว สบายผิวมาก ไม่เหนอะผิวจริง จนแอบไม่แน่ใจว่าจะช่วยเรื่องผิวแห้งกร้านขาดน้ำได้จริงมั้ย แต่พนักงานบอกว่า สูตรนี้เค้าจะพาสารสกัดลงผิวระดับลึก (จำคำแม่นๆ ไม่ได้) แล้วก็จะสร้างฟิล์มบางๆ ล็อคความชุ่มชื้นบนผิว ลดการสูญเสียน้ำใต้ชิ้นผิว
ส่วนเรื่องกลิ่น ธัญไม่ทำให้ผิดหวังอยู่แล้ว รุ่นนี้หอมผ่อนคลายแบบสุด มีความลาเวนเดอร์ ความส้ม ความอะไรก็ไม่รู้ที่กลายเป็นผู้หญิงตัวหอมแบบไม่ปลอมไปเลย
Paraben Free, Mineral Oil Free, Silicone Free
ขนาด 320 มล. ราคา 850 บาท
และแบรนด์สุดท้าย ก็คือ Kiehl's รุ่น Creme de Corps
รุ่นนี้เพื่อนแนะนำมา บอกว่าเป็น Holy Grail แบบสุดของคีลส์ เป็นไอเท็มสูตรคลาสสิกที่มีมานาน แต่นี่หาเคาน์เตอร์ Kiehl's ไม่เจอ เลยไปดูใน Sephora ก็เจอพอดี กดใส่มือปุ๊บ ตกกะใจปั๊บ เนื้อครีมเข้มข้นสุดในบรรดาทุกสูตรที่ลองมาเลย แล้วสีคือน่ากินมาก นึกถึงไส้ครีมในเอแคลร์ มันจะมีความนวลๆ ซึ่งเป็นสีธรรมชาตินะ มาจากแครอท เพราะฉะนั้นเราก็จะได้ Beta-Carotene ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ แล้วก็มีสารสกัดออแกนิกจาก Cocoa Butter, Sesame Oil, Vitamin E ก็คือ สารให้ความชุ่มชื่นค่อนข้างแน่น แน่นเหมือนเนื้อโลชั่นเค้าเลย แต่ก็เกลี่ยง่ายนะ นวดๆ วนๆ ไม่นานก็ซึมผิวละ แต่ถ้าเทียบกับ ORIGINS และ THANN ก็ถือว่า Kiehl's สูตรนี้จะเหนอะหนะกว่าเค้าเพื่อน มันจะรู้สึกว่ามีอะไรอยู่บนผิว แต่เติมเต็มความชุ่มชื่นแบบสุดจนเข้ารอบมาด้วย
ส่วนเรื่องกลิ่น สูตรนี้ไม่ใส่น้ำหอมนะ แต่เข้ารอบมาได้ เพราะความแปลกที่ไม่มีกลิ่นสารสกัดรบกวน คือไม่หอมและไม่เหม็น ไม่แหม่ง เหมาะกับวันที่จะทาออกนอกบ้านแล้วฉีดน้ำหอมด้วย ก็จะไม่มีกลิ่นตีกัน
Fragrance Free, Paraben Free
ขนาด 250 มล. ราคา 1,770 บาท
และหลังจากทาทั้ง 3 สูตรนี้ไว้ตามแขนขา แล้วก็ไปกิน MK ไปเดินช้อปปิ้งจนค่ำมืด ก็ตัดสินใจกลับไปจัดน้อง THANN สูตรนี้กลับบ้านมาด้วยจ้า เพราะ ...
1. เนื้อโลชั่นทาง่าย ไม่เหนอะหนะ ไม่รำคาญผิว
2. หลังทดลองทาทิ้งไว้ประมาณ 6 ชม. ผิวยังชุ่มชื่น (จริงๆ ทั้ง 3 แบรนด์ทำได้ไม่ต่างกัน)
3. กลิ่นหอมดีงามมาก ถูกจริตถูกจิตถูกใจที่สุด
4. ราคาและปริมาณ ไม่ทำให้กระเป๋าฉีกจนเกินไป
เพิ่มเติม : จริงๆ แอบลังเลกับ ORIGINS นะ เพราะความสบายผิว ความชุ่มชื่นใกล้เคียงกันเลย แต่ชอบกลิ่นของธัญมากกว่า และราคาประหยัดกว่า (แต่เอาจริง ถ้าประหยัดสุด คือ Kiehl's นะ ถึงจะราคาเกือบ 1800 แต่ปริมาณในการใช้ต่อครั้ง น้อยกว่าโลชั่นทั่วไปมาก คือ 250 มล. ใช้ยาวแน่นอน ถ้าใครชอบโลชั่นเนื้อแน่น ก็เชียร์คีลส์นะ)
ใครเคยใช้แบรนด์ไหน รุ่นไหนที่น่าลองอีก แวะมาแนะนำกันได้นะคะ ขอบคุณที่ติดตามกันค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้