EP.2 **สตอรี่ของเด็กมีปัญหา**(ลองเปิดใจอ่านกันดูนะครับ เนื้ออาจจะแรงไปหน่อย ขออภัยใน ณ ทีนี้ด้วย ขอบคุณครับ)

.....แต่เกิดบาดแผลในใจของทั้ง2ฝ่ายเข้าแล้ว แต่ผมยอมรับหัวใจผู้ชายคนนี้มาก จากคนที่ เทาสุดๆ มันเป็นภาพจำที่ผมพึ่งเคยเห็นครั้งแรก ผมตื่นมาเห็นพ่อกำลังรีดเสื้อของผมกับน้องอยู่ ตอนตี 5 ผมก็คิดว่าแกคงทำได้ไม่กี่วัน ก็คงกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ไม่เหมือนที่ผมคิด พ่อทำอย่างนั้นอยู่ทุกวัน เห้ย ลูก2คน ดูแลคนเดียว ยิ้มเหนื่อยนะเว้ย แล้วไหนจะธุรกิจบลาๆที่พ่อทำอีก  จากที่พ่อเคยไปต่างจังหวัด เราอยู่กับแม่ กลายเป็นว่า เราไปกับพ่อทุกที่ที่พ่อไป เจอเพื่อนของพ่อหลายๆคน หลายๆคนพูดเหมือนกันหมด ว่าพ่อผมดูแย่นะช่วงนี้ ก็แหงหล่ะ เป็นใครเจอเรื่องพวกนี้ก็คงต้องเป็นเหมือนพ่อผมนี่แหละ จากที่แกเป็นคนเฮฮา คุยเก่ง โม้เก่ง แต่ข่วงเวลานี้ที่พ่อเป็นอยู่ คือคนละคน แต่อย่างว่า เมื่อเราโตผู้ใหญ่ ต่อไห้แย่แค่ไหน ก็ต้องไหว ใช่มั้ยละ เพราะผมกับน้องอยู่กับพ่อตลอด ถ้าพ่อไม่เอาอะไรแล้วชีวิตนี้ แล้วลูก2คนต้องคิดยังไงต่อ  เเต่เราก็อยู่ด้วยกันมา แล้วเราก็ผ่านช่วงเวลาที่แย่ที่สุดมาได้

     
       แต่สำหรับผมอะนะ ตอนนั้น ยังไม่ใช่ตอนที่แย่ที่สุดในชีวิตของผม (คือมันมีพีคอีกเยอะ อ่านไปเรื่อยๆ ผมอยากจะเล่าไห้มันเป็นสตอรี่ที่มองเห็นภาพ) **และแล้วพ่อก็เจอผู้หญิงคนนึง ที่จะมาดูแลผมกับน้องได้ เพราะผมเข้าใจดีว่าการที่พ่อต้องทำงานของพ่อ แล้วต้องดูแลทั้งเราด้วย มันคงไม่ไหว แต่ก็อย่างที่เล่าไปตอนแรก คือพ่อผมชอบลงอ่างมาก ก็ไปเจอกับผู้หญิงคนนี้นี่แหละ (ผมขอเเทนชื่อผญ.คนนี้ว่า พี่โม ละกัน นามสมมุติ) ก็หลังจากที่เจอกัน พ่อก็พาไปกินข้าวด้วยบ่อยๆ เจอกันบ่อยๆ แต่ตอนแรกยังไม่ได้มาอยู่ด้วยกันหรอกนะ ตอนนั้น ผมอายุ12ปีแล้ว และอีกเทอมผมจะจบป.6 คืออีกไม่นานผมจะต้องเลือกแล้วว่าจะอยู่กับใคร ระหว่างทางบ้านยาย หรืออยู่กับน้องที่นี่กับน้อง ละพ่อก็คุยกันกับเรา2คน ว่าอยากได้คนนี้มาดูแลผมกับน้อง เพราะเรารู้ดี ว่าพ่องานที่ต้องทำ ผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพราะพูดตามตรงว่าครั้งแรกที่เจอผญ.ก็ดี เทคเเคร์น้องสาวผม พูดเพราะ อยู่กันไม่นานน้องผมที่เริ่มรู้เรื่องรู้ราวแล้วก็เรียกพี่โม ว่าแม่ไปโดยปริยาย แต่ผมไม่เรียกว่าแม่นะ เพราะรู้ดีว่าใครเป็นแม่ผม แต่น้องผมไม่ถือสา เพราะตอนแม่จากไปน้องก็เด็กมาก ผมยังจำได้วันที่แต่งหน้าศพแม่ น้องพูดกับผมว่าแม่แค่หลับเดี๋ยวก็ตื่น แต่ในใจผมรู้ดีนะ ว่าแม่ไม่ตื่นมาอีกแล้ว ผมได้แค่ยิ้มแต่ในใจมันจุกอกนะพูดตรงๆ ต่อไห้จะบอกว่าไม่เสียใจก็เถอะ คือชีวิตต่อจากนี้กูจะไม่มีแม่แล้วอะ เข้าใจอารมณ์ปะ มันก็ดีแหละ ที่ไม่มีใครคอยบ่น คอยว่า แต่เชื่อเถอะว่าการมีใครสักคนคอยอบรมสั่งสอน มันดีที่สุดจริงๆ

      ***เข้าเรื่องต่อ ช่วงที่พี่โมเข้ามาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ก็ไม่มีอะไรแย่ พ่อผมซื้อรถไห้ผม1คัน ผมเริ่มโตเป็นหนุ่มน้อย ขนบัวเริ่มขึ้น55 
ผมเริ่มไม่เข้าบ้าน จากที่ตอนเด็กที่ไม่เคยก้าวขาออกจากบ้านถ้าฟ้ามืด ไม่ได้กลัวผีหรืออะไรนะ แต่แม่โหดมากๆ พอไม่มีคนคุม ก็ไม่มีใครหยุดผมอยู่ เพราะพ่อจะเลี้ยงผมแบบฟรีสไตล์มาก คือ จะเข้าจะออกกี่โมงก็เรื่องของ แต่ผมจะต้องกลับมาทำงานที่ตัวเองทำประจำทุกวัน หลังจากเสร็จงาน ผมรับเงิน ออกจากบ้าน 
หลังๆ ผมเริ่มไม่เข้าบ้าน ผมมีเสื้อนักเรียนหนึ่งตัว กับโน๊ตบุ๊ก พร้อมกระเป๋า  ผมไปอยู่บ้านเพื่อนที่เรียนห้องเดียวกัน ขอเรียกมันว่าไอ่กอ ไอ่กอ มันเป็นลูกดาบตำรวจท่านหนึ่ง ซึ่งพ่อกับแม่ของกอเนี่ย ดีกับผมมาก คือตลอดเวลาที่ผมอยู่บ้านหลังนั้น ค่าใช้จ่ายทุกบาท เงินไปโรงเรียนทุกวัน เงินไปเล่นร้านเกมหลังเลิกเรียน ค่าไข่ ซื้อมาทอดกิน กับไอ่กอ ทุกอย่างพ่อของกอ ออกไห้หมด ผมไม่เคยลืมบุญคุณ บ้านหลังนี้เลย ระยะเวลาเป็น2-3เดือนที่ผมอยู่ แต่ผมก็ไม่ได้ขอแกนะ ผมจะกลับเข้าไปขอเงินที่บ้าน 2-3วันครั้ง แต่เงินส่วนมากก็มาจากกระเป๋าของพ่อกออยู่ดี  แต่ช่วงเวลาที่ผมออกจากบ้านมา พ่อผมกำลังจะมีน้องอีกคน กับพี่โมแฟนสาวคนใหม่  ผมก็ไม่รู้สิ ผมรู้สึกว่า ผมรู้สึกว่าของแบบนี้มันเป็นเรื่องของคน2คน ไม่ใช่เรื่องของเด็กอายุ 12 ที่ต้องมาตัดสินใจอะไร  พ่อคิดว่าดีผมก็ว่าดี  พอพี่โมท้อง พ่อผมก็ต้องสู่ขอตามธรรมเนียม และเเฟนสาวของพ่อก็ยังอายุน้อยกว่าพ่อเป็น10กว่าปี  แต่ผมไม่ซีเรียสหรอก เพราะไม่ใช่เรื่องของผม   และแล้วก็ตามนั้น งานหมั้นเสร็จ ใช้ชีวิตปกติ

    ผมก็เหมือนเดิม ไม่อยู่บ้าน แต่รอบนี้หนักกว่าครั้งแรก เพราะผมกำลังโดนเข้าสู้วงจรของยา ดนน้ำมัน ดมกาว  ขโมยน้ำมัน เริ่มคบเพื่อนที่หัวรุนแรง จากที่เคยคบเพื่อนก็ถือว่าดื้อนะ แต่ยังไม่สุด แต่ตอนนี้ของจริง ไม่ใช่รุ่นเพื่อนแล้ว เป็นรุ่นพี่ แล้วก็มีพวกอายุไล่ๆกัน แต่ที่จำได้ ในกลุ่มผมจะอายุน้อยที่สุด เหมือนเดิม เพื่อนไม่เยอะ แต่พวกนี้ดื้อสุดๆ ดื้อจริงๆ แล้วอยู่ไม่ไกลจากบ้านผม แล้วมันเป็นช่วงปิดเทอม ผมมีเพื่อนที่เคยเข้าร้านเกมด้วยกัน อยู่ในกลุ่มนี้  มันก็พาผมไปเล่นกับพวกรุ่นพี่ และก็เหมือนเดิมคือผมไม่เข้าบ้าน ผมอยู่บ้านรุ่นพี่ คนนั้น บ้านหลังไม่ใหญ่ อยู่ในซอยๆเล็ก รถมอไซเข้าได้ อยู่กัน4-5คน(ในกลุ่ม) กลางวันผมก็จะนอน พอตกกลางคืน กลุ่มผมจะเริ่มขี่รถหาเหยื่อละ ผมไปวันแรกก็เจิมเลย เรื่องวันนั้น มีอยู่ว่า ผมขับรถไปจอดรอไฟแดง รุ่นพี่ผมคนหนึ่งที่นั่งซ้อนท้ายผมกระโดดลงรถ แล้วฟันหัวคันที่จอดข้างหน้า ครั้งแรกที่ผมเห็นอะไรจ่ะๆ ต่อหน้าต่อตา กลัวดิครับ ขาสั่นไม่หาย  พอพี่ผมฟันโป๊ะเข้าหัว หนุ่ม2คน ที่ขับรถมาไม่รู้เรื่อง ไม่ได้ทำไรผิด ก็วิ่งสิครับ ผมก้ได้แต่สงสัยในใจว่าทำไมต้องทำเค้า แต่พูดตามตรง มันตื่นเต้นจัด 
มันเหมือนเราเป็นผู้ใหญ่ไปอีกขั้น มันก็เทห์อะดิที่นี้ จากขับรถ กลายเป็นคนซ้อนละทีนี้ คือพวกพี่กลุ่มนี้ดื้อ ดื้อมาก หลังจากที่พวกเราขี่รถหาเหยื่อเสร็จช่วงตี2-3-4 จะเป็นช่วง ออกขโมย ของกันละ ทีนี้ ก็ไม่ได้ถึงขั้น ปล้น ชิงทรัพย์อะไร แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่ดี เราขโมยน้ำมันกันทุกคืน ก็มีแต่ที่เดิมๆ ที่เคยขโมย บ้านหลังเดิมๆ บางครั้งก็ขโมยรถเก่าๆ  ขาย ซื้อกาวดม ซื้อยาบ้าเสพ น้ำมันที่ขโมยมาก็เเบ่งใส่รถ มีเหลือก็เอามาขาย ทำอย่างนี้ทุกวัน จนช่วงหลัง ผมเข้าบ้านบ่อย เข้าไปเปลี่ยนรถทุกคืน คันนี้ขับน้ำมันหมด ไปเปลี่ยนอีกคัน พออีกคนน้ำมันหมด ก็ไปเปลี่ยนเอาคันแรกมา ผมทำอย่างนี้ได้ไม่นาน พ่อผมกับตำรวจที่เค้ารู้จักกัน ก็ออกตามหาผม ตามหารถที่ผมขับ เพราะตลอดเวลาที่ผมเข้าไปเอารถอีกคัน ผมไม่เคยเจอหน้าพ่อเลย มันก็ไม่แปลกหรอกที่เค้าจะไห้ตำรวจช่วยหา ผมเข้าไปเอาแล้วก็ออกมา แบบนี้ประจำ ไม่เเวะหาน้อง ไม่สวัสดีใคร ตอนนั้นผมเริ่มทำตัวมีปัญหา  แล้วผมเริ่มเป็นคนหัวรุนแรง จากที่ตอนเด็กเป็นคนติดกวนอยู่แล้ว บวกกับเริ่มโต เริ่มเข้าวงการวิทยายุทธ แต่ระหว่างนี้ ผมยังไม่รู้ว่าพ่อกับตำรวจตามหา ผมก็ใช้ชีวิตเหมือนเดิมต่อไป

         จากนั้นไม่นาน รุ่นพี่ผมก็มีเรื่อง ระหว่างไปกินข้าวกับแฟน แกกลับมาที่บ้านที่เราอยู่กับพร้อมกับหัวเสียใหญ่ 
พวกผมที่เป็นน้อง เห็นพี่ใหญ่เป็นแบบนี้ก็ต้องล่าหละครับ ไม่ได้พูดไห้เทห์อะไรนะ แต่ช่วงเวลานั้น มันคิดแบบนั้นจริงๆ พวกผมขี่ไป ไม่เจอพวกมันที่ร้านข้าว พี่ผมก็พาตามเลย ดูจากสำเนียงการพูดน่าจะเป็นต่างอำเภอ มาเที่ยวในเมือง เราก็ไปกันเลย ปรากฎว่าเจอ วัยรุ่น3คน คันนึง ซ้อน2 คันนึงนั่งคนเดียว พอขี่ไปถึงตัวพี่ผมก็ไม่พูดมากเลย แกใช้หัวตัดฟันเข้าจังๆกลางหลัง จังหวะกลุ่มวัยรุ่นไม่รู้ตัว ก็ตกใจชะลอรถ อีก1คันที่มาคันเดียวขี่หนีเพื่อน  รุ่นพี่ผมกระโดนลงรถ ฟันไปอีกทีนึง วัยรุ่นใช้มือที่ถือขวดเหล้าที่เหลือจากที่เที่ยวขึ้นบัง ขวดเหล้าแตก แต่ที่พีคกว่านั้นคือ วันรุ่นคนนั้นนิวขาด นิ้วหนึ่ง ห้อย ต่องแต่ง ละวัยรุ่นคนนั้นก็พูดว่า อย่าทำผมเลยนะพี่ ลูกผมพึ่งคลอด ตอนนี้อยู่โรงบาล จังหวะที่ผมได้ยิน ผมดึงแขนพี่ผม แล้วผมขอ วันนั้นผมไม่ได้ทำอะไรเลย แค่ยืนดูก็สงสารแล้ว ถ้าผมไม่ห้ามพวกรุ่นพี่ผมไว้ โดนหนัก พูดตามตรง เท่าที่อยู่ด้วยกันมา  ผมรู้นิสัยพวกเค้าดี ว่าเป็นคนยังไง
แต่ว่าเราก็ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ   ช่วยห้ามไว้ได้ก็ถือว่ายังดี แล้วเราก็กลับกัน   หลังจากนั้นไม่นาน รุ่นพี่2คนในกลุ่มผม ขับรถผมไปโดนตำรวจจับ
ที่นี้กูบันเทิงสิครับ คนขับไม่ใช่ลูกตัวเอง   เป็นใครพ่อผมก็ไม่รู้จัก แต่แกปล่อยไห้2คนนั้นกลับ   ไห้ฝากมาบอกผมว่าไห้กลับบ้านนะ มีเรื่องต้องคุย 
จังหวะแบบนี้ อยู่ไม่เป็นสุขดิครับ คิดไปแล้ว เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น อนาคตมองเห็นเป็นภาพ พ่อกูจะใช้อะไรตีกูบ้างวะ?..55 
ตอนเล่าอ่ะตลก ตอนนั้นไม่ตลกอะดิ   แล้วมันมีตำรวจมาเอี่ยวด้วยอีก กูคิดไปไกลเลยดิทีนี้ เคยทำไรใครบ้าง555 คิดไปแล้ว ทั้งๆทีอนาคตยังมาไม่ถึง สุดท้าย กลับบ้านไม่มีเรื่องอะไรเกี่ยวกับตำรวจ โดนพ่ออบรม ชุดใหญ่ไฟกระพริบ หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ไปเจอกันกับพวกพี่กลุ่มนั้นอีกเลย แต่ระหว่างที่อยู่บ้านไปวันๆ โรงเรียนใกล้จะเปิดแล้วอะดิ ยังตัดสินใจไม่ได้ ว่าจะไปอยู่กับใคร แต่ระหว่างนั้นก็เข้าร้านเกมคุยเฟสกับเพื่อนที่เรียนด้วยกัน 4-5คนนั้นแหละ ถามไถ่กันแต่ละคนไปคนละที่ คนนึงเข้ากทม. คนนึงลงไปภาคใต้  อีกคนพ่อเป็นราชการ ต้องย้ายตามพ่อไปเรียนที่ปราจีน ตอนนี้เหลือแค่ไอ่กอ ที่เรียนต่อม.โรงเรียนเดิม  อย่างที่ผมบอก ที่บ้านยายอยากทำอะไรผมก็ทำได้ อยากเข้าบ้านตอนไหนผมก็เข้า แล้วตัดภาพมาที่บ้านในเมือง ที่พ่อเลี้ยงกำลังจะมีน้องอีกคน กับลูกสาวคนโต แล้วผมคือใครอะ..นั้นสิ   แต่นี่คือสิ่งที่เด็กอายุ12คิด ผมตัดสินใจเดินไปที่ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญใกล้บ้าน 
โทรบอกยายกับตาไห้มารับผม ผมจะไปเรียนอยู่ที่บ้านนอก ไม่นานมาก.....ยายก็มา มากันหมด ทั้งตา ทั้งตาทวด ยายทวด ผมเป็นคนโทรบอกก็จริง แต่ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องราวใหญ่โต ซึ่ง พอทางยายผมมาถึงปึ้บ ก็ตะโกนเรียกผมก่อนเลย แต่พ่อผมอยู่หน้าบ้านพอดี 
พ่อไม่รู้เลยว่าผมโทรไปบอกไห้มารับ พอแกมารับ พ่อก็ไม่ไห้ผมไป   เพราะก่อนที่แม่จะเสีย แม่ผมอยากไห้พ่อผมส่งผมเรียนไห้จบ เพราะรู้ว่าการศึกษาของระบบรัฐบาล กับระบบเอกชนต่างกันมาก ละก็อย่างที่ผมเคยเล่าไว้ ว่าตอนที่แม่ผมยังอยู่ แกเคร่งมากเรื่องการเรียน  แต่จะไห้ทำไง ในเมื่อผมเอ่ยปากพูดออกไปแล้ว จังหวะที่แกยืนเถียงกันผมเหว๋อมากนะ เพราะแกด่ากันยิ้มหมด คนข้างบ้านออกมายืนส่องยืนยิ้มกันเพียบ  ทำไงได้ เรื่องมาขนาดนี้ ผมจะต้องจบการด่ากันไห้เร็วที่สุด จังหวะที่ผมเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น ผมหันหลังกลับไปเพื่อจะไหว้ลาพ่อเลี้ยง ซึ่งผมเห็นน้ำตาแกไหลออกมาแบบคนที่ตาแดงก่ำ น้ำตาล้นเบ้า แต่แกไม่ร้อง แกยืนดูผมเงียบๆ ไม่รับแม้กระทั่งไหว้ผม หลังจากผมหันหลังออกมาผมรู้ในใจแล้ว ว่าผมทำไห้ผช.คนนี้ผิดหวังหรอวะ กูกำลังทำพ่อยืนน้ำตาซึมอะ ทั้งๆที่ตอนที่เเม่ผมเสียแกไม่ร้องเลยนะ ผมว่าแกคงเสียใจที่รับปากกับแม่ผมไว้....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่