บทความนี้เล่าถึงประสบการณ์ได้ของผม จากเหตุการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุด และส่งผลให้ตลาดทองคำทำให้เกิดการผันผวนอย่างรุนแรง โดยช่วงนั้น ราคาทองคำพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 2600 ดอลลาร์ แต่ต่อมาก็ร่วงลงอย่างรวดเร็วต่ำกว่า 2550 ดอลลาร์ โดยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า:
1. การเลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้มีความสำคัญ
ไม่รู้ว่ามีเทรดเดอร์คนไหนเทรดช่วงนั้นรึเปล่า แต่ที่รู้มามีหลายโบรกเกอร์ที่เจอปัญหาล่าช้าและเกิดความคลาดเคลื่อนในราคา (Slippage) จากราคาที่สวิงอย่างมาก แต่ผมใช้โบรกเกอร์ EBC สามารถเปิดออเดอร์ได้ทันเวลา ไม่เจอปัญหามากนัก
2. เข้าใจการคาดการณ์ของตลาด
ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดในครั้งนั้น ตามหลักการแล้วทองคำควรจะได้รับประโยชน์และราคาควรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นก็จริง แต่ก็ลดลงในอีกไม่กี่วันถัดมา คำถามคือ ปัจจัยพื้นฐานของตลาดยังเชื่อถือได้หรือไม่?
โดยส่วนตัว คิดว่าเป็นได้ทั้ง 2 แบบ สิ่งสำคัญคือ ตลาดได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุด ดังนั้นเมื่อการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจริง ตลาดจึงมุ่งเน้นไปที่การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตมากกว่า
ตัวอย่างคล้ายกันเกิดขึ้นกับธนาคารกลางยุโรป หลังจากประกาศลดดอกเบี้ย คำพูดหนึ่งของนางลาการ์ดที่ลดความสำคัญของการลดดอกเบี้ยทำให้ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นทันที
3. การเรียนรู้การถือครองเงินสด
เมื่อราคาทองคำร่วงลงอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์หลายคนพยายามรอราคาตกลงมาและทยอยซื้อ
โดยมีความคิดที่ว่า เมื่อปัจจัยพื้นฐานเป็นบวกต่อทองคำ ยังไงทองคำก็ต้องขึ้น ในช่วงราคาย่อตัวเทรดเดอร์บางคนคิดว่า เป็นช่วงเวลาที่เริ่มทยอยเก็บ เพื่อไปทำกำไรขาขึ้น แต่ สุดท้ายกลับขาดทุนหนักจากการทยอยซื้อ จนต้องคัทลอสจากราคา 2,580 ดอลลาร์ถึง 2,560 ดอลลาร์
จากประสบการณ์นี้ ผมได้เรียนรู้ว่า เมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่อ่านไม่ออก ไม่ควรถือสถานะแทนการคาดเดา เพราะคุณไม่อาจรู้ได้ว่าการเคลื่อนไหวของตลาดมาจากความรู้สึกทางตลาดหรือจากการทำกำไรของผู้เล่นรายใหญ่ การดูสถานการณ์โดยไม่เข้าซื้อขายจะปลอดภัยกว่า
โดยรวมแล้ว การลดดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ ทำให้เห็นวัฏจักรการลดดอกเบี้ยทั่วโลก ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมีวงกว้างมาก ทำให้ผมตระหนักถึงความสำคัญของแพลตฟอร์ม การคาดการณ์ และการถือครองเงินสด ดังนั้น การเทรดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ต้องรู้จักวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ใช่การเร่งรีบเข้าออกตลาด เมื่อคุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว คุณก็จะสามารถสร้างระบบการซื้อขายที่ดีได้
วิเคราะห์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 Basis Points ปี 2024
1. การเลือกแพลตฟอร์มที่เชื่อถือได้มีความสำคัญ
ไม่รู้ว่ามีเทรดเดอร์คนไหนเทรดช่วงนั้นรึเปล่า แต่ที่รู้มามีหลายโบรกเกอร์ที่เจอปัญหาล่าช้าและเกิดความคลาดเคลื่อนในราคา (Slippage) จากราคาที่สวิงอย่างมาก แต่ผมใช้โบรกเกอร์ EBC สามารถเปิดออเดอร์ได้ทันเวลา ไม่เจอปัญหามากนัก
2. เข้าใจการคาดการณ์ของตลาด
ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุดในครั้งนั้น ตามหลักการแล้วทองคำควรจะได้รับประโยชน์และราคาควรจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นก็จริง แต่ก็ลดลงในอีกไม่กี่วันถัดมา คำถามคือ ปัจจัยพื้นฐานของตลาดยังเชื่อถือได้หรือไม่?
โดยส่วนตัว คิดว่าเป็นได้ทั้ง 2 แบบ สิ่งสำคัญคือ ตลาดได้คาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะลดอัตราดอกเบี้ยลง 50 จุด ดังนั้นเมื่อการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจริง ตลาดจึงมุ่งเน้นไปที่การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตมากกว่า
ตัวอย่างคล้ายกันเกิดขึ้นกับธนาคารกลางยุโรป หลังจากประกาศลดดอกเบี้ย คำพูดหนึ่งของนางลาการ์ดที่ลดความสำคัญของการลดดอกเบี้ยทำให้ค่าเงินยูโรพุ่งขึ้นทันที
3. การเรียนรู้การถือครองเงินสด
เมื่อราคาทองคำร่วงลงอย่างรวดเร็ว เทรดเดอร์หลายคนพยายามรอราคาตกลงมาและทยอยซื้อ
โดยมีความคิดที่ว่า เมื่อปัจจัยพื้นฐานเป็นบวกต่อทองคำ ยังไงทองคำก็ต้องขึ้น ในช่วงราคาย่อตัวเทรดเดอร์บางคนคิดว่า เป็นช่วงเวลาที่เริ่มทยอยเก็บ เพื่อไปทำกำไรขาขึ้น แต่ สุดท้ายกลับขาดทุนหนักจากการทยอยซื้อ จนต้องคัทลอสจากราคา 2,580 ดอลลาร์ถึง 2,560 ดอลลาร์
จากประสบการณ์นี้ ผมได้เรียนรู้ว่า เมื่อเผชิญกับสภาวะตลาดที่อ่านไม่ออก ไม่ควรถือสถานะแทนการคาดเดา เพราะคุณไม่อาจรู้ได้ว่าการเคลื่อนไหวของตลาดมาจากความรู้สึกทางตลาดหรือจากการทำกำไรของผู้เล่นรายใหญ่ การดูสถานการณ์โดยไม่เข้าซื้อขายจะปลอดภัยกว่า
โดยรวมแล้ว การลดดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ ทำให้เห็นวัฏจักรการลดดอกเบี้ยทั่วโลก ผลกระทบที่เกิดขึ้นนั้นมีวงกว้างมาก ทำให้ผมตระหนักถึงความสำคัญของแพลตฟอร์ม การคาดการณ์ และการถือครองเงินสด ดังนั้น การเทรดเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ ต้องรู้จักวางแผนอย่างรอบคอบ ไม่ใช่การเร่งรีบเข้าออกตลาด เมื่อคุณเข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้ว คุณก็จะสามารถสร้างระบบการซื้อขายที่ดีได้