เมื่อคืนได้ดู คนค้นฅน The Explorer ตอน พี่หนู ปาริชาติ “แม่บ้านเงินล้าน”
The Explorer โจอี้ - ชัยยุทธ กิติชัยวัฒน์
https://youtu.be/yE2QUgA-WFI?si=3tlNZ3Mjr__S5GTw
พี่แม่บ้านคนนี้หลายคนอ่านจะเคยฟังหรือเคยอ่านเรื่องราวของเธอมาบางแล้ว (รวมถึงเราเองด้วย)
แต่พอมาฟังอีกทีก็ประทับใจในความมุ่งมั่น อดทน เป็นคนที่ทัศนคติดีมากและพลังบวกเยอะมาก เลยขอเอามาแชร์ค่ะ
- พี่หนูจบแค่ ป.6 เป็นเด็กที่ยากจนที่สุดในชั้นเรียน ต้องเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียน ตอนนั้นเจ้าตัวไม่ได้มองว่าเป็นปมด้อยแต่มองว่าโตขึ้นทำยังไงก็ได้ที่จะหาเงินมาช่วยเหลือพ่อแม่ช่วยแบ่งเบาได้ ในวัยเด็กสิ่งที่คิดได้ว่าการได้มาเพื่อความสบายในอนาคตคือต้อง "ขยัน ประหยัด อดทน"
- หลักคิด “ขยัน ประหยัด อดทน ได้มาจาก “ความไม่มีสอนเรา” ความเป็นเด็กเมื่ออยากกินขนม อยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน ชั้นจะทำยังไงให้ตัวเองดีขึ้น
- อายุ 13 เข้ามาทำงานแม่บ้านในกทม. อาศัยอยู่กินกับผู้ว่าจ้าง บ้านตึกแถว 2 คูหา 5 ชั้น ลูก 6 คน แม่บ้านเพียง 1 คน ซึ่งถือว่าเป็นงานหนักมากแต่ก็สอนให้มีความอดทน ซึ่งบ้านหลังนั้นเปิดร้านชำ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานที่บ้านหลังนั้นและได้นำมาใช้ถึงทุกวันนี้คือการทำบัญชีรับ-จ่าย เป็นต้นแบบการใช้ชีวิตของเธอจนถึงทุกวันนี้
- งานหนักแต่ไม่คิดว่าเหนื่อยเพราะโฟกัสที่เป้าหมายตอนนั้น คือ ต้องการซื้อที่และปลูกบ้านให้พ่อแม่ ถ้าไม่มีวินัยอีกทั้งเงินเดือนไม่เยอะไม่มีทางที่จะไปถึงเป้าหมายได้แน่นอน ตั้งแต่เด็กจนถึงก่อนแต่งงานคือให้พ่อแม่หมดทุกบาททุกสตางค์ (เป้าหมายซื้อที่และปลูกบ้านให้พ่อแม่ มีพี่ๆ น้องๆ ช่วยกัน)
- ด้านชีวิตคู่เธอแต่งงานกับผู้ชายที่มีคนมาแนะนำให้ ซึ่งก่อนคบกันมี 3 คำถาม "กินเหล้าไหม เที่ยวไหม เล่นการพนันไหม" ถ้ามี 3 ข้อนี้คือไม่เอา ก่อนแต่งงานทำข้อตกลงจะเก็บเงินเดือนละ 60% แฟนรับได้ไหม ซึ่งฝ่ายชายก็ยอมเพราะความรัก (เริ่มเก็บเงินด้วยตนเองหลังแต่งงาน)
- บางคนอาจจะมองว่าพี่หนูเครียดไปไหม ลองไปกินลองไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตบ้าง แต่พี่หนูกลับตอบว่าจะลองทำไมก็ไม่ได้ชอบแบบนั้น ชอบกินแบบนี้อยู่แบบนี้ เห็นตัวเลขในบัญชีก็มีความสุขแล้ว
- ปี 2544 มาทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์ งานคล้ายเดิมแต่รายได้เพิ่มขึ้น สวัสดิการดีขึ้น ได้คูปองศูนย์อาหารเดือนละ 600 ซึ่งพี่หนูใช้แค่เงินในคูปองวันละ 30 บาทเท่านั้น
- เข้มงวดกับตัวเองมากๆ เพราะเทียบกับเพื่อนๆ ที่ใช้เดือนชนเดือนแต่พี่หนูมีเงินเก็บ ก็คอยชมตัวเองว่าเราเก่งแล้ว เป็นการให้กำลังใจตัวเอง ถึงแม้เราจะเริ่มต้นจาก 0 แต่เราทำได้ถ้ามีความพยายามมากพอ ให้กำลังใจตัวเองว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าจะทำจริงๆ
- เนื่องด้วยทำงานที่ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเมื่อก่อนมีสัมมนาบ่อยมาก พี่หนูก็ได้ซึบซับจากสภาพแวดล้อม แต่ก็ใช้เวลาเป็น 10 ปีกว่าจะกล้าลงทุนในตลาดหุ้น ถึงวันที่ตัดสินใจจะเปิดพอร์ตหุ้นคือคิดว่าต้องเสี่ยง เพราะชีวิตคนเราไม่มีอะไรที่ไม่เสี่ยง ไม่รู้อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ต้องลอง
- วิธีการลงทุนของพี่หนูคือ สมมติมี 5 แสนจะลงทุน 3 แสนกันไว้อีก 2 แสนเผื่อฉุกเฉินเผื่อล้ม โดยเลือกหุ้นจากพื้นฐานของกินของใช้ ไม่เลือกหุ้นไกลตัว เมื่อลงทุนในหุ้น จึงต่อยอดเงินได้จากหลักแสนเป็นหลักล้าน แต่ไม่ได้ลงทุนแค่อย่างเดียวเพราะพี่หนูมีการกระจายด้วย คือ หุ้น กองทุน สะสมทองและเงินฝากประจำ (เผื่อฉุกเฉิน)
- "คนเราความสุข ความชอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ความสุขของพี่คือการเก็บเงิน"
- ไม่เคยคิดทำอาชีพอื่นเพราะไม่มีทุนไม่มีความรู้ (แต่ตอนนี้มีทุนแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนอาชีพ เราเลยสรุปเอาเองว่าเพราะพี่เค้ามีใจรักในอาชีพนี้)
- "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พรุ่งนี้ดีแน่นอน "
- คนอื่นจะเข้าใจว่าเป็นแม่บ้าน จน ลำบาก รายได้น้อย ไม่มีทางมีเงินล้าน “เราเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้ แต่เปลี่ยนความคิดตัวเองได้ ทุกอาชีพมีศักดิ์ศรีมีเกียรติ ทุกอาชีพเลี้ยงดูตัวเองเลี้ยงดูครอบครัวได้ การมีเงินเก็บไม่มีเงินเก็บอยู่ที่นิสัยส่วนบุคคล ไม่ได้อยู่ที่อาชีพ พี่หนูไม่มีความรู้ ทุกอย่างเริ่มจาก 0 แต่พัฒนาตัวเอง ต่อยอด ลงทุนในการเรียนรู้เพื่อเอามาพัฒนาตัวเอง มันอาจจะยากเพราะรายได้น้อย แต่ถ้าวางแผนการเงินดี มีความตั้งใจและโฟกัสในสิ่งที่ทำ (เป้าหมาย) อาจจะใช้เวลา แต่มันเป็นไปได้ เพราะพี่ไม่เคยคิดว่าจะมีเงิน 3-4 ล้าน เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ เลือกเป็นคนดี เลือกที่จะมีเงินเก็บ พี่จะไม่เอาพลังลบมาใส่ตัวเองจะเอาแต่พลังบวกมาใส่ตัว
- เพื่อนร่วมอาชีพมองว่าการลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องไกลตัว ต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้นถึงจะลงทุนในหุ้นได้ แต่จริงๆ แล้วสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องรวย แค่คุณมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เดือน แล้วไม่ต้องซื้อหุ้นรายตัวก็ได้ ซื้อกองทุนก็ได้ง่ายๆ เดือนละ 500-1,000 DCA ไปเรื่อยๆ
- การลงทุนในช่วงโควิดที่ตลาดหุ้นตกหนัก ก็นอยด์คิดว่าตัวเองพลาด แต่คิดว่าคนอื่นๆ ก็เป็นกัน ก็แค่เอาเรื่องนี้มาเป็นประสบการณ์ในอนาคตว่าจะไปต่อยังไง ก็กระจายให้มากขึ้น
- ความรวยของคนเราไม่เท่ากัน รวยในแบบของเรา รวยในแบบของเค้า แต่การอยู่ในโลกนี้ได้จำเป็นต้องใช้เงินและเราไม่สามารถหวังพึ่งให้ใครมาดูแลเราได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องดูแลตัวเอง การที่เรามีเงินแข็งแรงทางการเงินที่จะสามารถดูแลตัวเองและดูแลคนที่เรารักได้ ไม่ได้อยากให้คนมาเทิดทูนเรื่องเงินเป็นหลัก แต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพื่อจะไม่เป็นภาระใคร และไม่เป็นภาระในสังคม
- หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตคือ "ออมก่อนรวยกว่า"
- คิดก่อนใช้ ไม่เคยใช้แล้วมาคิดทีหลัง คือทำไปแล้วจะไม่เสียใจ เสื้อผ้าซ้ำๆ ไม่เป็นไร ไม่หรูหราก็ดูดีได้
- “ถ้าเริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อยๆ โอกาสที่เราจะรวยไปก่อนเพื่อน เป็นสิ่งที่ดีมาก คิดแล้วต้องลงมือทำ ผิดถูกไม่รู้แต่ต้องลองดู
ต้องการชีวิตแบบไหนถามตัวเองก่อน ทำในสิ่งที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า”
- เราสามารถเลือกชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการได้
- อันดับแรกเลย ทำรายรับ-รายจ่าย จะได้รู้ว่าสิ้นเดือนมาทำไมใช้เงินเกินรายรับ
- จากผลสำรวจคนไทยมีเพียง 5% ที่บรรลุเป้าหมาย มีเงินพอใช้ในวัยเกษียณ
- "ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากจน ในความจริงทุกคนอยากรวยหมด การมีเงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่มันคือปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของเรา”
- คำว่าจนเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าเราประมาทไม่ใช่แค่เรื่องเงิน จนทางปัญญา จนทางความคิด การรวยไม่ใช่เรื่องฟลุคหรือเรื่องโชค มันคือความรู้ที่เราต้องมีด้วย
- ทุกอาชีพอยู่ที่ความใส่ใจ ถ้าเราไม่มีความใส่ใจ ทุกอย่างจะออกมาไม่ดี เราต้องมีใจรักกับงานที่ทำ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ช่าง ผลงานที่ทำจะออกมาดีมาก
- วันข้างหน้าเธอมีแน่นอน 6 -7 ล้าน เธอโคตรจะเจ๋ง เธอเก่งอยู่แล้ว เธอทำได้ พี่หนูบอกกับตัวเอง
- ข้อคิด ที่เอาไปใช้ได้ทุกคน ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์
ปล.
เป้าหมายของหลายๆ คนอาจไม่ใช่ที่ตัวเงินแบบที่พี่หนูต้องการ แต่ก็อยากเอามาแชร์เป็นแรงบันดาลใจค่ะ เผื่อไปปรับใช้ตามบริบทชีวิตและเป้าหมายที่แต่ละคนต้องการ
จากเด็กที่ยากจนที่สุดในชั้นเรียน เงินเดือนเริ่มต้น 700 บาท สู่แม่บ้านเงิน (หลาย) ล้าน "พี่หนู ปาริชาติ"
The Explorer โจอี้ - ชัยยุทธ กิติชัยวัฒน์ https://youtu.be/yE2QUgA-WFI?si=3tlNZ3Mjr__S5GTw
พี่แม่บ้านคนนี้หลายคนอ่านจะเคยฟังหรือเคยอ่านเรื่องราวของเธอมาบางแล้ว (รวมถึงเราเองด้วย)
แต่พอมาฟังอีกทีก็ประทับใจในความมุ่งมั่น อดทน เป็นคนที่ทัศนคติดีมากและพลังบวกเยอะมาก เลยขอเอามาแชร์ค่ะ
- พี่หนูจบแค่ ป.6 เป็นเด็กที่ยากจนที่สุดในชั้นเรียน ต้องเดินเท้าเปล่าไปโรงเรียน ตอนนั้นเจ้าตัวไม่ได้มองว่าเป็นปมด้อยแต่มองว่าโตขึ้นทำยังไงก็ได้ที่จะหาเงินมาช่วยเหลือพ่อแม่ช่วยแบ่งเบาได้ ในวัยเด็กสิ่งที่คิดได้ว่าการได้มาเพื่อความสบายในอนาคตคือต้อง "ขยัน ประหยัด อดทน"
- หลักคิด “ขยัน ประหยัด อดทน ได้มาจาก “ความไม่มีสอนเรา” ความเป็นเด็กเมื่ออยากกินขนม อยากกินอะไรก็ไม่ได้กิน ชั้นจะทำยังไงให้ตัวเองดีขึ้น
- อายุ 13 เข้ามาทำงานแม่บ้านในกทม. อาศัยอยู่กินกับผู้ว่าจ้าง บ้านตึกแถว 2 คูหา 5 ชั้น ลูก 6 คน แม่บ้านเพียง 1 คน ซึ่งถือว่าเป็นงานหนักมากแต่ก็สอนให้มีความอดทน ซึ่งบ้านหลังนั้นเปิดร้านชำ สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการทำงานที่บ้านหลังนั้นและได้นำมาใช้ถึงทุกวันนี้คือการทำบัญชีรับ-จ่าย เป็นต้นแบบการใช้ชีวิตของเธอจนถึงทุกวันนี้
- งานหนักแต่ไม่คิดว่าเหนื่อยเพราะโฟกัสที่เป้าหมายตอนนั้น คือ ต้องการซื้อที่และปลูกบ้านให้พ่อแม่ ถ้าไม่มีวินัยอีกทั้งเงินเดือนไม่เยอะไม่มีทางที่จะไปถึงเป้าหมายได้แน่นอน ตั้งแต่เด็กจนถึงก่อนแต่งงานคือให้พ่อแม่หมดทุกบาททุกสตางค์ (เป้าหมายซื้อที่และปลูกบ้านให้พ่อแม่ มีพี่ๆ น้องๆ ช่วยกัน)
- ด้านชีวิตคู่เธอแต่งงานกับผู้ชายที่มีคนมาแนะนำให้ ซึ่งก่อนคบกันมี 3 คำถาม "กินเหล้าไหม เที่ยวไหม เล่นการพนันไหม" ถ้ามี 3 ข้อนี้คือไม่เอา ก่อนแต่งงานทำข้อตกลงจะเก็บเงินเดือนละ 60% แฟนรับได้ไหม ซึ่งฝ่ายชายก็ยอมเพราะความรัก (เริ่มเก็บเงินด้วยตนเองหลังแต่งงาน)
- บางคนอาจจะมองว่าพี่หนูเครียดไปไหม ลองไปกินลองไปเที่ยว ไปใช้ชีวิตบ้าง แต่พี่หนูกลับตอบว่าจะลองทำไมก็ไม่ได้ชอบแบบนั้น ชอบกินแบบนี้อยู่แบบนี้ เห็นตัวเลขในบัญชีก็มีความสุขแล้ว
- ปี 2544 มาทำงานที่ตลาดหลักทรัพย์ งานคล้ายเดิมแต่รายได้เพิ่มขึ้น สวัสดิการดีขึ้น ได้คูปองศูนย์อาหารเดือนละ 600 ซึ่งพี่หนูใช้แค่เงินในคูปองวันละ 30 บาทเท่านั้น
- เข้มงวดกับตัวเองมากๆ เพราะเทียบกับเพื่อนๆ ที่ใช้เดือนชนเดือนแต่พี่หนูมีเงินเก็บ ก็คอยชมตัวเองว่าเราเก่งแล้ว เป็นการให้กำลังใจตัวเอง ถึงแม้เราจะเริ่มต้นจาก 0 แต่เราทำได้ถ้ามีความพยายามมากพอ ให้กำลังใจตัวเองว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ถ้าจะทำจริงๆ
- เนื่องด้วยทำงานที่ห้องสมุดมารวย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเมื่อก่อนมีสัมมนาบ่อยมาก พี่หนูก็ได้ซึบซับจากสภาพแวดล้อม แต่ก็ใช้เวลาเป็น 10 ปีกว่าจะกล้าลงทุนในตลาดหุ้น ถึงวันที่ตัดสินใจจะเปิดพอร์ตหุ้นคือคิดว่าต้องเสี่ยง เพราะชีวิตคนเราไม่มีอะไรที่ไม่เสี่ยง ไม่รู้อนาคตจะเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ต้องลอง
- วิธีการลงทุนของพี่หนูคือ สมมติมี 5 แสนจะลงทุน 3 แสนกันไว้อีก 2 แสนเผื่อฉุกเฉินเผื่อล้ม โดยเลือกหุ้นจากพื้นฐานของกินของใช้ ไม่เลือกหุ้นไกลตัว เมื่อลงทุนในหุ้น จึงต่อยอดเงินได้จากหลักแสนเป็นหลักล้าน แต่ไม่ได้ลงทุนแค่อย่างเดียวเพราะพี่หนูมีการกระจายด้วย คือ หุ้น กองทุน สะสมทองและเงินฝากประจำ (เผื่อฉุกเฉิน)
- "คนเราความสุข ความชอบไม่ได้เหมือนกัน แต่ความสุขของพี่คือการเก็บเงิน"
- ไม่เคยคิดทำอาชีพอื่นเพราะไม่มีทุนไม่มีความรู้ (แต่ตอนนี้มีทุนแล้วก็ยังไม่เปลี่ยนอาชีพ เราเลยสรุปเอาเองว่าเพราะพี่เค้ามีใจรักในอาชีพนี้)
- "ทำวันนี้ให้ดีที่สุด พรุ่งนี้ดีแน่นอน "
- คนอื่นจะเข้าใจว่าเป็นแม่บ้าน จน ลำบาก รายได้น้อย ไม่มีทางมีเงินล้าน “เราเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้ แต่เปลี่ยนความคิดตัวเองได้ ทุกอาชีพมีศักดิ์ศรีมีเกียรติ ทุกอาชีพเลี้ยงดูตัวเองเลี้ยงดูครอบครัวได้ การมีเงินเก็บไม่มีเงินเก็บอยู่ที่นิสัยส่วนบุคคล ไม่ได้อยู่ที่อาชีพ พี่หนูไม่มีความรู้ ทุกอย่างเริ่มจาก 0 แต่พัฒนาตัวเอง ต่อยอด ลงทุนในการเรียนรู้เพื่อเอามาพัฒนาตัวเอง มันอาจจะยากเพราะรายได้น้อย แต่ถ้าวางแผนการเงินดี มีความตั้งใจและโฟกัสในสิ่งที่ทำ (เป้าหมาย) อาจจะใช้เวลา แต่มันเป็นไปได้ เพราะพี่ไม่เคยคิดว่าจะมีเงิน 3-4 ล้าน เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะเป็นได้ เลือกเป็นคนดี เลือกที่จะมีเงินเก็บ พี่จะไม่เอาพลังลบมาใส่ตัวเองจะเอาแต่พลังบวกมาใส่ตัว
- เพื่อนร่วมอาชีพมองว่าการลงทุนในหุ้นเป็นเรื่องไกลตัว ต้องเป็นคนมีเงินเท่านั้นถึงจะลงทุนในหุ้นได้ แต่จริงๆ แล้วสมัยนี้ไม่จำเป็นต้องรวย แค่คุณมีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินอย่างน้อย 6 เดือน แล้วไม่ต้องซื้อหุ้นรายตัวก็ได้ ซื้อกองทุนก็ได้ง่ายๆ เดือนละ 500-1,000 DCA ไปเรื่อยๆ
- การลงทุนในช่วงโควิดที่ตลาดหุ้นตกหนัก ก็นอยด์คิดว่าตัวเองพลาด แต่คิดว่าคนอื่นๆ ก็เป็นกัน ก็แค่เอาเรื่องนี้มาเป็นประสบการณ์ในอนาคตว่าจะไปต่อยังไง ก็กระจายให้มากขึ้น
- ความรวยของคนเราไม่เท่ากัน รวยในแบบของเรา รวยในแบบของเค้า แต่การอยู่ในโลกนี้ได้จำเป็นต้องใช้เงินและเราไม่สามารถหวังพึ่งให้ใครมาดูแลเราได้ สิ่งสำคัญคือเราต้องดูแลตัวเอง การที่เรามีเงินแข็งแรงทางการเงินที่จะสามารถดูแลตัวเองและดูแลคนที่เรารักได้ ไม่ได้อยากให้คนมาเทิดทูนเรื่องเงินเป็นหลัก แต่มันปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินเป็นสิ่งสำคัญมากๆ เพื่อจะไม่เป็นภาระใคร และไม่เป็นภาระในสังคม
- หนังสือที่เปลี่ยนชีวิตคือ "ออมก่อนรวยกว่า"
- คิดก่อนใช้ ไม่เคยใช้แล้วมาคิดทีหลัง คือทำไปแล้วจะไม่เสียใจ เสื้อผ้าซ้ำๆ ไม่เป็นไร ไม่หรูหราก็ดูดีได้
- “ถ้าเริ่มต้นตั้งแต่อายุน้อยๆ โอกาสที่เราจะรวยไปก่อนเพื่อน เป็นสิ่งที่ดีมาก คิดแล้วต้องลงมือทำ ผิดถูกไม่รู้แต่ต้องลองดู
ต้องการชีวิตแบบไหนถามตัวเองก่อน ทำในสิ่งที่เหมาะกับตัวเองดีกว่า”
- เราสามารถเลือกชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการได้
- อันดับแรกเลย ทำรายรับ-รายจ่าย จะได้รู้ว่าสิ้นเดือนมาทำไมใช้เงินเกินรายรับ
- จากผลสำรวจคนไทยมีเพียง 5% ที่บรรลุเป้าหมาย มีเงินพอใช้ในวัยเกษียณ
- "ร้อยทั้งร้อยไม่มีใครอยากจน ในความจริงทุกคนอยากรวยหมด การมีเงินไม่ใช่ทุกอย่างในชีวิต แต่มันคือปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตของเรา”
- คำว่าจนเกิดขึ้นได้กับทุกคน ถ้าเราประมาทไม่ใช่แค่เรื่องเงิน จนทางปัญญา จนทางความคิด การรวยไม่ใช่เรื่องฟลุคหรือเรื่องโชค มันคือความรู้ที่เราต้องมีด้วย
- ทุกอาชีพอยู่ที่ความใส่ใจ ถ้าเราไม่มีความใส่ใจ ทุกอย่างจะออกมาไม่ดี เราต้องมีใจรักกับงานที่ทำ ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็ช่าง ผลงานที่ทำจะออกมาดีมาก
- วันข้างหน้าเธอมีแน่นอน 6 -7 ล้าน เธอโคตรจะเจ๋ง เธอเก่งอยู่แล้ว เธอทำได้ พี่หนูบอกกับตัวเอง
- ข้อคิด ที่เอาไปใช้ได้ทุกคน ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์
ปล.
เป้าหมายของหลายๆ คนอาจไม่ใช่ที่ตัวเงินแบบที่พี่หนูต้องการ แต่ก็อยากเอามาแชร์เป็นแรงบันดาลใจค่ะ เผื่อไปปรับใช้ตามบริบทชีวิตและเป้าหมายที่แต่ละคนต้องการ