สวัสดีค่ะ เมื่อประมาณปลายปี 2023 ที่ผ่านมามีอาการปวดท้องบริเวณข้างขวาซึ่งกิจวัตรประจำวันที่ทำช่วงนั้นคือการออกกำลังกายประเภท การวิ่งลู่ไฟฟ้าและการปั่นจักรยานไฟฟ้าค่ะ หลังจากเริ่มออกกำลังได้ประมาณ 3 วัน ก็เริ่มมีอาการปวดท้องบริเวณขวาล่างโดยปกติเป็นคนไม่ค่อยมีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับช่องท้องค่ะ ไม่เป็นโรคกะเพาะหรือกรดไหลย้อนอะไรเลยจะมีแค่อาการปวดท้องเวลาเป็นประจำเดือนเท่านั้น เลยกินยาตามอาการทั้งลดกรด ยาแก้ปวดท้องไปปกติ เพราะคิดว่าคงอาหารไม่ย่อยเดี๋ยวก็หาย จนเข้าสู่วันที่ 3 อาการปวดท้องก็มีอย่างต่อเนื่องแต่เริ่มปวดหน่วงๆมาเป็นระยะเหมือนมีคนมาบีบ ตกกลางคืนไม่สามารถนอนหลับได้เลยเพราะทรมานมากๆ เริ่มปวดท้องหนักขึ้นและมีไข้อ่อนๆ ช่วงเช้าเลยตัดสินใจไปพบแพทย์ค่ะซึ่งระหว่างรอตรวจก็มีอาการปวดหน่วงๆตลอด
เมื่อพบแพทย์ก็มีการสอบถามเกี่ยวกับอาการเบื้องต้น รวมถึงลองกดและปล่อยบริเวณที่ปวด ถามว่าตอนกดหรือตอนปล่อยอันไหนเจ็บกว่ากัน ซึ่งตอนปล่อยเรามีอาการเจ็บหน่วงๆมากกว่าตอนที่กดลงไป เมื่อแพทย์ได้ดูผลเลือดร่วมกับการตรวจปัสสาวะแล้วจึงคาดว่าอาจจะเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอาจจะต้องทำการผ่าตัดทันที ตอนนั้นเราก็เตรียมใจมาแล้วเพราะอาการปวดท้องทรมานมากๆ แทบจะนั่งไม่ได้เลยปวดจนน้ำตาซึม เลยคิดว่าวิธีไหนก็ได้ที่ทำให้หายปวดก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ซึ่งช่วงนั้นเรามีเพื่อนที่พึ่งผ่าตัดไส้ติ่งไปพอดีทำให้รู้มาคร่าวๆว่าไม่ได้เป็นการผ่าตัดใหญ่คงไม่น่ากลัว ต่อจากนั้นแพทย์ก็ให้เราไปอัลตร้าซาวด์เพื่อทำ TC Scan ค่ะ แต่!!!!! ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงแพทย์จึงอยากให้เราตรวจภายในร่วมด้วยเพราะอาจจะเป็นอาการความผิดปกติบริเวณมดลูกหรือรังไข่ ซึ่งไม่ได้เตรียมใจมาเลยว่าจะต้องตรวจภายในแต่ก็คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีเผื่อว่ามีปัญหาอะไรจะได้รีบรักษาได้ทันที
ตรวจภายในคุณหมอจะถามย้ำเราหลายรอบมากค่ะว่าโอเคใช่ไหมถ้าไม่สบายใจไม่ต้องตรวจก็ได้นะ เพราะเราเป็นเคสที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนเราก็แอบใจสั่นค่ะ กลัวเจ็บอย่างเดียวเลยพอเข้าห้องตรวจก็ทำการเปลี่ยนเป็นใส่ผ้าคลุมเตรียมตัวเรียบร้อยและขึ้นเตียงที่มีขาหยั่ง หมอรุมอยู่ในห้องตรวจภายในประมาณ 4-5 คนเลยค่ะตอนนั้นมีทั้งอาจารย์แพทย์และนักเรียนแพทย์ด้วย เป็น Case study สุดๆ เริ่มแรกคุณหมอจะใช้ปากเป็ดขยายช่องทางก่อนค่ะ ซึ่งตอนนี้เจ็บมาก จำได้ว่าเรากรี๊ดเลยค่ะเพราะปวดท้องด้วยยังต้องมาเจ็บตัวอีก หลังจากขยายช่องทางเสร็จก็จะใช้กล้องที่มีรูปร่างเป็นแท่งยาวๆสอดเข้าไปค่ะ หมอจะให้เราเบ่งเหมือนตอนเข้าห้องน้ำเพื่อให้ช่องทางขยายค่ะ ขั้นตอนนี้ก็จะตึงๆเจ็บๆ หน้าจอก็จะเห็นโพรงมดลูก รังไข่ทั้งข้างขวาข้างซ้าย หมอก็หาความผิดปกติที่เกิดขึ้นค่ะ ใช้เวลาไปประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็รอผลค่ะซึ่งหลังจากนี้ก็ไม่มีอาการอะไรนอกจากอาการเดิมคือปวดท้องค่ะ
การทำ TC Scan จะทำการฉีดสีเข้าร่างกายก่อน โดยใช้เข็มเจาะผ่านเส้นเลือดค่ะแล้วก็เข้านอนในอุโมงค์หรือที่เรียกว่าเครื่อง TC Scan นั่นเองค่ะ เครื่องจะทำการสื่อสารกับเราเองก็สามารถทำตามได้เลยค่ะ ระหว่างที่ฉ๊ดสารเข้าไปจะมีความรู้สึกร้อนๆไปทั่วร่างเลยค่ะ เหมื่อสารค่อยๆเข้าไปในร่างกายเรา แต่ไม่ได้ร้อนมากจนไม่สามารถทนได้ค่ะ เมื่อเสร็จแล้วก็รอผลการตรวจประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ผลออกแล้วตกใจมากเพราะไส้ติ่งของเราปกติดี ไม่มีอาการอักเสบผลผลการตรวจภายในหมอก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมวึ่งตรงนี้เราคิดว่าคงปกติดี หมอเข้ามาถามอาการแล้วก็ให้ยาแก้ปวดท้องมาค่ะ แต่อาการของเราก็ยังไม่ได้ดีขึ้น รู้สึกแย่กว่าเดิมเพราะเสียเวลามากๆ อาการผิดปกติก็ไม่พบ ซึ่งแพทย์เลยนัดให้ไปที่แผนกสูติอีกวันหนึ่งแทนค่ะ เพื่อวินิจฉัยเกี่ยวกับอาการเพิ่มเติม หลังจากนั้นเราก็ทานอาหารพร้อมยาแก้ปวดที่คุณหมอให้มาค่ะ ยามีชื่อว่า Mefenamic Acid ค่ะ หลังจากนั้นอาการปวดก็ค่อยๆลดลงแต่ก็ไม่ได้หายไปเลยนะคะ
วันถัดมาก็มาพบแพทย์ที่แผนกสูติตามนัดค่ะ เมื่อเข้าไปคุณหมอก็ถามอาการเบื้องต้นรวมถึงทำการกดบริเวณที่ปวดและถามเหมือนเดิมเลยค่ะว่าระหว่างเวลากดหรือปล่อยตอนไหนมีอาการเจ็บมากกว่ากัน ซึ่งเหมือนเดิมค่ะตอนปล่อยจะมีความรู้สึกเจ็บๆหน่วงๆมากกว่า ผ่านไปสักพักคุณหมอก็สรุปให้ว่าเราเป็น ซีสส์ที่รังไข่ค่ะ หรือ ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ คุณหมออธิบายเพิ่มเติม่วาไม่ได้เป็นอาการที่รุนแรงเพราะในช่วงอายุวัยของเราสามารถเกิดขึ้นได้ พอถึงเวลาถุงน้ำเหล่านี้ก็จะทำการสลายไปเองค่ะ หากว่ามีอาการปวดท้องหรือมีเลือดออกบริเวณช่องคลอด หรือมีไข้ให้มาพบแพทย์อีกครั้งหนึ่งค่ะ แล้วก็สามารถทานยาที่จ่ายไปเมื่อมีอาการปวดได้เลย หลังจากนั้นเราก็ทานยาตามปกติค่ะอาการปวดท้องก็ดีขึ้นตามลำดับประมาณวันที่ 4 ก็เริ่มหายเป็นปกติแล้วค่ะ
หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีอาการอะไรเพิ่มเติมนะคะ แต่เริ่มสังเกตตัวเองว่าประจำเดือนชอบเลื่อน บางเดือนก็หายไปเลยซึ่งเราคิดว่าอาจเกิดจากภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบค่ะ ตอนนี้ก็พยายามดูแลตัวเองทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นสังเกตความผิดปกติของตัวเองอยู่ตลอดค่ะ เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นเราก็จะสามารถที่จะหาสาเหตุของสิ่งเหล่านั้นได้ทันค่ะ สุดท้ายแล้วก็อยากจะฝากถึงสาวๆอย่ากลัวการตรวจภายในกันนะคะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ รวมถึงสาวๆเวอร์จิ้นแบบเราเองก็เจ็บนิดเดียวเองค่ะ ไม่ต้องอายคุณหมอนะคะเพราะหากเราปล่อยไว้นานๆไม่ยอมตรวจอาจจะทำให้ปัญหาที่มีสายเกินแก้ก็เป็นไปได้ค่ะ ผู้หญิงอย่างเราการตรวจภายในถือว่ามีความสำคัญมากเลยนะคะบอกอะไรได้หลายอย่างทั้งการทานอาหาร ดูแลตัวเองรวมถึงการวางแผนในอนาคตสำหรับการมีบุตรได้เลยนะคะ
เล่าอาการปวดท้องบริเวณขวาล่างในวัย 22 ปี ตรวจภายในครั้งแรก
เมื่อพบแพทย์ก็มีการสอบถามเกี่ยวกับอาการเบื้องต้น รวมถึงลองกดและปล่อยบริเวณที่ปวด ถามว่าตอนกดหรือตอนปล่อยอันไหนเจ็บกว่ากัน ซึ่งตอนปล่อยเรามีอาการเจ็บหน่วงๆมากกว่าตอนที่กดลงไป เมื่อแพทย์ได้ดูผลเลือดร่วมกับการตรวจปัสสาวะแล้วจึงคาดว่าอาจจะเป็นอาการของไส้ติ่งอักเสบอาจจะต้องทำการผ่าตัดทันที ตอนนั้นเราก็เตรียมใจมาแล้วเพราะอาการปวดท้องทรมานมากๆ แทบจะนั่งไม่ได้เลยปวดจนน้ำตาซึม เลยคิดว่าวิธีไหนก็ได้ที่ทำให้หายปวดก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ซึ่งช่วงนั้นเรามีเพื่อนที่พึ่งผ่าตัดไส้ติ่งไปพอดีทำให้รู้มาคร่าวๆว่าไม่ได้เป็นการผ่าตัดใหญ่คงไม่น่ากลัว ต่อจากนั้นแพทย์ก็ให้เราไปอัลตร้าซาวด์เพื่อทำ TC Scan ค่ะ แต่!!!!! ด้วยความที่เราเป็นผู้หญิงแพทย์จึงอยากให้เราตรวจภายในร่วมด้วยเพราะอาจจะเป็นอาการความผิดปกติบริเวณมดลูกหรือรังไข่ ซึ่งไม่ได้เตรียมใจมาเลยว่าจะต้องตรวจภายในแต่ก็คิดว่าเป็นโอกาสที่ดีเผื่อว่ามีปัญหาอะไรจะได้รีบรักษาได้ทันที
ตรวจภายในคุณหมอจะถามย้ำเราหลายรอบมากค่ะว่าโอเคใช่ไหมถ้าไม่สบายใจไม่ต้องตรวจก็ได้นะ เพราะเราเป็นเคสที่ไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อนเราก็แอบใจสั่นค่ะ กลัวเจ็บอย่างเดียวเลยพอเข้าห้องตรวจก็ทำการเปลี่ยนเป็นใส่ผ้าคลุมเตรียมตัวเรียบร้อยและขึ้นเตียงที่มีขาหยั่ง หมอรุมอยู่ในห้องตรวจภายในประมาณ 4-5 คนเลยค่ะตอนนั้นมีทั้งอาจารย์แพทย์และนักเรียนแพทย์ด้วย เป็น Case study สุดๆ เริ่มแรกคุณหมอจะใช้ปากเป็ดขยายช่องทางก่อนค่ะ ซึ่งตอนนี้เจ็บมาก จำได้ว่าเรากรี๊ดเลยค่ะเพราะปวดท้องด้วยยังต้องมาเจ็บตัวอีก หลังจากขยายช่องทางเสร็จก็จะใช้กล้องที่มีรูปร่างเป็นแท่งยาวๆสอดเข้าไปค่ะ หมอจะให้เราเบ่งเหมือนตอนเข้าห้องน้ำเพื่อให้ช่องทางขยายค่ะ ขั้นตอนนี้ก็จะตึงๆเจ็บๆ หน้าจอก็จะเห็นโพรงมดลูก รังไข่ทั้งข้างขวาข้างซ้าย หมอก็หาความผิดปกติที่เกิดขึ้นค่ะ ใช้เวลาไปประมาณ 30 นาที หลังจากนั้นก็รอผลค่ะซึ่งหลังจากนี้ก็ไม่มีอาการอะไรนอกจากอาการเดิมคือปวดท้องค่ะ
การทำ TC Scan จะทำการฉีดสีเข้าร่างกายก่อน โดยใช้เข็มเจาะผ่านเส้นเลือดค่ะแล้วก็เข้านอนในอุโมงค์หรือที่เรียกว่าเครื่อง TC Scan นั่นเองค่ะ เครื่องจะทำการสื่อสารกับเราเองก็สามารถทำตามได้เลยค่ะ ระหว่างที่ฉ๊ดสารเข้าไปจะมีความรู้สึกร้อนๆไปทั่วร่างเลยค่ะ เหมื่อสารค่อยๆเข้าไปในร่างกายเรา แต่ไม่ได้ร้อนมากจนไม่สามารถทนได้ค่ะ เมื่อเสร็จแล้วก็รอผลการตรวจประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง
ผลออกแล้วตกใจมากเพราะไส้ติ่งของเราปกติดี ไม่มีอาการอักเสบผลผลการตรวจภายในหมอก็ไม่ได้บอกอะไรเพิ่มเติมวึ่งตรงนี้เราคิดว่าคงปกติดี หมอเข้ามาถามอาการแล้วก็ให้ยาแก้ปวดท้องมาค่ะ แต่อาการของเราก็ยังไม่ได้ดีขึ้น รู้สึกแย่กว่าเดิมเพราะเสียเวลามากๆ อาการผิดปกติก็ไม่พบ ซึ่งแพทย์เลยนัดให้ไปที่แผนกสูติอีกวันหนึ่งแทนค่ะ เพื่อวินิจฉัยเกี่ยวกับอาการเพิ่มเติม หลังจากนั้นเราก็ทานอาหารพร้อมยาแก้ปวดที่คุณหมอให้มาค่ะ ยามีชื่อว่า Mefenamic Acid ค่ะ หลังจากนั้นอาการปวดก็ค่อยๆลดลงแต่ก็ไม่ได้หายไปเลยนะคะ
วันถัดมาก็มาพบแพทย์ที่แผนกสูติตามนัดค่ะ เมื่อเข้าไปคุณหมอก็ถามอาการเบื้องต้นรวมถึงทำการกดบริเวณที่ปวดและถามเหมือนเดิมเลยค่ะว่าระหว่างเวลากดหรือปล่อยตอนไหนมีอาการเจ็บมากกว่ากัน ซึ่งเหมือนเดิมค่ะตอนปล่อยจะมีความรู้สึกเจ็บๆหน่วงๆมากกว่า ผ่านไปสักพักคุณหมอก็สรุปให้ว่าเราเป็น ซีสส์ที่รังไข่ค่ะ หรือ ภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบ คุณหมออธิบายเพิ่มเติม่วาไม่ได้เป็นอาการที่รุนแรงเพราะในช่วงอายุวัยของเราสามารถเกิดขึ้นได้ พอถึงเวลาถุงน้ำเหล่านี้ก็จะทำการสลายไปเองค่ะ หากว่ามีอาการปวดท้องหรือมีเลือดออกบริเวณช่องคลอด หรือมีไข้ให้มาพบแพทย์อีกครั้งหนึ่งค่ะ แล้วก็สามารถทานยาที่จ่ายไปเมื่อมีอาการปวดได้เลย หลังจากนั้นเราก็ทานยาตามปกติค่ะอาการปวดท้องก็ดีขึ้นตามลำดับประมาณวันที่ 4 ก็เริ่มหายเป็นปกติแล้วค่ะ
หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีอาการอะไรเพิ่มเติมนะคะ แต่เริ่มสังเกตตัวเองว่าประจำเดือนชอบเลื่อน บางเดือนก็หายไปเลยซึ่งเราคิดว่าอาจเกิดจากภาวะถุงน้ำในรังไข่หลายใบค่ะ ตอนนี้ก็พยายามดูแลตัวเองทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ หมั่นสังเกตความผิดปกติของตัวเองอยู่ตลอดค่ะ เพราะหากมีอะไรเกิดขึ้นเราก็จะสามารถที่จะหาสาเหตุของสิ่งเหล่านั้นได้ทันค่ะ สุดท้ายแล้วก็อยากจะฝากถึงสาวๆอย่ากลัวการตรวจภายในกันนะคะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดค่ะ รวมถึงสาวๆเวอร์จิ้นแบบเราเองก็เจ็บนิดเดียวเองค่ะ ไม่ต้องอายคุณหมอนะคะเพราะหากเราปล่อยไว้นานๆไม่ยอมตรวจอาจจะทำให้ปัญหาที่มีสายเกินแก้ก็เป็นไปได้ค่ะ ผู้หญิงอย่างเราการตรวจภายในถือว่ามีความสำคัญมากเลยนะคะบอกอะไรได้หลายอย่างทั้งการทานอาหาร ดูแลตัวเองรวมถึงการวางแผนในอนาคตสำหรับการมีบุตรได้เลยนะคะ