จากอัตชีวประวัติของรอยคีนแล้วเหมือนคำสารภาพของเขาเลย
"ผมรอมานานมากกว่า 3 ปี ในจังหวะนี้ผมเห็นเขาได้บอลใกล้ๆกับริมเส้น ผมรอจังหวะที่ใช่ที่สุด และอัดเขา
ให้หนัก ผมกะจะเล่นบอลหรือเปล่า (งั้นมั้ง) แต่รับลูกถีบกูไปเลย
และอย่ามากล้าดี ยืนค้ำหัวกู หาว่ากูแกล้งเจ็บอีก แล้วบอกเพื่อนเดวิด วีเธอร์รัลด้วยนะ ว่าถ้ากูได้เจอมัน จะมีของฝากไปให้เหมือนกัน และแน่นอน ผมไม่ต้องรอให้ผู้ตัดสินเอลเลอเรย์ควักใบแดง ผมหมุนตัวแล้วเดินออกนอกสนามไปด้วยตัวเองเลย"
ทนายของฝั่งฮาแลนด์ มีชื่อว่าจิม สเตอร์แมน เขาเป็นแฟนบอลสเปอร์สตัวยง และถือว่าเป็นคนมีจิตวิทยาสูงมากในการทำให้ผู้ฟังรู้สึกคล้อยตาม
การไต่สวนเริ่ม สเตอร์แมนหยิบหนังสือ "Keane" ขึ้นมา แล้วถามว่า "นี่หนังสือของคุณใช่ไหม"
"ใช่" รอย คีนตอบ
"งั้นแปลว่าทุกคำที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งที่คุณพูดขึ้นมาจริงๆ"
"ใช่" คีนตอบกลับไปอีกครั้ง "แต่เล่มนี้ผมใช้โกสต์ไรเตอร์นะ"
โกสต์ ไรเตอร์ (Ghost Writer) แปลตรงๆคือนักเขียนผี ในกรณีของคีนคือเขาจะเล่าทุกอย่างให้โกสต์ไรเตอร์ ที่จ้างมาได้ฟัง โดยโกสต์ไรเตอร์ ก็จะเอาสิ่งที่คีนพูดมาร้อยเรียงเป็นอัตชีวประวัติจนจบ 1 เล่ม
"นี่คุณจะบอกว่าหนังสือของคุณ ถูกโกสต์ไรเตอร์เขียนเรื่องเท็จแต่งเติมเรื่องราวงั้นหรือ"
"ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมแค่บอกให้ฟังเฉยๆว่าผมมีโกสต์ไรเตอร์แค่นั้นเอง"
เริ่มการพิจารณาคดี ทนายก็ใช้ชั้นเชิงในการยั่วยุรอย คีนให้มีความหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ คือในสนามบอลคีนอาจไม่มีใครสู้ได้ แต่ถ้าเป็นสังเวียนเรื่องการไต่สวนล่ะก็ เขาเองไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดแน่นอน
จากนั้นจิม สเตอร์แมน ได้เปิดวีดีโอให้คณะกรรมการเอฟเอได้ดูในจังหวะเสียบของคีน ช้าๆชัดๆ แบบสโลว์โมชั่น เปิดให้ดูทุกมุมทุกองศา จนรอย คีนเองอึดอัดมากและพูดออกมาว่า "หยุดไอ้วีดีโอเวรนี่ซะทีเถอะ บอกค่าปรับผมมาแล้วแยกย้ายกันไปดีกว่ามั้ย"
จิม สเตอร์แมนยังไม่หยุด เขาเรียกตัวเอม่อน ดันฟี่ โกสต์ไรเตอร์จากหนังสือ Keane มาเป็นพยานในการไต่สวน
ดันฟี่ ฟังคำถามแล้วตอบกลับมาอย่างมั่นใจมากว่า "แน่นอนที่สุด"
คีนเองก็ตกใจที่ดันฟี่ไม่ปกป้องเขาเลย คือคีนร่วมงานกับดันฟี่มาตั้งหลายเดือนเพื่อทำให้หนังสืออัตชีวประวัติลุล่วงไปได้ ในมุมของคีนคิดว่าตัวดันฟี่น่าจะทำอะไรสักอย่างที่ปกป้องเขาบ้าง แต่ดันฟี่นั้นพอเสร็จงานเขียนโกสต์ไรเตอร์เสร็จเขาก็จบแล้ว เขาไม่อยากเอาตัวเองไปผูกพันกับขาโหดอย่างรอย คีน
คือสิ่งที่ทำให้รูปการณ์ในคดีของคีนไม่ดีเลย คือดันฟี่พูดว่า "แน่นอนที่สุด" คือถ้าพูดกลางๆแบบว่า "ผมคิดว่างั้นนะ" หรือ "บางทีอาจเป็นไปได้" มันยังดูเซฟๆกว่านี้ แต่คำว่า "แน่นอนที่สุด" มันเหมือนย้ำชัดๆเลยว่าคีนตั้งใจ 100%
จิม สเตอร์แมนย้ำคำพูดของดันฟี่ว่า "แน่นอนที่สุด" ก่อนจะกล่าวว่า เขาหมดคำถามแล้ว
บทสรุปการพิจารณาคดีออกมา คีนโดนปรับเงิน 150,000 ปอนด์ ในสมัยนั้นปอนด์ละประมาณ 70 บาท เท่ากับว่าคีนโดนปรับเงินตีกลมๆก็ 10 ล้านบาทไทย ซึ่งเป็นตัวเลขค่าปรับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยส่วนหนึ่งเอามอบให้กับอัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ คีนต้องเสียค่าทนายความให้ทั้ง 2 ฝ่ายอีก 50,000 ปอนด์ นอกจากนั้นยังโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สั่งปรับค่าเหนื่อยอีก 2 สัปดาห์ เป็นเงิน 200,000 ปอนด์ รวมแล้วทั้งสิ้น คีนเสียเงินในจังหวะการเสียบครั้งนี้เป็นตัวเลข 400,000 ปอนด์ หรือประมาณเกือบ 30 ล้านบาทไทย
"ผมเสียใจกับสิ่งที่เขียนในหนังสือหรือไม่ คิดว่าไม่นะ ผมอ่านตรวจทานก่อนแล้ว ก่อนที่จะตีพิมพ์ออกมา แต่ถามว่าผมตั้งใจทำให้ฮาแลนด์บาดเจ็บหรือไม่ แน่นอนว่าไม่ ผมไม่ได้เจตนาให้เขาเจ็บหนักขนาดนั้น แค่ต้องการเล่นหนักให้เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้น" คีนกล่าว
ขณะที่อัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ แม้จะชนะคดีและได้เงินไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะญาติดีกับคีนเลย หลังโดนเสียบ เขาได้เล่นอีกแค่ 3 นัด ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดยาว และสุดท้ายต้องประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2003 ด้วยวัยแค่ 30 ปีเท่านั้น "ความรู้สึกที่โดนเสียบยังคงอยู่ ไม่เคยหายไปเลย" ฮาแลนด์กล่าวหลังจากแขวนสตั๊ดไปได้ 5 ปี "ผมเลิกเล่นไปแล้ว แต่ความเจ็บก็ยังคงอยู่ ถามว่าการเสียบของคีนทำให้ผมปิดฉากอาชีพหรือไม่? คือเอาเป็นว่าพอหลังจากโดนเสียบครั้งนั้น ผมไม่เคยได้เล่นครบ 90 นาทีอีกเลยจริงไหม ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว" "สิ่งผมต้องออกมาเรียกร้องให้เอฟเอลงโทษเขาในวันนั้น เพราะสิ่งที่เขาเขียนลงไปในหนังสือ มันอาจเป็นบรรทัดฐานให้เด็กๆที่อ่านสิ่งที่เขาคิดทำตามฮีโร่ของตัวเองก็ได้ เด็กๆอาจจะคิดว่าการทำร้ายคู่แข่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร"
รอย คีน กับพ่อของ ฮาลันด์ ตกลงว่ารอยคีนต้องการทำร้ายจริงๆ แต่ไม่ได้ต้องการถึงขั้นเจ็บหนักจนเลิกเล่นใช่มั้ยครับ
จากอัตชีวประวัติของรอยคีนแล้วเหมือนคำสารภาพของเขาเลย
"ผมรอมานานมากกว่า 3 ปี ในจังหวะนี้ผมเห็นเขาได้บอลใกล้ๆกับริมเส้น ผมรอจังหวะที่ใช่ที่สุด และอัดเขาให้หนัก ผมกะจะเล่นบอลหรือเปล่า (งั้นมั้ง) แต่รับลูกถีบกูไปเลย และอย่ามากล้าดี ยืนค้ำหัวกู หาว่ากูแกล้งเจ็บอีก แล้วบอกเพื่อนเดวิด วีเธอร์รัลด้วยนะ ว่าถ้ากูได้เจอมัน จะมีของฝากไปให้เหมือนกัน และแน่นอน ผมไม่ต้องรอให้ผู้ตัดสินเอลเลอเรย์ควักใบแดง ผมหมุนตัวแล้วเดินออกนอกสนามไปด้วยตัวเองเลย"
ทนายของฝั่งฮาแลนด์ มีชื่อว่าจิม สเตอร์แมน เขาเป็นแฟนบอลสเปอร์สตัวยง และถือว่าเป็นคนมีจิตวิทยาสูงมากในการทำให้ผู้ฟังรู้สึกคล้อยตาม
การไต่สวนเริ่ม สเตอร์แมนหยิบหนังสือ "Keane" ขึ้นมา แล้วถามว่า "นี่หนังสือของคุณใช่ไหม"
"ใช่" รอย คีนตอบ
"งั้นแปลว่าทุกคำที่อยู่ในหนังสือเล่มนี้เป็นสิ่งที่คุณพูดขึ้นมาจริงๆ"
"ใช่" คีนตอบกลับไปอีกครั้ง "แต่เล่มนี้ผมใช้โกสต์ไรเตอร์นะ"
โกสต์ ไรเตอร์ (Ghost Writer) แปลตรงๆคือนักเขียนผี ในกรณีของคีนคือเขาจะเล่าทุกอย่างให้โกสต์ไรเตอร์ ที่จ้างมาได้ฟัง โดยโกสต์ไรเตอร์ ก็จะเอาสิ่งที่คีนพูดมาร้อยเรียงเป็นอัตชีวประวัติจนจบ 1 เล่ม
"นี่คุณจะบอกว่าหนังสือของคุณ ถูกโกสต์ไรเตอร์เขียนเรื่องเท็จแต่งเติมเรื่องราวงั้นหรือ"
"ไม่ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น แต่ผมแค่บอกให้ฟังเฉยๆว่าผมมีโกสต์ไรเตอร์แค่นั้นเอง"
เริ่มการพิจารณาคดี ทนายก็ใช้ชั้นเชิงในการยั่วยุรอย คีนให้มีความหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อยๆ คือในสนามบอลคีนอาจไม่มีใครสู้ได้ แต่ถ้าเป็นสังเวียนเรื่องการไต่สวนล่ะก็ เขาเองไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดแน่นอน
จากนั้นจิม สเตอร์แมน ได้เปิดวีดีโอให้คณะกรรมการเอฟเอได้ดูในจังหวะเสียบของคีน ช้าๆชัดๆ แบบสโลว์โมชั่น เปิดให้ดูทุกมุมทุกองศา จนรอย คีนเองอึดอัดมากและพูดออกมาว่า "หยุดไอ้วีดีโอเวรนี่ซะทีเถอะ บอกค่าปรับผมมาแล้วแยกย้ายกันไปดีกว่ามั้ย"
จิม สเตอร์แมนยังไม่หยุด เขาเรียกตัวเอม่อน ดันฟี่ โกสต์ไรเตอร์จากหนังสือ Keane มาเป็นพยานในการไต่สวน
ดันฟี่ ฟังคำถามแล้วตอบกลับมาอย่างมั่นใจมากว่า "แน่นอนที่สุด"
คีนเองก็ตกใจที่ดันฟี่ไม่ปกป้องเขาเลย คือคีนร่วมงานกับดันฟี่มาตั้งหลายเดือนเพื่อทำให้หนังสืออัตชีวประวัติลุล่วงไปได้ ในมุมของคีนคิดว่าตัวดันฟี่น่าจะทำอะไรสักอย่างที่ปกป้องเขาบ้าง แต่ดันฟี่นั้นพอเสร็จงานเขียนโกสต์ไรเตอร์เสร็จเขาก็จบแล้ว เขาไม่อยากเอาตัวเองไปผูกพันกับขาโหดอย่างรอย คีน
คือสิ่งที่ทำให้รูปการณ์ในคดีของคีนไม่ดีเลย คือดันฟี่พูดว่า "แน่นอนที่สุด" คือถ้าพูดกลางๆแบบว่า "ผมคิดว่างั้นนะ" หรือ "บางทีอาจเป็นไปได้" มันยังดูเซฟๆกว่านี้ แต่คำว่า "แน่นอนที่สุด" มันเหมือนย้ำชัดๆเลยว่าคีนตั้งใจ 100%
จิม สเตอร์แมนย้ำคำพูดของดันฟี่ว่า "แน่นอนที่สุด" ก่อนจะกล่าวว่า เขาหมดคำถามแล้ว
บทสรุปการพิจารณาคดีออกมา คีนโดนปรับเงิน 150,000 ปอนด์ ในสมัยนั้นปอนด์ละประมาณ 70 บาท เท่ากับว่าคีนโดนปรับเงินตีกลมๆก็ 10 ล้านบาทไทย ซึ่งเป็นตัวเลขค่าปรับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก โดยส่วนหนึ่งเอามอบให้กับอัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ คีนต้องเสียค่าทนายความให้ทั้ง 2 ฝ่ายอีก 50,000 ปอนด์ นอกจากนั้นยังโดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สั่งปรับค่าเหนื่อยอีก 2 สัปดาห์ เป็นเงิน 200,000 ปอนด์ รวมแล้วทั้งสิ้น คีนเสียเงินในจังหวะการเสียบครั้งนี้เป็นตัวเลข 400,000 ปอนด์ หรือประมาณเกือบ 30 ล้านบาทไทย
"ผมเสียใจกับสิ่งที่เขียนในหนังสือหรือไม่ คิดว่าไม่นะ ผมอ่านตรวจทานก่อนแล้ว ก่อนที่จะตีพิมพ์ออกมา แต่ถามว่าผมตั้งใจทำให้ฮาแลนด์บาดเจ็บหรือไม่ แน่นอนว่าไม่ ผมไม่ได้เจตนาให้เขาเจ็บหนักขนาดนั้น แค่ต้องการเล่นหนักให้เขารู้ว่าอะไรเป็นอะไรแค่นั้น" คีนกล่าว
ขณะที่อัลฟ์-อิงเก้ ฮาแลนด์ แม้จะชนะคดีและได้เงินไปแล้ว แต่เขาก็ไม่เคยคิดจะญาติดีกับคีนเลย หลังโดนเสียบ เขาได้เล่นอีกแค่ 3 นัด ก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดยาว และสุดท้ายต้องประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2003 ด้วยวัยแค่ 30 ปีเท่านั้น "ความรู้สึกที่โดนเสียบยังคงอยู่ ไม่เคยหายไปเลย" ฮาแลนด์กล่าวหลังจากแขวนสตั๊ดไปได้ 5 ปี "ผมเลิกเล่นไปแล้ว แต่ความเจ็บก็ยังคงอยู่ ถามว่าการเสียบของคีนทำให้ผมปิดฉากอาชีพหรือไม่? คือเอาเป็นว่าพอหลังจากโดนเสียบครั้งนั้น ผมไม่เคยได้เล่นครบ 90 นาทีอีกเลยจริงไหม ถ้ามันไม่เกี่ยวข้องผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว" "สิ่งผมต้องออกมาเรียกร้องให้เอฟเอลงโทษเขาในวันนั้น เพราะสิ่งที่เขาเขียนลงไปในหนังสือ มันอาจเป็นบรรทัดฐานให้เด็กๆที่อ่านสิ่งที่เขาคิดทำตามฮีโร่ของตัวเองก็ได้ เด็กๆอาจจะคิดว่าการทำร้ายคู่แข่งเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร"