อยากมาเล่าเรื่องราว เจอเนื้องอกในสมอง เพราะโควิด

บางครั้งชีวิตคนเรา บางทีโชคชะตาก็เล่นตลกกับเรา และบางทีก็เหมือนโชคชะตาคุ้มครองเรา วันนี้เราขอมาเล่าเรื่องราวชีวิตที่ต้องเจอ ในช่วงโควิดนะคะ ย้อนไปเมื่อปี 2021 ช่วงโควิดจากจีนเริ่มระบาดมาทางไทย ปีนั้นเราได้รับการโปรโมทขึ้นไปเป็น ผจก เขต ของบริษัทเรา ซึ่งต้องไปดูแลสี่สาขาซึ่งไกลจากบ้านขึ้น ทำให้เราต้องเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ซึ่งเอาจริง เราก็ไม่ได้อยากเป็นนัก เพราะอยากทำงานใกล้บ้านมากกว่า แม้ตำแหน่งจะน้อยกว่า แต่เราก็มีเวลาให้ลูกมาก็กว่า หลังจากขึ้นเป็น ผจก เราต้องผัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเข้าเวรสาขาต่างๆ และเนื่องจากงานที่ทำ ค่อนข้างเสี่ยงกับการติดโควิด ทางบริษัท จึงได้หาทางให้พนักงานได้ฉีดวัคซีน แต่ก่อนฉีดวัคซีนแค่ไม่กี่วัน เราได้ข่าวว่า พนักงานสาขาที่เราไปเข้าเวรด้วย ติดโควิด ซึ่งช่วงนั้นคือโควิด สายพันธุ์เดลต้า ที่ทำให้มีคนเสียชีวิตมากที่สุด ร.พ เต็มไม่รับคน คนนอนตายที่บ้านหลายต่อหลายคน เมื่อเราทราบข่าว ก็กลัวในใจว่าเราจะติดไปด้วย ถึงวันที่เราไปรับการฉีดวัคซีน เอสตร้าเซนิก้า เข็มแรก วันแรกยังแค่เป็นไข้รุมๆ วันที่สอง จู่ก็มีอาการไข้ร้อนไข้หนาวสลับกัน และมีอาเจียน ตอนนั้นเข้าเวรอยู่ ต้องโทรไปขอลางานกลับบ้าน เมื่อกลับบ้านก็นอนซม ไข้ขึ้น พอวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดพอดี แลดูเหมือนอาการจะเริ่มดีขึ้นไข้เริ่มลด ขณะที่กำลังนั่งอยู่ตรงระเบียง จู่ๆร่างกายก็เกิดอาการชาตรงบริเวณศีรษะ ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนหายใจไม่อิ่ม มือเท้าเย็น บังเอิญโชคดีมาก ที่เป็นวันหยุดสามีเหมือนกัน จึงบอกสามีว่าให้พาไป ร.พ ตามสิทธิ์ประกันสังคมของเรา ในใจตอนนั้น คิดอย่างเดียวว่า น่าจะเป็นผลจากการฉีดวัคซีน เมื่อไปถึง ได้แจ้งหมอเบื้องต้นว่าได้ฉีดวัคซีนมา ณ.ตอนนั้น หากใครไปรับการตรวจ ร.พ จะต้องมีการโดนสวอปทุกคนเราก็โดนก่อนเข้ารับการตรวจ เมื่อหมอเทสอาการทางกายภาพ พบว่าเราเดินเซ หมอจึงให้เข้าเครื่อง CT สแกน เมื่อสแกนเสร็จ ก็ได้มานอนรอผล หลังจากผ่านไปซักพัก หมอได้เดินมาแจ้งผลกับเราว่า พบก้อนเนื้ออยู่ตรงบริเวณสมองเรา ซึ่งยังไม่ทราบว่าคืออะไร พอได้ฟัง เราก็งง มึน หยิบโทรศัพท์โทรหาสามี โทรหาพี่สาว ในขณะที่กำลังโทรอยู่นั้น ก็มีเจ้าหน้าที่กุลีกุจอ มาเข็นรถที่เรานอนแบบรีบร้อน เราก็ยิ่งงง พยาบาลแจ้งเราว่า เราตรวจพบว่าคุณติดเชื้อโควิด เราต้องเอาคุณแยกออกไปจากห้องฉุกเฉินก่อน บุรุษพยาบาลเข็นเตียงที่เรานอน ไปทิ้งไว้บริเวณรอบนอกห้องที่ไม่มีแอร์ ตอนนั้น ได้แต่อึ้ง งงกับชีวิตไปหมด ผ่านไปซักสองชั่วโมงก็มีเจ้าหน้าแต่งชุดอวกาศมารับเราขึ้นห้อง เราได้อยู่ห้องเดียวที่มีอุปกรณ์ อาจเพราะเนื่องจากเราเจออะไรบางสิ่งในสมองด้วย เลยกลายเป็นความโชคดีของเราที่ได้นอน ร.พ รักษาโควิดไปในตัว ในขณะที่มีคนอีกมากมายที่หา ร.พ นอนไม่ได้ คืนนั้น แน่นอนไม่สามารถข่มตาหลับทั้งคืนได้ ไม่รู้ควรกลัวอะไรก่อน ระหว่างเจ้าก้อนเนื้อในสมองที่หมอบอกกับโควิด วันรุ่งขึ้น หมอโทรขึ้นมาคุยด้วย หมอแจ้งว่า จากที่ดูฟิล์มที่ CT สแกน คุณน่าจะเป็นเนื้องอกในสมอง ดูแล้วน่าจะอยู่กับคุณมานานพอสมควรแล้ว คุณหมอบอกว่า ทาง ร.พ ไม่มีหมอเฉพาะทางด้านนี้ เดี๋ยวคุณรักษาโควิดให้หาย ให้สถานการณ์โควิดดีขึ้น หมอจะส่งตัวคุณไปรักษานะครับ เราได้ฟังก็ได้แต่ค่ะๆ ยังงงกับชีวิต ผู้หญิงที่ใครๆก็มองว่าโคตรถึกอย่างฉัน บทจะเป็นอะไรขึ้นมา ก็หนักเลย สองสามวันแรกที่อยู่ ร.พ บอกเลยว่า วันๆเอาแต่นั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง เพราะไม่เคยรู้จักเลยว่า เจ้าเนื้องอกในสมองนี่มันร้ายแรงแค่ใหนรักษาได้มั้ย ไม่กล้าเสิร์ชหาข้อมูลในกูเกิ้ล เพราะกลัวทำใจยอมรับไม่ได้ ระหว่างนั้น ก็นึกย้อนกลับไป สองสามปีก่อน
     เมื่อสองสามปีก่อนที่เริ่มมีอาการแปลกๆ เริ่มจาก ขณะเดินจะไปขึ้นรถกลับบ้าน เราจะใส่หูฟังเพลงไปด้วย จู่ๆก็ได้ยินเสียงลั่นเปรี๊ยะในหูข้างขวา ก็มีสะดุ้งอยู่ ก็นึกว่า เป็นเสียงหูฟังช็อต ก็ดึงออก พอใส่หูฟังเข้าไปอีกครั้ง ก็พบว่า ได้ยินเสียงแบบเหมือนมีคลื่นแทรก ตอนนั้นคิดอย่างเดียว หูฟังเสีย ตอนหลังถึงรู้ว่าหูฟังไม่ได้เสีย ที่เสียน่ะคือหูเรา เพราะถ้ารับโทรศัพท์หูข้างขวาจะฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย หลังจากนั้นเริ่มมีอาการมึนหัวเวียนหัวก็คิดว่า คงเพราะนอนไม่พอ ก็กินยาแก้เวียนหัวเอา บางวันเดินไปตามฟุตบาท รู้สึกเซๆ ก็คิดว่า ฟุตบาท กทม นี่ทำแย่มาก ทำพื้นไม่สม่ำเสมอกัน เมื่อก่อนเข้าเวรดึกออกเวรมาตอนเช้าซึ่งเป็นวันหยุด เมื่อก่อนสามรถอยู่ได้ 24 ชม ไม่มีปัญหา แต่หลังๆถ้าอดนอนแล้วไปเดินตลาดร้อนๆ จะมึนหัวเหมือนหายใจไม่อิ่ม จะเป็นลม มาปีหลังๆก่อนเจอเนื้องอก อาการเริ่มหนัก หน้าซีกขวา เริ่มชา หยิกเริ่มไม่เจ็บ ปากชา กินอาหารก็ชอบสำลัก ง่วงหงาวหาวนอนทั้งวัน สมองช้าสมองตื้อ (คาดว่าน่าจะเกิดจากก้อนเนื้อดึงเลือดไปเลี้ยงตัวเอง ตอนที่คุณหมอผ่าตัดบอก)ตอนนั้น ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองเป็นโรคร้าย คิดว่าน่าจะเส้นประสาทอักเสบ และก็แย่มากที่ไม่เคยไปหาหมอเลย สัญญาณเตือนไม่ดีมาตั้งหลายปี สุดท้ายโชคชะตาคงรำคาญ ให้มาเจอโดยบังเอิญ
    ย้อนกลับมาที่ ร.พ เมื่อผ่านไปวันที่สี่ เราเริ่มทำใจได้ จึงเริ่มหาข้อมูลจากกูเกิ้ล รวมทั้งหาอ่านในพันทิป ถึงคนที่เคยเป็นเนื้องอกในสมอง และจากการหาข้อมูลจึงทำให้เรารู้ว่า อาการของเราที่ผ่านมาสองสามปีก่อนหน้านี้ เกิดจากเนื้องอกที่เรียกว่า acoustic neuroma หรือ เนื้องอกทับเส้นประสาทหู ซึ่งเป็นเนื้องอกที่ไม่ค่อยกลายไปเป็นมะเร็ง และเป็นเนื้องอกที่เติบโตช้า ตอนนั้นหมอไม่ได้บอกขนาดเนื้องอกเรา เราจึงมโนไปเองว่า น่าจะยังคงไม่ใหญ่ น่าจะเฝ้าติดตามอาการได้ คิดได้ดังนั้นก็เบาใจขึ้นเยอะ เมื่อเรารักษาโควิดที่ ร.พ ครบตามกำหนด 23 วันแล้ว วันที่เราจะออกจาก ร.พ คุณหมอแจ้งเราว่า ให้รอการติดต่อของ ร.พ นะครับ รอให้โควิด ซาก่อน จะให้เจ้าหน้าที่ติดต่อไป จะได้ส่งตัวไปรัยรักษานะครับ เรารับทราบ เราออกจาก ร.พ ด้วยความไม่วิตกมาก เพราะคิดในแง่ดีว่า เนื้องอกฉันเฝ้าดูอาการได้ ยังไม่ต้องถึงกับผ่าตัด แล้วก็กลับบ้านไปหาสามีและลูกอย่างสบายใจ กระทูหน้า เราจะมาเล่าให้ฟัง ถึงการส่งตัวไปรักษาเนื้องอกในสมอง ไปเจอคุณหมอที่เก่งและพูดตรง การเข้าทำการรักษา  มีทั้งเรื่องวิทยาศาสตร์และไสยศาสตร์มาเล่าให้ฟังค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่