เรื่องมีอยู่ดิฉันให้คนเช่าตึกพร้อมกิจการ แต่ผู้ให้เช่ามีการบอกยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดโดยบอกยกเลิกผ่านทางไลน์ ดิฉันจึงหาคนเช่ารายใหม่ แต่ผู้เช่าคนใหม่ไม่ต้องการของภายในตึก จึงขออนุญาตผู้เช่าเก่าเข้าไปขนของออกจากร้าน แต่มีการคุยราคาเฟอร์นิเจอร์โซฟาของผู้เช่าเก่าที่ปะปนกันด้วยในร้าน แต่ยังไม่ได้คุยตกลงกัน ของราคาแต่ละชิ้น
ขนของทั้งหมด3 วัน แต่วันที่3 แม่ดิฉันได้ยกโซฟาของทางผู้เช่าติดมา ว่าให้ไปคิดเงินในภายหลัง และมีพี่และน้าที่หยิบติดของมาอีก2 ชิ้น ซึ่งคิดว่าเป็นของหลาน เพราะตึกเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ โซฟาและโต้ะจึงมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นของดิฉันเพราะให้เช่าตึกพร้อมกิจการ ผู้เช่าทำสัญญาเช่ามาร่วม 4 ปีแล้ว และรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะผู้เช่าเคยทำงานกับดิฉัน ตอนทำกิจการครั้งแรก ดิฉันจึงให้ทำการเช่าทำกิจการต่อจากดิฉัน) รู้จักบ้านกันเป็นอย่างดี โซฟาของดิฉันมีชำรุดหลายตัวและผู้เช่ามีการซื้อมาตัวใหม่มาแทนตัวที่ชำรุด และนำโซฟาที่ชำรุดมาคืนที่บ้าน
สองวันแรกผู้ให้เช่าเข้ามาช่วยขนของภายในร้าน แต่วันที่3 ผู้เช่าไม่ได้มา ภายในเวลาหลังจากขนของไม่กี่วัน ตำรวจโทรมาแจ้งว่าผู้ให้เช่าแจ้งข้อหาลักทรัพย์ บุกรุกโดยใช้ยานพาหนะ เรียกพบเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาที่โรงพัก และวันนั้นดิฉันได้นำของไปคืน แต่ทางผู้เช่าได้เรียกค่าเสียหายถึง 3 แสนบาท ซึ่งดิฉันไม่ยอมจ่าย ต่อมาตำรวจได้ช่วยไกล่เกลี่ยในราคา 1 แสน บาท ดิฉันและครอบครัวจึงกลับมาปรึกษากัน รู้สึกไม่ยุติธรรมจึงขอสู้คดี เพราะผู้เช่าไม่เคยจ่ายค่าเช่าครบตามกำหนดเลยสักเดือน แถมยังขอยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดอีกเป็นเวลา1 ปี ดิฉันรู้สึกได้รับความเสียหายมากเกินไป
ในสำนวนผู้ให้เช่ามีกล้องคลิปวีดีโอที่เข้าไปยกของภายในร้าน ทางผู้เช่าให้การตำรวจว่าดิฉันไม่ได้ขออนุญาตเข้าไปทำการขนย้ายของ ทั้งที่ดิฉันมีหลักฐานแชทไลน์ทุกครั้งที่จะขอเข้าไปภายในร้าน ) วันที่ขนของมีการโทรแจ้งผู้เช่าทุกครั้ง
**จากข้อความด้านบน ดิฉันอยากทราบว่าคดีนี้ฉันและครอบครัว พอที่จะสู้คดีได้มั้ยคะ
สอบถามแบบนี้ข้อหาลักทรัพย์ไหมคะ
ขนของทั้งหมด3 วัน แต่วันที่3 แม่ดิฉันได้ยกโซฟาของทางผู้เช่าติดมา ว่าให้ไปคิดเงินในภายหลัง และมีพี่และน้าที่หยิบติดของมาอีก2 ชิ้น ซึ่งคิดว่าเป็นของหลาน เพราะตึกเปิดเป็นร้านคาราโอเกะ โซฟาและโต้ะจึงมีจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นของดิฉันเพราะให้เช่าตึกพร้อมกิจการ ผู้เช่าทำสัญญาเช่ามาร่วม 4 ปีแล้ว และรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะผู้เช่าเคยทำงานกับดิฉัน ตอนทำกิจการครั้งแรก ดิฉันจึงให้ทำการเช่าทำกิจการต่อจากดิฉัน) รู้จักบ้านกันเป็นอย่างดี โซฟาของดิฉันมีชำรุดหลายตัวและผู้เช่ามีการซื้อมาตัวใหม่มาแทนตัวที่ชำรุด และนำโซฟาที่ชำรุดมาคืนที่บ้าน
สองวันแรกผู้ให้เช่าเข้ามาช่วยขนของภายในร้าน แต่วันที่3 ผู้เช่าไม่ได้มา ภายในเวลาหลังจากขนของไม่กี่วัน ตำรวจโทรมาแจ้งว่าผู้ให้เช่าแจ้งข้อหาลักทรัพย์ บุกรุกโดยใช้ยานพาหนะ เรียกพบเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาที่โรงพัก และวันนั้นดิฉันได้นำของไปคืน แต่ทางผู้เช่าได้เรียกค่าเสียหายถึง 3 แสนบาท ซึ่งดิฉันไม่ยอมจ่าย ต่อมาตำรวจได้ช่วยไกล่เกลี่ยในราคา 1 แสน บาท ดิฉันและครอบครัวจึงกลับมาปรึกษากัน รู้สึกไม่ยุติธรรมจึงขอสู้คดี เพราะผู้เช่าไม่เคยจ่ายค่าเช่าครบตามกำหนดเลยสักเดือน แถมยังขอยกเลิกสัญญาเช่าก่อนกำหนดอีกเป็นเวลา1 ปี ดิฉันรู้สึกได้รับความเสียหายมากเกินไป
ในสำนวนผู้ให้เช่ามีกล้องคลิปวีดีโอที่เข้าไปยกของภายในร้าน ทางผู้เช่าให้การตำรวจว่าดิฉันไม่ได้ขออนุญาตเข้าไปทำการขนย้ายของ ทั้งที่ดิฉันมีหลักฐานแชทไลน์ทุกครั้งที่จะขอเข้าไปภายในร้าน ) วันที่ขนของมีการโทรแจ้งผู้เช่าทุกครั้ง
**จากข้อความด้านบน ดิฉันอยากทราบว่าคดีนี้ฉันและครอบครัว พอที่จะสู้คดีได้มั้ยคะ