วันนี้ "พายุดีเปรสชัน" จ่อทวีกำลังเป็น "พายุโซนร้อน" เตือนหลายจังหวัดฝนตกหนักมาก
https://www.thairath.co.th/news/local/2815221
"กรมอุตุนิยมวิทยา" ประกาศฉบับที่ 8 วันนี้ "พายุดีเปรสชัน" จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนาม จ่อทวีกำลังแรงขึ้นเป็น "พายุโซนร้อน" เตือนหลายจังหวัดฝนตกหนักมาก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน
วันที่ 19 ก.ย. 2567 เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่องพายุ "ดีเปรสชัน" ฉบับที่ 8 โดยระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (19 ก.ย.) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองกวางตรี ประเทศเวียดนามประมาณ 300 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในวันนี้ และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 19-20 ก.ย. 67
หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ประกอบกับร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 19–23 ก.ย. 67 และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กับมีลมแรงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย โดยจังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้
วันที่ 19 กันยายน 2567
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคตะวันออก : จังหวัดจันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
วันที่ 20 กันยายน 2567
ภาคเหนือ : จังหวัดลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
วันที่ 21 กันยายน 2567
ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัยกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม และนครราชสีมา
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่
วันที่ 22 - 23 กันยายน 2567
ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัยกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรีพระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดระนอง และพังงา
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 19 – 22 ก.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยง การเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา
http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
สภาฯคว่ำ กม.วินัยการคลัง คุมกองทัพ ใช้เงินนอกงบฯ อดิศร รับอยู่ซีกรบ. บางทีก็เจ็บปวด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4798702
สภาคว่ำร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ยกเลิกเงินนอกงบประมาณกองทัพ “วิโรจน์” ชี้มีข้อสังเกตทุกปี แต่ยอมแก้ไข ปล่อยให้มีเรื่องตรวจสอบไม่ได้ ด้าน “อดิศร” รับเป็น ส.ส.รัฐบาล กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งที่ฝ่ายค้านมีเหตุผล
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. …. ที่มี นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ขอรับร่างไปพิจารณาเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งครบกำหนดกลับเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยข้อสังเกตของ ครม. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สำหรับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีสาระสำคัญเพื่อให้การบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกองทัพ มีความโปร่งใสมากขึ้น โดยแก้ไขให้รัฐบาลต้องเปิดเผยภาระทางการคลังผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และให้การจัดการเงินนอกงบประมาณโดยที่ไม่ต้องนำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง ต้องมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติกำกับเท่านั้น
นาย
วิโรจน์ อภิปรายต่อข้อสังเกตที่ ครม. มีกลับมาว่า หลักการสำคัญในการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. การสร้างความโปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญด้านงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นภาระทางการคลัง สถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง
และ 2. การปรับปรุงการจัดการเงินนอกงบประมาณให้มีความโปร่งใสมากขึ้น ทั้งนี้ หน่วยงานใดที่มีความจำเป็นในการจัดการเงินนอกงบประมาณด้วยตัวเองก็ยังคงทำได้ โดยเฉพาะกองทัพ ที่มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณถึงปีละเกือบ 20,000 ล้านบาท แต่ต้องมีการตรากฎหมายในระดับ พ.ร.บ. มากำกับ มีการตรวจสอบตามหลักการทางบัญชี และมีการเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย
เมื่ออ่านข้อสังเกตที่ ครม. ตีกลับมาก็ยิ่งตกใจ เพราะไม่มีความใส่ใจต่อข้อสังเกตใดๆ ของคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ เลย การแก้ไขครั้งนี้ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ตนทึกทักนึกเอา แต่มาจาก ส.ส.ทุกพรรคทุกคน ผ่านรายงานข้อสังเกตต่อ พ.ร.บ.งบประมาณของทุกปี รวมทั้งในปี ล่าสุด 2568 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “
กระทรวงกลาโหมเป็นเพียงกระทรวงเดียวที่มีเงินนอกงบประมาณประเภทที่ 2 ซึ่งใช้ระเบียบที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง” และยังย้ำอีกว่า “
ควรมีข้อมูลรายละเอียดของเงินนอกงบประมาณมาแสดงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ”
สำหรับปี 2567 ก็มีการตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่า มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 46,000 ล้านบาท ย้อนกลับไปปี 2566 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท ส่วนปี 2565 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมหาศาลในระดับ 1.4 ล้านล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการฯ มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องเดิมทุกปี ก็คือเงินนอกงบประมาณไม่สามารถตรวจสอบได้ มีความซ้ำซ้อน และขาดความโปร่งใส ตนขอตั้งคำถามว่าส.ส.เราทำได้แค่ตั้งข้อสังเกตแล้วมองตาปริบๆ มากี่ปีกันแล้ว แล้วเราจะสังเกตกันแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่
นอกจากนี้ จากรายงานที่คณะกรรมการกฤษฎีกา รวบรวมความเห็นหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ มีแต่ระบุเหตุผลในเรื่องความคล่องตัว แต่ไม่มีหน่วยงานใดชี้แจงว่าจะสร้างความโปร่งใสและลดความซ้ำซ้อน ของการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่คณะกรรมาธิการฯวิสามัญทุกชุดทุกปีตั้งข้อสังเกตได้อย่างไร ในฐานะพวกเราเป็นส.ส. เราทำได้มากกว่าตั้งข้อสังเกต แต่เราสามารถแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ ให้การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมีความโปร่งใสได้
“
ผมขอร้องเพื่อนสมาชิก ขอให้เราทุกคนร่วมกันยืนหยัดกล้าหาญที่จะรับร่างกฎหมายฉบับนี้ เหมือนตอนที่เราโหวตเห็นด้วยกับข้อสังเกตของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เป็นเอกฉันท์กันแทบทุกปี ถ้าไม่ทำ เพื่อจัดการเงินนอกงบประมาณให้โปร่งใสเพื่อปฏิรูปกองทัพ ให้ธุรกิจกองทัพโปร่งใส ในปีต่อ ๆ ไปเราไม่ต้องมาตั้งข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว ผมเสนอว่าพอถึงหน้าเงินนอกงบประมาณให้เอาแถบสีดำคาดเอาไว้ แล้วพิมพ์เอาไว้ว่าไม่มีข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว เพราะไม่รู้จะสังเกตไปเพื่ออะไร” นาย
วิโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย ส.ส.พรรคประชาชน อาทิ นาย
เชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี ได้ลุกขึ้นสนับสนุนให้ ที่ประชุมมีมติรับหลักการ โดยยกตัวอย่าง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) หนึ่งในธุรกิจของกองทัพบก ซึ่งที่ผ่านมา ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ได้เคยร้องของบการเงินย้อนหลังของ ททบ.5 เพื่อยืนยันหลังการโปร่งใส่ตรวจสอบได้กันมาทุกปี ในกมธ.งบประมาณตั้งแต่ปี 2562 และล่าสุด กมธ.ถ่ายโอนธุรกิจกองทัพก็ได้ขอไป แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยได้รับเลย แม้แต่ขอไปที่กรมบัญชีกลาง ก็ตอบกลับมาว่า ไม่มีข้อมูล ไม่เคยได้รับจากกองทัพบกเลย
“
นี่คือสิ่งผิดปกติที่เราสามารถแก้ไขกันได้เพื่อให้เงินนอกงบประมาณ ในกองทัพมีความโปร่งใส่ตรวจสอบได้” นายเชตวัน ระบุ
ด้าน นาย
อดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายตอนหนึ่งว่า ตนได้ฟังส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างมีเหตุมีผลแบบนี้ ในฐานะส.ส.จะนิ่งนอนใจได้อย่างไร เรื่อง ททบ. 5 ของกองทัพบก เขาเรียกว่า เงินที่ก่อเกิดจากสถานที่ราชการแล้ว อาศัยสถานที่ราชการไปออกดอกออกผล คนในเครื่องแบบทำแบบนี้ก็เหมือนโจร แทนที่จะคืนรัฐ กลับเอาไปเข้ากระเป๋าตัวเอง ทั้งๆที่ควรจะกลับมาอยู่ในเงินงบประมาณ
“วันนี้ยอมรับว่า เอียนเอียงไปทางฝ่ายค้าน แต่มติอย่างไรออกมาอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่เมื่อมีมติวิปแล้วต้องปฏิบัติตาม ผมไม่ขออยู่ในที่ประชุม หรือจะออกเสียงในการงดใช้สิทธิ พ.ร.บ.ฉบับนี้ หากมีโอกาสเป็นผู้แทนราษฎรแล้วเราไม่แก้ไข เงินนอกงบประมาณก็จะเป็นข้อสังเกต เป็นไส้ติ่งของ พ.ร.บ.งบประมาณทุกปี ผมพูดด้วยความเจ็บปวด บางทีเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เราจับการทุจริตซึ่งๆหน้าได้แล้วเราไม่ทำต่อ เราจะเป็นผู้แทนราษฎรที่สง่าผ่าเผยได้อย่างไร” นาย
อดิศร กล่าว
จากนั้น ที่ประชุมมีมติ 143 ต่อ 245 เสียง งดออกเสียง 3 และไม่ลงคะแนนเสียง 3 ไม่
JJNY : ดีเปรสชันจ่อทวีกำลังเป็นโซนร้อน│สภาฯคว่ำ กม. คุมกองทัพ│ร่างสุราก้าวหน้า ส่อถูกคว่ำ│ยูเครนส่งโดรนทำลายคลังอาวุธ
https://www.thairath.co.th/news/local/2815221
"กรมอุตุนิยมวิทยา" ประกาศฉบับที่ 8 วันนี้ "พายุดีเปรสชัน" จะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนาม จ่อทวีกำลังแรงขึ้นเป็น "พายุโซนร้อน" เตือนหลายจังหวัดฝนตกหนักมาก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน
วันที่ 19 ก.ย. 2567 เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเรื่องพายุ "ดีเปรสชัน" ฉบับที่ 8 โดยระบุว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (19 ก.ย.) พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองกวางตรี ประเทศเวียดนามประมาณ 300 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 17.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 110.0 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยพายุนี้จะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนในวันนี้ และคาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 19-20 ก.ย. 67
หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ ประกอบกับร่องมรสุมกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 19–23 ก.ย. 67 และมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กับมีลมแรงในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย โดยจังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากมีดังนี้
วันที่ 19 กันยายน 2567
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดบึงกาฬ สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคตะวันออก : จังหวัดจันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
วันที่ 20 กันยายน 2567
ภาคเหนือ : จังหวัดลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิษณุโลก พิจิตร และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
วันที่ 21 กันยายน 2567
ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัยกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม และนครราชสีมา
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี ราชบุรี รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต และกระบี่
วันที่ 22 - 23 กันยายน 2567
ภาคเหนือ : จังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก สุโขทัยกำแพงเพชร พิจิตร พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร นครพนม ชัยภูมิ ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี
ภาคกลาง : จังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรีพระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ภาคตะวันออก : จังหวัดนครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด
ภาคใต้ : จังหวัดระนอง และพังงา
อนึ่ง ในช่วงวันที่ 19 – 22 ก.ย. 67 มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 4 เมตร
ส่วนอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยง การเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ส่วนเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันและเวลาดังกล่าวไว้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือที่ 0-2399-4012-13 และ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง.
สภาฯคว่ำ กม.วินัยการคลัง คุมกองทัพ ใช้เงินนอกงบฯ อดิศร รับอยู่ซีกรบ. บางทีก็เจ็บปวด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4798702
สภาคว่ำร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ยกเลิกเงินนอกงบประมาณกองทัพ “วิโรจน์” ชี้มีข้อสังเกตทุกปี แต่ยอมแก้ไข ปล่อยให้มีเรื่องตรวจสอบไม่ได้ ด้าน “อดิศร” รับเป็น ส.ส.รัฐบาล กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ทั้งที่ฝ่ายค้านมีเหตุผล
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ (ฉบับที่ .. ) พ.ศ. …. ที่มี นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นผู้เสนอ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ขอรับร่างไปพิจารณาเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งครบกำหนดกลับเข้าสู่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยข้อสังเกตของ ครม. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ สำหรับร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว มีสาระสำคัญเพื่อให้การบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกองทัพ มีความโปร่งใสมากขึ้น โดยแก้ไขให้รัฐบาลต้องเปิดเผยภาระทางการคลังผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และให้การจัดการเงินนอกงบประมาณโดยที่ไม่ต้องนำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง ต้องมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติกำกับเท่านั้น
นายวิโรจน์ อภิปรายต่อข้อสังเกตที่ ครม. มีกลับมาว่า หลักการสำคัญในการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ มีอยู่ 2 ประการ คือ
1. การสร้างความโปร่งใส ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเข้าถึงข้อมูลสำคัญด้านงบประมาณ ไม่ว่าจะเป็นภาระทางการคลัง สถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลัง
และ 2. การปรับปรุงการจัดการเงินนอกงบประมาณให้มีความโปร่งใสมากขึ้น ทั้งนี้ หน่วยงานใดที่มีความจำเป็นในการจัดการเงินนอกงบประมาณด้วยตัวเองก็ยังคงทำได้ โดยเฉพาะกองทัพ ที่มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณถึงปีละเกือบ 20,000 ล้านบาท แต่ต้องมีการตรากฎหมายในระดับ พ.ร.บ. มากำกับ มีการตรวจสอบตามหลักการทางบัญชี และมีการเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณะอย่างเปิดเผย
เมื่ออ่านข้อสังเกตที่ ครม. ตีกลับมาก็ยิ่งตกใจ เพราะไม่มีความใส่ใจต่อข้อสังเกตใดๆ ของคณะกรรมาธิการงบประมาณฯ เลย การแก้ไขครั้งนี้ไม่ใช่อยู่ดี ๆ ตนทึกทักนึกเอา แต่มาจาก ส.ส.ทุกพรรคทุกคน ผ่านรายงานข้อสังเกตต่อ พ.ร.บ.งบประมาณของทุกปี รวมทั้งในปี ล่าสุด 2568 ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า “กระทรวงกลาโหมเป็นเพียงกระทรวงเดียวที่มีเงินนอกงบประมาณประเภทที่ 2 ซึ่งใช้ระเบียบที่กำหนดขึ้นเองโดยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามระเบียบของกระทรวงการคลัง” และยังย้ำอีกว่า “ควรมีข้อมูลรายละเอียดของเงินนอกงบประมาณมาแสดงเพื่อลดความซ้ำซ้อนในการจัดสรรงบประมาณ”
สำหรับปี 2567 ก็มีการตั้งข้อสังเกตเช่นกันว่า มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 46,000 ล้านบาท ย้อนกลับไปปี 2566 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณสูงถึง 1.05 แสนล้านบาท ส่วนปี 2565 มีการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมหาศาลในระดับ 1.4 ล้านล้านบาท โดยคณะกรรมาธิการฯ มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องเดิมทุกปี ก็คือเงินนอกงบประมาณไม่สามารถตรวจสอบได้ มีความซ้ำซ้อน และขาดความโปร่งใส ตนขอตั้งคำถามว่าส.ส.เราทำได้แค่ตั้งข้อสังเกตแล้วมองตาปริบๆ มากี่ปีกันแล้ว แล้วเราจะสังเกตกันแบบนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่
นอกจากนี้ จากรายงานที่คณะกรรมการกฤษฎีกา รวบรวมความเห็นหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ มีแต่ระบุเหตุผลในเรื่องความคล่องตัว แต่ไม่มีหน่วยงานใดชี้แจงว่าจะสร้างความโปร่งใสและลดความซ้ำซ้อน ของการใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณที่คณะกรรมาธิการฯวิสามัญทุกชุดทุกปีตั้งข้อสังเกตได้อย่างไร ในฐานะพวกเราเป็นส.ส. เราทำได้มากกว่าตั้งข้อสังเกต แต่เราสามารถแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังภาครัฐ ให้การใช้จ่ายเงินนอกงบประมาณมีความโปร่งใสได้
“ผมขอร้องเพื่อนสมาชิก ขอให้เราทุกคนร่วมกันยืนหยัดกล้าหาญที่จะรับร่างกฎหมายฉบับนี้ เหมือนตอนที่เราโหวตเห็นด้วยกับข้อสังเกตของ พ.ร.บ.งบประมาณฯ ที่เป็นเอกฉันท์กันแทบทุกปี ถ้าไม่ทำ เพื่อจัดการเงินนอกงบประมาณให้โปร่งใสเพื่อปฏิรูปกองทัพ ให้ธุรกิจกองทัพโปร่งใส ในปีต่อ ๆ ไปเราไม่ต้องมาตั้งข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว ผมเสนอว่าพอถึงหน้าเงินนอกงบประมาณให้เอาแถบสีดำคาดเอาไว้ แล้วพิมพ์เอาไว้ว่าไม่มีข้อสังเกตอะไรอีกแล้ว เพราะไม่รู้จะสังเกตไปเพื่ออะไร” นายวิโรจน์ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงหนึ่งของการอภิปราย ส.ส.พรรคประชาชน อาทิ นายเชตวัน เตือประโคน ส.ส.ปทุมธานี ได้ลุกขึ้นสนับสนุนให้ ที่ประชุมมีมติรับหลักการ โดยยกตัวอย่าง สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก (ททบ.5) หนึ่งในธุรกิจของกองทัพบก ซึ่งที่ผ่านมา ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล ได้เคยร้องของบการเงินย้อนหลังของ ททบ.5 เพื่อยืนยันหลังการโปร่งใส่ตรวจสอบได้กันมาทุกปี ในกมธ.งบประมาณตั้งแต่ปี 2562 และล่าสุด กมธ.ถ่ายโอนธุรกิจกองทัพก็ได้ขอไป แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยได้รับเลย แม้แต่ขอไปที่กรมบัญชีกลาง ก็ตอบกลับมาว่า ไม่มีข้อมูล ไม่เคยได้รับจากกองทัพบกเลย
“นี่คือสิ่งผิดปกติที่เราสามารถแก้ไขกันได้เพื่อให้เงินนอกงบประมาณ ในกองทัพมีความโปร่งใส่ตรวจสอบได้” นายเชตวัน ระบุ
ด้าน นายอดิศร เพียงเกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อภิปรายตอนหนึ่งว่า ตนได้ฟังส.ส.ฝ่ายค้านอภิปรายอย่างมีเหตุมีผลแบบนี้ ในฐานะส.ส.จะนิ่งนอนใจได้อย่างไร เรื่อง ททบ. 5 ของกองทัพบก เขาเรียกว่า เงินที่ก่อเกิดจากสถานที่ราชการแล้ว อาศัยสถานที่ราชการไปออกดอกออกผล คนในเครื่องแบบทำแบบนี้ก็เหมือนโจร แทนที่จะคืนรัฐ กลับเอาไปเข้ากระเป๋าตัวเอง ทั้งๆที่ควรจะกลับมาอยู่ในเงินงบประมาณ
“วันนี้ยอมรับว่า เอียนเอียงไปทางฝ่ายค้าน แต่มติอย่างไรออกมาอย่างไร ผมไม่ทราบ แต่เมื่อมีมติวิปแล้วต้องปฏิบัติตาม ผมไม่ขออยู่ในที่ประชุม หรือจะออกเสียงในการงดใช้สิทธิ พ.ร.บ.ฉบับนี้ หากมีโอกาสเป็นผู้แทนราษฎรแล้วเราไม่แก้ไข เงินนอกงบประมาณก็จะเป็นข้อสังเกต เป็นไส้ติ่งของ พ.ร.บ.งบประมาณทุกปี ผมพูดด้วยความเจ็บปวด บางทีเป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล กลืนไม่เข้าคายไม่ออก เราจับการทุจริตซึ่งๆหน้าได้แล้วเราไม่ทำต่อ เราจะเป็นผู้แทนราษฎรที่สง่าผ่าเผยได้อย่างไร” นายอดิศร กล่าว
จากนั้น ที่ประชุมมีมติ 143 ต่อ 245 เสียง งดออกเสียง 3 และไม่ลงคะแนนเสียง 3 ไม่