วอลโว่ (Volvo) ตัดสินใจปรับเปลี่ยนเป้าหมายเดิมที่จะเป็นยานยนต์ไฟฟ้าล้วนทั้งหมด ภายในปี 2030 โดยให้เหตุผลจากความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไปจากเดิม แต่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ยังตั้งเป้าหมายไว้ในปี 2024 จะมุ่งพัฒนากลุ่ม Hybrid และ PHEV ควบคู่กันไปกับกลุ่มรถ EV ในอนาคต
ปัจจุบัน Volvo มีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนออกสู่ตลาด 5 รุ่นและยังมีอีกอย่างน้อย 5 รุ่นที่อยู่ในขึ้นตอนพัฒนา โดยในอนาคตทาง Volvo ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกไว้ที่ 90-100% ในปี 2030 ที่จะประกอบด้วยรถ EV รวมถึงรถยนต์แบบ Hybrid และ Plug-in Hybrid ด้วยเช่นกัน
ภายในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าจะกินตลาดระหว่าง 50-60 เปอร์เซนต์ และก่อนจะถึงปี 2030 ทาง Volvo จะมีไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าครบทุกรุ่น ทำให้ทาง Volvo พร้อมที่จะเดินเข้าสู่เส้นทางยายนต์ไฟฟ้าล้วนเมื่อตลาดเหมาะสม
ในปีนี้ (2024) Volvo มีส่วนแบ่งจากรถยนต์ EV ในตลาดโลกราว 26% ในไตรมาสที่ 2 ถือว่าเป็นส่วนแบ่งที่สูงที่สุดในกลุ่มแบรนด์รถระดับพรีเมียม ในขณะที่ถ้านับกลุ่มของ Hybrid และ PHEV จะคิดเป็น 48%
อย่างไรก็ตาม Volvo ยังยืนยันสำหรับแผนการในระยะยาวสู่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ รวมถึงแผนการลงทุนที่ยังคงอยู่ในระยะยาว แม้กระทั่งกลยุทธ์ของบริษัทสำหรับรถ EV ยังคงมุ่งเน้นไปไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้การปรับเปลี่ยนเป้าหมายในปี 2030 ครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของ Volvo แต่อย่างใด
Volvo จะมุ่งเน้นพัฒนารถยนต์ประเภทผสม ทั้ง Hybrid และ PHEV เพื่อสร้างไลน์อัพของ Product ที่สมดุล เป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อแห่งยุคสมัยของวงการยานยนต์จากปัจจุบันไปสู่ไฟฟ้าล้วนในอนาคตอย่างมั่นคง
นับตั้งแต่ Volvo เปิดตัวรถ EV 5 รุ่น ทั้ง EX40,EC40, EX30, EM90 และ EX90 โดยที่ EX30 กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดอันดับ 3 ในยุโรปไปแล้ว
สาเหตุสำคัญของการปรับเปลี่ยนเป้าหมายในครั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับจุดชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้า มีการเติบโตอย่างล่าช้า รัฐบาลหลายประเทศเริ่มลดทอนแรงจูงใจลง รวมถึงความไม่แน่นอนในด้านภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆ ประเทศอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ดี ผู้บริหารระดับสูงของ Volvo Cars คุณ Jim Rowan ยังคงแสดงความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าอนาคตของ Volvo ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมุมมองที่ว่ารถ EV มีการขับขี่ที่เหนือกว่า รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีขั้นสูงได้ดียิ่งขึ้น แต่ด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่างกันในแต่ละตลาด Volvo จึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นในการปฎิบัติ
ที่มา : AmarinTV
Volvo พับแผน EV ล้วนภายในปี 2030 หันมาโฟกัส Hybrid และ PHEV แทนก่อน
ปัจจุบัน Volvo มีรถยนต์ไฟฟ้าล้วนออกสู่ตลาด 5 รุ่นและยังมีอีกอย่างน้อย 5 รุ่นที่อยู่ในขึ้นตอนพัฒนา โดยในอนาคตทาง Volvo ตั้งเป้ายอดขายทั่วโลกไว้ที่ 90-100% ในปี 2030 ที่จะประกอบด้วยรถ EV รวมถึงรถยนต์แบบ Hybrid และ Plug-in Hybrid ด้วยเช่นกัน
ภายในปี 2025 รถยนต์ไฟฟ้าจะกินตลาดระหว่าง 50-60 เปอร์เซนต์ และก่อนจะถึงปี 2030 ทาง Volvo จะมีไลน์อัพรถยนต์ไฟฟ้าครบทุกรุ่น ทำให้ทาง Volvo พร้อมที่จะเดินเข้าสู่เส้นทางยายนต์ไฟฟ้าล้วนเมื่อตลาดเหมาะสม
ในปีนี้ (2024) Volvo มีส่วนแบ่งจากรถยนต์ EV ในตลาดโลกราว 26% ในไตรมาสที่ 2 ถือว่าเป็นส่วนแบ่งที่สูงที่สุดในกลุ่มแบรนด์รถระดับพรีเมียม ในขณะที่ถ้านับกลุ่มของ Hybrid และ PHEV จะคิดเป็น 48%
อย่างไรก็ตาม Volvo ยังยืนยันสำหรับแผนการในระยะยาวสู่การผลิตยานยนต์ไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ รวมถึงแผนการลงทุนที่ยังคงอยู่ในระยะยาว แม้กระทั่งกลยุทธ์ของบริษัทสำหรับรถ EV ยังคงมุ่งเน้นไปไม่เปลี่ยนแปลง ทำให้การปรับเปลี่ยนเป้าหมายในปี 2030 ครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการลงทุนในธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าของ Volvo แต่อย่างใด
Volvo จะมุ่งเน้นพัฒนารถยนต์ประเภทผสม ทั้ง Hybrid และ PHEV เพื่อสร้างไลน์อัพของ Product ที่สมดุล เป็นเหมือนสะพานเชื่อมต่อแห่งยุคสมัยของวงการยานยนต์จากปัจจุบันไปสู่ไฟฟ้าล้วนในอนาคตอย่างมั่นคง
นับตั้งแต่ Volvo เปิดตัวรถ EV 5 รุ่น ทั้ง EX40,EC40, EX30, EM90 และ EX90 โดยที่ EX30 กลายเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดอันดับ 3 ในยุโรปไปแล้ว
สาเหตุสำคัญของการปรับเปลี่ยนเป้าหมายในครั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญสำหรับจุดชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้า มีการเติบโตอย่างล่าช้า รัฐบาลหลายประเทศเริ่มลดทอนแรงจูงใจลง รวมถึงความไม่แน่นอนในด้านภาษีของรถยนต์ไฟฟ้าในหลายๆ ประเทศอีกด้วย
แต่อย่างไรก็ดี ผู้บริหารระดับสูงของ Volvo Cars คุณ Jim Rowan ยังคงแสดงความเชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าอนาคตของ Volvo ยังเป็นรถยนต์ไฟฟ้าล้วนไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมุมมองที่ว่ารถ EV มีการขับขี่ที่เหนือกว่า รวมถึงสามารถเชื่อมโยงกับเทคโนโลยีขั้นสูงได้ดียิ่งขึ้น แต่ด้วยกลุ่มลูกค้าที่มีความแตกต่างกันในแต่ละตลาด Volvo จึงจำเป็นต้องมีความยืดหยุ่นในการปฎิบัติ
ที่มา : AmarinTV