เราทำตัว toxic ใส่เพื่อน

ปัญหาของเราเกี่ยวกับเพื่อนที่รู้จักตั้งแต่ประถม ช่วง ป.4 ขอให้นามสมมติว่า 'เอ'
ในตอนประถมเราเป็นเพื่อนกับเอและเพื่อนอีกคนหนึ่ง (ตอนนี้เพื่อนคนนั้นทั้งเราและเอไม่ได้ติดต่อหาแล้ว) ในตอนนั้นพวกเรามีกันสามคน เอและเพื่อนอีกคนหนึ่งนั้นสนิทกันมาก ๆ ส่วนเราก็รู้ตัวว่าไม่ได้สนิทกับทั้งสองคนขนาดนั้นแต่ก็ยังพอถือว่าเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันได้อยู่ พวกเราคบกันมาปีกว่า เอและเพื่อนคนนั้นก็ขอเลิกคบกับเราไป ด้วยเหตุผลที่ว่าเราไม่ไปกินข้าวเที่ยงด้วยหลายวัน (ตอนนั้นเราโดนครูพาไปทำโครงงานของโรงเรียนแล้วก็ได้อยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มนึง ซึ่งต้องไปซ้อมและแข่งบ่อย ทำให้เวลาที่จะมากินข้าวเที่ยงไม่ตรงกับเอและเพื่อนคนอื่น ๆ ทำให้ช่วงนั้นเราก็ค่อนข้างจะไปสนิทกับเพื่อนที่ทำโครงงานมากกว่าด้วย) หลังจากนั้นเรากับเอและเพื่อนอีกคนหนึ่งก็กลายเป็นว่าแตกหักกัน ประจวบเหมาะกับตอนนั้นโครงงานได้จบลงทำให้เพื่อนที่ร่วมทำโครงงานกันเราก็ไม่ได้สนิทหรือไปกินข้าวเที่ยงอะไรด้วยกันอีกแล้ว กลายเป็นว่าเราอยู่คนเดียว ไม่มีเพื่อนคบ ในตอนนั้นเราอายุประมาณ10-11ขวบ เรื่องนี้มันเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเรามาก เรากลัวโดนคนมองว่าไม่มีเพื่อนคบ เราไม่เคยบอกที่บ้านเพราะถึงบอกไปก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เราใช้ชีวิตอยู่แบบนั้นมาจนช่วงใกล้จะจบป.6 เอและเพื่อนอีกคนจู่ ๆ ก็กลับมาคุยกับเราแต่ก็ไม่ได้เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม ทั้งสองคนก็แค่มาพูดร่ำลากับเราเพราะเป็นวันเรียบจบแล้วเฉย ๆ จากนั้นพวกเราต่างก็แยกย้ายกันขึ้นมัธยม เราและเอสอบติดที่เดียวกันส่วนเพื่อนอีกคนย้ายไปเรียนที่อีกจังหวัดและไม่เคยติดต่อมาหาเลย เรากับเอถึงจะเรียนที่เดียวกันแต่ก็อยู่คนละห้อง เราได้เจอสังคมใหม่มีเพื่อนใหม่ก็มีความสุข แล้ววันนึงเอก็ทักมาหาเรา พูดขอโทษว่าตอนนั้นไม่ได้ขอเลิกคบกับเราเพราะเกลียดหรืออะไรกับเรา แต่ก็แค่น้อยใจที่เราไปให้ความสนใจเพื่อนอีกกลุ่มมากกว่า ก็เลยประชดเราด้วยการทำแบบนั้น พอเรารู้เราก็เข้าใจและเรากับเอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นต่อกัน พวกเรากลับมาเป็นเพื่อนกันถึงแม้จะไม่ได้สนิทมากเหมือนเคย จนผ่านมาเราจบม.ต้นและขึ้นม.ปลาย เรากับเอได้มาอยู่ห้องเดียวกันทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเรากลายมาเป็นสนิทกันมากขึ้น ในกลุ่มเพื่อนม.ปลายเรามีกันสี่คน คือ เรา เอ และเพื่อนอีกสองคน ในสี่คนเราคิดว่าเราสนิทกับเอมากที่สุดจนพอเริ่มเข้าช่วงกลางเทอมเอก็เหมือนจะไปสนิทกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ทำให้เราก็แอบรู้สึกน้อยใจเพราะเราให้เอเป็นเพื่อนที่หนึ่งในใจเรา เราระบายทุกเรื่องกับเอ แชร์ทุกปัญหาที่แม้แต่ครอบครัวเราก็ไม่เคยบอก แต่การกระทำของเอในหลาย ๆ ครั้งก็ทำให้เรารู้สึกว่าเอไม่ได้ให้เราเป็นเพื่อนที่สนิทมากที่สุด ถึงแม้เราจะน้อยใจแต่เราก็ไม่เคยพูดอะไร เราเคารพในการที่เอจะเลือกคบเพื่อน พอเป็นแบบนั้นเราก็เลยลองหาเพื่อนใหม่ ๆ ดูบ้าง เผื่อเราอาจจะเจอคนที่เข้ากับเราได้ดีกว่านี้ จนพอเราเริ่มรู้จักคนมากขึ้นความรู้สึกที่ว่าเราให้เอเป็นคนที่สนิทกับเรามากที่สุดก็น้อยลงเรื่อย ๆ จนตอนนี้เราก็มองเอเป็นเพียงเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่ง เอไม่ใช่คนที่เราคิดว่าสามารถบอกทุกเรื่อง หรือเป็นคนที่เราสามารถระบายอะไรทุกอย่างให้ฟังได้อีกต่อไป เราเริ่มชอบการที่จะอยู่คนเดียวมากขึ้น มีอะไรก็เก็บไว้ในใจและคิดกับตัวเองเพราะรู้สึกสบายใจมากกว่า บางครั้งเวลาที่อยากจะเล่าปัญหาของตัวเองให้คนอื่นฟังก็เริ่มกลัวว่าตัวเองจะทำตัวเป็นภาระ จะทำตัวให้คนอื่นรำคาญก็เลยไม่ได้พูดอะไรออกไป เราก็ใช้ชีวิตมาแบบนั้น เอก็ไม่ใช่เพื่อนที่แย่อะไรเป็นเพื่อนที่ดีคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เอเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยนและชอบช่วยเหลือคนอื่น เอเป็นคนใจดีและอ่อนหวานแต่ก็มีข้อเสียของเอที่ทำให้เราไม่ชอบอยู่บ้าง เรากับเอก็เคยทะเลาะกันบ้างบางครั้งและพวกเราทั้งสองต่างก็จะปล่อยผ่านปัญหานั้นไปไม่คุยกัน รอเวลาสักพักให้ต่างคนต่างลืมแล้วพวกเราก็จะกลับมาคุยกันเหมือนเดิม แต่มีหลายครั้งทั้งที่เรากับเอไม่ได้ทะเลาะอะไรกันแต่เราพอเห็นหน้าเอบางทีก็รู้สึกไม่อยากคุยด้วย หรือบางทีแค่เห็นหน้าเอเราก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาดื้อ ๆ จนอารมณ์ไม่ดีไปทั้งวันเฉยเลย เวลาเลิกเรียนจะไปนั่งเล่นเราก็รู้สึกไม่อยากให้เอมาอยู่ด้วยเพราะรำคาญ เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงรู้สึกแบบนี้ เรารู้สึกผิดกับเอมาก ๆ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกไม่ชอบเอ เราเคยรู้สึกอยากตัดความสัมพันธ์กับเอหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้าทำสักทีเพราะกลัวเอรู้สึกไม่ดี เราพยายามลดช่องว่างความสัมพันธ์ของเราและเอลงมาเรื่อย ๆ แต่พอยิ่งลดเราก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้นว่าไม่อยากให้มีเอมาอยู่ใกล้ ๆ เรารู้สึกแย่มาก ๆ ที่ตัวเองเป็นคนแบบนี้ เราไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรแล้วเราก็ไม่อยากทำตัวท็อกซิกใส่ใครด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าเราควรแก้ยังไงดี เรารู้สึกผิดอยู่ทุกวันที่รู้สึกแบบนี้กับเอ เราควรแก้ไขปัญหาและความรู้สึกแบบนี้ของตัวเองยังไงดีคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่