หางโจว เซี่ยงไฮ้ 21-25 สิงหาคม 2567 มันเป็นเรื่องของจีนฤดูร้อนและลาบูบู้^^


ไปเมืองจีนฤดูร้อนก็จะเจอทุ่งดอกบัวอยู่ทั่วไป เขาว่าดอกบัวเป็นดอกไม้มงคลของจีน ภาษาจีนใช้ว่า 莲花 = เหลียนฮวา เหลียนมีความหมายถึง การต่อเนื่องที่ไม่จบสิ้น ซึ่งเป็นคำที่มีความหมายสิริมงคล คล้ายๆ ทุเรียนหมอนทองเมืองไทยที่ใช้คำว่า 榴莲 = หลิวเหลียน ก็มีคำว่าเหลียนอยู่ในคำเหมือนกัน แถมพันธุ์หมอนทอง ทอง = 金 (จิน) ยิ่งมงคลเข้าไปใหญ่ รูปด้านบนถ่ายที่ทะเลสาบซีหูเมืองหางโจว

กลับมาที่ทริปนี้ครับ

เราบินไปลงที่หางโจววันที่ 21 สิงหาคม 2567 ช่วงเช้า ใช้บริการแอร์ไชน่า CA716 ส่วนขากลับกลับจากเซี่ยงไฮ้ด้วยไชน่าอีสเทิร์น MU547 ถึงไทยดึกของวันที่ 25 สิงหาคมครับ ซื้อผ่าน Trip.com ไปกลับอยู่ประมาณ 6 พันกว่าๆ พยายามทำ web check in ไปทั้ง 2 ขา ซึ่งก็สามารถทำได้แต่ไม่ง่ายและไม่ค่อยสะดวก ซึ่งเมื่อไปที่เค้าเตอร์เช็คอินที่สนามบิน การทำ web check in ไปก่อน การเข้ารับบริการที่เค้าเตอร์ก็ดูไม่ได้แตกต่างกันทั้งที่สุวรรณภูมิและที่เซี่ยงไฮ้ (上海浦东)

ทะเลสาบซีหูและแหล่งท่องเที่ยวบริเวณนั้น (西湖)

คือมันกลายเป็นว่าถ้าเราไปหางโจว ก็ต้องไปซีหูและก็ต้องไปนั่นแหล่ะเพราะเขาเป็นมรดกโลก ในบริเวณนี้มีที่ท่องเที่ยวหลายแห่ง รวมทั้งที่ทะเลสาบเองก็มีกิจกรรมหลากหลายให้เราทำ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเล่นถ่ายรูปธรรมดา นั่งรถชมวิวไปตามเส้นทาง นั่งเรือชมเกาะแก่งต่างๆ ไปจนถึงเหมาเรือแจวจิบชา ท่ามกลางแสงอาทิตย์อ่อนช่วงเย็นๆ แต่ด้วยเป็นจุดหมายของแทบทุกคนที่มาหางโจว มันจึงทำให้ในบางช่วงเวลาผู้คนจะดูแออัดจนไม่สนุก เราไปที่นี่เย็นวันแรกและเช้าวันรุ่งขึ้นโดย DiDi ปัญหาคือรถติดและเราก็ต้องติดไปกับทุกคนเหมือนกัน

ช่วงเย็น ผู้คนพากันไปถ่ายรูปรับแสงสุดท้ายของวันแถวๆ ริมทะเลสาบ เราเลยไปนั่งจิบกาแฟที่สตาร์บัคที่แทบไม่มีแขกนั่งอยู่แล้ว ช่วงเช้าผู้คนพากันมุ่งหน้าขึ้นเขาไปวัดหลิงหยิ่น (Lingyin Temple (Scenic area) 灵隐景区) (ค่าเข้า 45 元 และในช่วงที่เราไปกระเช้าปิดบริการ) ทำให้รถติดมากระหว่างทางจน DiDi พาอ้อมรถติดทำให้ค่ารถเพิ่มจากที่เราเห็นอีกราว 10 % คณะทัวร์เกือบทุกคณะที่อยู่ที่หางโจวในวันนี้ต่างพาลูกทัวร์มาที่นี่ เราจึงพากันหลบไปเดินที่สวนพฤกษศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะฯ แทน (杭州植物园สวนพฤกษศาสตร์หังโจว hangzhou botanical garden ค่าเข้า 10 หยวน ผู้สูงอายุเข้าฟรี จ่ายโดยการสแกน qr code Alipay ที่ช่องทางเข้าอัตโนมัติโดยมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำ)

สวนพฤกษศาสตร์และพิพิธภัณฑ์ศิลปะ


ทะเลสาบซีหู


ทริปนี้เดินทางระหว่างสถานที่เราเน้น DiDi กดผ่าน Alipay (พอดีมีผู้สูงอายุไปด้วย ไม่สะดวกขึ้นลงสถานีรถไฟใต้ดิน) และถ้านั่งรถไฟใต้ดินหรือขึ้นรถโดยสารประจำทาง ที่หางโจวรวมทั้งเซี่ยงไฮ้จะใช้ Alipay เมนู Transport ส่วนกรณี Wechat จะใช้มินิแอพชื่อ 乘车码 ลักษณะการทำงานเหมือนกัน โดยในเมืองหนึ่งๆ เราต้องเปิดการใช้งานบัตรโดยสารของเมืองนั้นๆ ให้เรียบร้อยก่อนใช้ พอเปิดครั้งแรกแล้วก็จะใช้ได้ตลอดไป เวลาขึ้น DiDi พอขึ้นปุ๊ป เราต้องบอกเลข 4 ตัวหลังของเบอร์โทรศัพท์ที่เราลงทะเบียน Alipay (กรณีเปิด DiDi จาก Alipay) เป็นการยืนยันตัวตนกับคนขับ ถ้าไม่บอกพี่เขาก็จะถามก็ไม่ต้องงงว่าถามอะไร ไม่ก็โชว์หน้าจอมือถือให้พี่แกดู

 
เรื่องภาษาถ้าไม่เข้าใจอะไรก็บอกไปว่าเราเป็นคนไทย มีปัญหาอะไรให้เราเปิดแอพฯ google translate ให้พี่แกพูด คนจีนที่มาเที่ยวเมืองไทยก็ทำแบบนี้แบบไม่เขินอาย เพราะฉะนั้นเวลาเราไปเมืองจีนก็ทำไปเลยครับ ไม่ต้องไปอายใคร

แล้วมันยังมีการโกงมิเตอร์ นู้น นี่ นั่น อยู่มั้ย... เท่าที่ผ่านมาหลายๆ ทริป ไม่มีนะ กลับรู้สึกว่าคนจีนใจดีเสียด้วยซ้ำเพียงแต่เราต้องสื่อสารให้รู้เรื่องกันก่อน บ้านเมืองปลอดภัย เข้าออกสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะสถานีรถไฟความเร็วสูง รถไฟใต้ดิน ต้องสแกนสัมภาระทุกครั้งและอย่างเข้มแข็ง 

สำหรับสแกนสัมภาระอย่างเข้มงวดเท่าที่จำได้มันเกิดขึ้นหลังมีการก่อเหตุร้ายที่สถานีรถไฟคุนหมิงเมื่อกว่าสิบปีก่อน ตั้งแต่นั้นมารัฐบาลจีนก็จัดการเรื่องระบบความปลอดภัยต่างๆ เกิดการสแกนสัมภาระอย่างเข้มงวดตั้งแต่ช่วงนั้นเป็นต้นมาและจวบจนปัจจุบันก็ยังเข้มงวดอยู่แบบไม่มีผ่อนคลายมาตรการ ตามสถานีรถไฟใต้ดินจะมีเครื่องสแกน (เครื่องเอ็กซเรย์แบบที่เราเจอในสนามบิน) อย่างน้อย 2 เครื่อง (คือ 2 ทิศทางเข้า) หรือมากกว่านั้น แต่ละเครื่องจะมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 3 คน (ดูจอ 1 คน ควบคุมดูแลทั่วไป 1 คน และเอาไม้มาถูๆ ตามตัวเราอีก 1 คน) ปกติปัญหาก็จะเกิดกับของเหลว, น้ำดื่ม, ถ้าน้องๆ เขาเอะอะอะไรขึ้นมาก็หยิบพวกนี้ให้น้องเขาดูครับ จะมีเครื่องมาแตะๆให้มั่นใจว่ามันคือน้ำจริงๆ ก็จะไม่มีปัญหาอะไร ส่วนแอลกอฮอล์จะไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป (เพื่อนเราเคยพกแอลกอฮอล์สเปร์มือ โดนเก็บทิ้ง แต่อย่าถามว่าแล้วสุรา ยาดอง เบียร์ ไวน์ เอาเข้าไปได้มั้ย อันนี้ไม่เคยมีประสบการณ์นะ)

รูปด้านบนที่ทะเลสาบซีหู อนุเสาวรีย์ในรูปสุดท้ายเป็นของท่านเยว่เฟย เราเดินตรงไปผ่านอนุเสาวรีย์นี้นอกจากจะเจอ KFC และ McDonald แล้ว ยังเป็นศาลเจ้า (บางเว็ปก็เรียกวัด)

Yue Fei Temple

ในภาษาจีนจะใช้ว่า 岳王庙 - Yuè wáng miào ถ้าแปลกันตามตัวอักษรคือศาลเจ้า ในวัฒนธรรมจีนสมัยก่อนบุคคลสำคัญผู้มีคุณูปการต่อบ้านเมืองและเป็นที่นับหน้าถือตาในช่วงที่มีชีวิต เมื่อเสียชีวิตลงจะถูกยกย่องนับถือให้เป็นเทพเจ้าและมีการสร้างที่อยู่บนโลกมนุษย์อย่างสมเกียรติ ศาลเจ้าแห่งนี้ก็เช่นกัน เป็นการสร้างไว้ในบริเวณสุสานของแม่ทัพ Yue Fei (岳飞) แม่ทัพแห่งราชวงศ์ซ่งใต้

(ข้อมูลเพิ่มเติมจากการสืบค้นของ จขกท. // งักฮุย หรือ เยว่ เฟย เป็นนักรบกู้ชาติคนสำคัญซึ่งมีชื่อเสียงมากผู้หนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศจีน มีชีวิตอยู่ในยุคราชวงศ์ซ่งใต้ เป็นแม่ทัพผู้ต่อต้านการรุกรานของชนเผ่าจิน ถูกใส่ความโดยศัตรูทางการเมืองจนต้องโทษประหารชีวิต หลังจากนั้นจึงได้รับยกย่องเป็นแบบอย่างแห่งความซื่อสัตย์ในวัฒนธรรมจีน //  ราชวงศ์ซ่ง เริ่มก่อตั้งจากราชวงศ์ซ่งเหนือเมืองหลวงคือไคเฟิง ราวปี ค.ศ. 960 ตรงกับ พ.ศ. 1503 ถ้าเทียบกับประเทศไทยก็ก่อนอาณาจักรสุโขทัยเสียด้วยซ้ำ (พ.ศ. 1792 -->) จากนั้นมีปัญหาที่ไคเฟิงเลยย้ายเมืองหลวงมาทางใต้คือที่หางโจวจึงเรียกว่าราชวงศ์ซ่งใต้ ราวปี  ค.ศ. 1127 เป็นต้นมาตรงกับ พ.ศ. 1670 จนสิ้นสุดราชวงศ์))

ศาลเจ้าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้ทะเลสาบตะวันตกในใจกลางเมืองหางโจว เราเดินเท้าต่อมาจากสวนพฤษศาสตร์ตามเส้นทางเดินที่มีนักท่องเที่ยวเดินโดยทั่วไป ค่าเข้าคนละ 25 หยวน ผู้สูงอายุฟรี (รวมต่างชาติ, แสดงพาสปอร์ต, ไม่มีตั๋วให้) อย่าลืมไปเยี่ยมสุสานท่านด้วย นักท่องเที่ยวจีนจำนวนไม่น้อยที่มาคาราวะท่านด้วยดอกไม้สีขาว - เหลือง


เดี๋ยวมาต่อในคอมเมนต์นะครับ ทิ้งท้ายด้วยกาแฟมื้อค่ำที่สตาร์บัคริมทะเลสาบซีหู และท้องน้ำหลังพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาที่หางโจว


------------------------------
คุณหมูยอ
เดินทาง 21-25 สิงหาคม 2567
บันทึก 11/9/2567
------------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่