เป็น กระทู้ เชิง ขอระบายความรู้สึกออกมานะคะ
ครอบครัวเราฐานะ ปานกลางค่ะ แม่เป็นแม่ที่ดี สำหรับลูกๆ ดิ้นรนมาทั้งชีวิต ตอนนี้เค้าอายุมาก 65 ปี แม้การดิ้นรนมาทั้งชีวิตเพื่อเลี้ยงลูก 3 คน มันจบด้วยจุดที่ ลูกโตมาได้ตามมาตรฐาน มนุษย์คนนึง ค่อนไปทางขาดแคลนบางอย่าง แต่แม่เรา รักและเสียสละให้ลูก แบบสุดๆ อดทน บากบั่น เราที่เป็นลูกสัมผัสได้จากการกระทำ
นั่นคือ แม่ของเราค่ะ ไม่เก่ง ไม่ร่ำรวยแต่เลี้ยงลูกๆ และ อบรม จนทุกวันนี้เราอายุ 45 ปีแล้วค่ะ
ซึ่งที่เกริ่น คืออยากบอกว่าเรามีแม่ที่ดีมากๆ คนนึง และวันนี้ท่านป่วย ด้วยอาการของการทำงานหนักมาเป็นเวลานาน มีอาการเจ็บขาร้าว ชา เหมือนที่เรา คุ้นเคย ได้ยินกัน แต่แม่เราเป็น จากกล้ามเนื้อ (หมอบอก) รักษา ด้วยทางเลือก จำพวก กายภาพ บำบัดอยู่ ความทรมานของแม่ ถ้า 1-10 แก น่าจะใกล้ 10 เพราะเดินไม่ค่อยจะได้ ยกขาไม่ค่อยจะขึ้น ต้องเอามือ อุ้มขาตัวเองเพื่อยกย้าย ท่าทาง
เรามีครอบครัว แยกบ้านออกมาแล้วค่ะ
แม่อยู่กับน้องชาย คนเล็ก (เรามีน้องชาย 2 คน) แต่เวลาแม่อยากไปหาหมอ น้องชายเรา ไม่ว่างเลย พวกเขาอยู่บ้านเดียวกัน แต่น้องชายไม่สามารถพาไปได้
(และตัวน้องชายมีฐานะ การเงินที่ไม่แข็งแรง พึ่งพาแม่อยู่ ประปราย)
แม่ทรมานจนเดินแทบไม่ได้ โทรหาน้องชายอีกคน (ขอเรียกว่าน้องกลาง) กลางอยู่ บ้านใกล้กับเรา ค่ะ เสมือนอยู่กับเรา พบเจอ ไปมา กันทุกวัน แค่นอนคนละบ้าน กลางจะอยู่กับคุณพ่อ (แม่ และ พ่อ แยกทางกัน น้องๆแบ่งกันอยู่กับพ่อ และ แม่ เพื่อดูแล) วันนี้กลาง ไปรับแม่ไปหาหมอ เรื่องราวมันเริ่มตรงนี้
กลางพาแม่ไปหาหมอทางเลือกก่อน เป็นคลินิก กายภาพเบื้องต้น เพราะ วันนี้ แม่เจ็บมาก อยากได้ รับการรักษาในระยะ ทุเลาบรรเทาลงมาก่อน จึงลองไป (คลินิก แม่เลือกเอง กลางตามใจให้เขาได้ลองตามที่แม่ หาข้อมูล ตัวเขา พวกเราตัดสินใจให้ พ่อ แม่ มีสิทธิ์ ตัดสิน เกี่ยวกับตัวเอง) หมอตรวจ และให้คำแนะนำ มาต่ๆนา ข้อสรุป คือ แม่อยากลอง เข้าคอสกับที่นี่ ซัก คอร์สนึง ไป หลายครั้งอยู่ตามตาราง ราคา ประมาณ 4 หมื่น
กลาง ปรึกษาเรา เราก็ถามแม่ อยากลองมั้ย เพราะเขาเจ็บ ยังไม่อยากไป รพ. อยากลองสเต็ป ที่เดินทางไปสะดวกก่อน (แม่เพิ่งผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เขากลัวอยู่ เราเลยเลี่ยงไปรักษารพ.ทดลอง แนวทางกายภาพ กันก่อน)
ที่กลางปรึกษาเรา คือ เรามีฐานะทางการเงิน ที่ซัพพอตได้สบายๆค่ะ เรามีธุรกิจ มีครอบครัวของเรา ที่สร้างมาเอง ไม่เกี่ยวกับครอบครัว เราก็เลย ตัดสินใจไม่ยาก บอก ตามใจคุณแม่เลย กลางที่ พาแม่ไปก็เลยพาคุณแม่ รักษา ตามคำแนะนำ
โดยลึกๆ ไม่คาดหวังว่าจะหายเลย เพราะคิดว่าต้องไป โรงพยาบาลใหญ่ๆนั่นแหละ แต่วันนี้แม่ไม่พร้อม แต่ถือว่า ซื้อโอกาส ทุเลา เบาบางลงมาให้แม่ จากความทรมานก่อน หรือ หากโชคดี ท่านอาจจะดีขึ้นได้เยอะก็ได้ แค่คิดว่าวันนี้มาแล้วลองดู
น้องคนเล็กรู้ โวยวาย บอก คลินิกพวกนี้มันหลอก ขายคอร์ส ต่างๆนาๆ แม่โง่ พี่ๆ โง่ ทำไม ไม่ไป รพ.ตามสิทธิ์บัตรทอง เขาพูดไรไม่มีคนฟัง เขามันจนกว่า ใช่มั้ย คำพูด ไม่มีน้ำหนัก ว่าเราสารพัด ว่า ไม่เชื่อเขา เราเงินเยอะมากสินะ พูดมาได้ ว่าซื้อโอกาส ซื้อความหวังให้แม่ (แต่ถามว่า สมมุติให้พาแม่ไปหาหมอ น้องคนเล็กก็ไม่พาไปนะ บอกไม่ว่าง ลืมบอก ที่ กลางไปพาแม่หาหมอ คือ อยู่คนละจังหวัดนะ ขับข้ามจังหวัดไปรับ เพราะแม่พึ่งพาน้องคนเล็กไม่ได้)
กลาง และเราตั้งใจพาแม่ไป หาหมอ ตามที่เจ้าตัวอยากหา แม่เราก็แค่คนปวดหลังปวดขาจนทรมาน หากไม่ดี ก็ไป รพ.ใหญ่กันอีกที เรางง กับการจัดการความรู้สึกตัวเองมาก ว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องให้น้องคนเล็ก มาว่าเราต่างๆนาๆ ด่าแม่ว่าโง่ เขาเตือนไม่ฟัง มั่งล่ะ
แม่อยู่บ้านกับน้องคนเล็ก ไม่มาอยู่กับเรา เพราะตรงนั้นเป็นบ้านแม่ค่ะ คนแก่ค่ะ ติดบ้าน ไม่ยอมย้าย ก็อยู่แบบอดทน อึดอัด ไปกับน้องคนเล็ก อยู่ทุกวี่วัน ตะคอกแม่ เอ็ดแม่ เรารู้ว่สแม่เลือกเอง หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
เรากำลัง ว้าวุ่นในส่วนของเราว่า การที่เราซัพพอตแม่ได้ตาม กำลังฐานะของเรา ต้องกลับมานั่งทะเลาะกับน้อง ที่เขาว่าเรา โง่ ยอมจ่ายเงิน หรืออะไรก็แล้วแต่ ในหลายๆเรื่องมาโดยตลอด เวลาเราเบือกสิ่งที่ดีให้แม่ ก็มาตำหนิว่าเกินจำเป็น แต่ตัวน้องคนเล็กเองคือเขาไม่กำลังทางการเงิน แต่เราไม่เคยไปให้เค้าต้องช่วยอะไร เราไม่อยู่กับแม่ เราส่งเงินไปให้แม่ใช้จ่ายทุกเดือนค่ะ และรวมถึงพฤติกรรมที่น้องคนเล็กมีต่อแม่ บางทีเราก็รับไม่ได้ แล้วยิ่งเราปราม เขายิ่งไป เสียงดังกับแม่
เราต้องการประคับประคอง เลยไม่เคยปะทะ หรือ ไปอะไรเลย เพราะเคยสั่งสอนด้วยวาจาปกติธรรมดา น้องคนเล็ก ก็โวยวายอาละวาด ลั่นบ้าน ตอนนั้นแม่เรา ร้องไห้ จนเป็นลม เราเลยยอมเอามาโดยตลอด
การตัดสินใจ พาแม่หาหมอ แบบที่ พี่น้อง มาทะเลาะกัน (นอกจากแม่ป่วยยังต้องนั่งเสียใจ ลูกๆ ทะเลาะกัน)
ครอบครัวเราฐานะ ปานกลางค่ะ แม่เป็นแม่ที่ดี สำหรับลูกๆ ดิ้นรนมาทั้งชีวิต ตอนนี้เค้าอายุมาก 65 ปี แม้การดิ้นรนมาทั้งชีวิตเพื่อเลี้ยงลูก 3 คน มันจบด้วยจุดที่ ลูกโตมาได้ตามมาตรฐาน มนุษย์คนนึง ค่อนไปทางขาดแคลนบางอย่าง แต่แม่เรา รักและเสียสละให้ลูก แบบสุดๆ อดทน บากบั่น เราที่เป็นลูกสัมผัสได้จากการกระทำ
นั่นคือ แม่ของเราค่ะ ไม่เก่ง ไม่ร่ำรวยแต่เลี้ยงลูกๆ และ อบรม จนทุกวันนี้เราอายุ 45 ปีแล้วค่ะ
ซึ่งที่เกริ่น คืออยากบอกว่าเรามีแม่ที่ดีมากๆ คนนึง และวันนี้ท่านป่วย ด้วยอาการของการทำงานหนักมาเป็นเวลานาน มีอาการเจ็บขาร้าว ชา เหมือนที่เรา คุ้นเคย ได้ยินกัน แต่แม่เราเป็น จากกล้ามเนื้อ (หมอบอก) รักษา ด้วยทางเลือก จำพวก กายภาพ บำบัดอยู่ ความทรมานของแม่ ถ้า 1-10 แก น่าจะใกล้ 10 เพราะเดินไม่ค่อยจะได้ ยกขาไม่ค่อยจะขึ้น ต้องเอามือ อุ้มขาตัวเองเพื่อยกย้าย ท่าทาง
เรามีครอบครัว แยกบ้านออกมาแล้วค่ะ
แม่อยู่กับน้องชาย คนเล็ก (เรามีน้องชาย 2 คน) แต่เวลาแม่อยากไปหาหมอ น้องชายเรา ไม่ว่างเลย พวกเขาอยู่บ้านเดียวกัน แต่น้องชายไม่สามารถพาไปได้
(และตัวน้องชายมีฐานะ การเงินที่ไม่แข็งแรง พึ่งพาแม่อยู่ ประปราย)
แม่ทรมานจนเดินแทบไม่ได้ โทรหาน้องชายอีกคน (ขอเรียกว่าน้องกลาง) กลางอยู่ บ้านใกล้กับเรา ค่ะ เสมือนอยู่กับเรา พบเจอ ไปมา กันทุกวัน แค่นอนคนละบ้าน กลางจะอยู่กับคุณพ่อ (แม่ และ พ่อ แยกทางกัน น้องๆแบ่งกันอยู่กับพ่อ และ แม่ เพื่อดูแล) วันนี้กลาง ไปรับแม่ไปหาหมอ เรื่องราวมันเริ่มตรงนี้
กลางพาแม่ไปหาหมอทางเลือกก่อน เป็นคลินิก กายภาพเบื้องต้น เพราะ วันนี้ แม่เจ็บมาก อยากได้ รับการรักษาในระยะ ทุเลาบรรเทาลงมาก่อน จึงลองไป (คลินิก แม่เลือกเอง กลางตามใจให้เขาได้ลองตามที่แม่ หาข้อมูล ตัวเขา พวกเราตัดสินใจให้ พ่อ แม่ มีสิทธิ์ ตัดสิน เกี่ยวกับตัวเอง) หมอตรวจ และให้คำแนะนำ มาต่ๆนา ข้อสรุป คือ แม่อยากลอง เข้าคอสกับที่นี่ ซัก คอร์สนึง ไป หลายครั้งอยู่ตามตาราง ราคา ประมาณ 4 หมื่น
กลาง ปรึกษาเรา เราก็ถามแม่ อยากลองมั้ย เพราะเขาเจ็บ ยังไม่อยากไป รพ. อยากลองสเต็ป ที่เดินทางไปสะดวกก่อน (แม่เพิ่งผ่าตัด ข้อเข่าเสื่อม เขากลัวอยู่ เราเลยเลี่ยงไปรักษารพ.ทดลอง แนวทางกายภาพ กันก่อน)
ที่กลางปรึกษาเรา คือ เรามีฐานะทางการเงิน ที่ซัพพอตได้สบายๆค่ะ เรามีธุรกิจ มีครอบครัวของเรา ที่สร้างมาเอง ไม่เกี่ยวกับครอบครัว เราก็เลย ตัดสินใจไม่ยาก บอก ตามใจคุณแม่เลย กลางที่ พาแม่ไปก็เลยพาคุณแม่ รักษา ตามคำแนะนำ
โดยลึกๆ ไม่คาดหวังว่าจะหายเลย เพราะคิดว่าต้องไป โรงพยาบาลใหญ่ๆนั่นแหละ แต่วันนี้แม่ไม่พร้อม แต่ถือว่า ซื้อโอกาส ทุเลา เบาบางลงมาให้แม่ จากความทรมานก่อน หรือ หากโชคดี ท่านอาจจะดีขึ้นได้เยอะก็ได้ แค่คิดว่าวันนี้มาแล้วลองดู
น้องคนเล็กรู้ โวยวาย บอก คลินิกพวกนี้มันหลอก ขายคอร์ส ต่างๆนาๆ แม่โง่ พี่ๆ โง่ ทำไม ไม่ไป รพ.ตามสิทธิ์บัตรทอง เขาพูดไรไม่มีคนฟัง เขามันจนกว่า ใช่มั้ย คำพูด ไม่มีน้ำหนัก ว่าเราสารพัด ว่า ไม่เชื่อเขา เราเงินเยอะมากสินะ พูดมาได้ ว่าซื้อโอกาส ซื้อความหวังให้แม่ (แต่ถามว่า สมมุติให้พาแม่ไปหาหมอ น้องคนเล็กก็ไม่พาไปนะ บอกไม่ว่าง ลืมบอก ที่ กลางไปพาแม่หาหมอ คือ อยู่คนละจังหวัดนะ ขับข้ามจังหวัดไปรับ เพราะแม่พึ่งพาน้องคนเล็กไม่ได้)
กลาง และเราตั้งใจพาแม่ไป หาหมอ ตามที่เจ้าตัวอยากหา แม่เราก็แค่คนปวดหลังปวดขาจนทรมาน หากไม่ดี ก็ไป รพ.ใหญ่กันอีกที เรางง กับการจัดการความรู้สึกตัวเองมาก ว่า มีเหตุผลอะไรที่ต้องให้น้องคนเล็ก มาว่าเราต่างๆนาๆ ด่าแม่ว่าโง่ เขาเตือนไม่ฟัง มั่งล่ะ
แม่อยู่บ้านกับน้องคนเล็ก ไม่มาอยู่กับเรา เพราะตรงนั้นเป็นบ้านแม่ค่ะ คนแก่ค่ะ ติดบ้าน ไม่ยอมย้าย ก็อยู่แบบอดทน อึดอัด ไปกับน้องคนเล็ก อยู่ทุกวี่วัน ตะคอกแม่ เอ็ดแม่ เรารู้ว่สแม่เลือกเอง หรือจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม
เรากำลัง ว้าวุ่นในส่วนของเราว่า การที่เราซัพพอตแม่ได้ตาม กำลังฐานะของเรา ต้องกลับมานั่งทะเลาะกับน้อง ที่เขาว่าเรา โง่ ยอมจ่ายเงิน หรืออะไรก็แล้วแต่ ในหลายๆเรื่องมาโดยตลอด เวลาเราเบือกสิ่งที่ดีให้แม่ ก็มาตำหนิว่าเกินจำเป็น แต่ตัวน้องคนเล็กเองคือเขาไม่กำลังทางการเงิน แต่เราไม่เคยไปให้เค้าต้องช่วยอะไร เราไม่อยู่กับแม่ เราส่งเงินไปให้แม่ใช้จ่ายทุกเดือนค่ะ และรวมถึงพฤติกรรมที่น้องคนเล็กมีต่อแม่ บางทีเราก็รับไม่ได้ แล้วยิ่งเราปราม เขายิ่งไป เสียงดังกับแม่
เราต้องการประคับประคอง เลยไม่เคยปะทะ หรือ ไปอะไรเลย เพราะเคยสั่งสอนด้วยวาจาปกติธรรมดา น้องคนเล็ก ก็โวยวายอาละวาด ลั่นบ้าน ตอนนั้นแม่เรา ร้องไห้ จนเป็นลม เราเลยยอมเอามาโดยตลอด