หลานไปเข้าค่ายค้างคืนต่างจังหวัดของมหาวิทยาลัยมา หลานเป็นผู้ชาย แต่ค่อนข้างนุ่มนิ่มเรียบร้อย ไม่ห้าวเหมือนเด็กผู้ชายคนอื่น แต่ก็ไม่ได้ตุ้งติ้งมากหรือแต่งหญิงอะไร
กลับมาหลานมาเล่าให้ฟังว่า ตอนถึงที่พักมีการแจ้งเลขห้องพักและรูมเมท พอถึงชื่อหลานกับรูมเมท ปรากฏว่าตัวรูมเมทไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่กลุ่มเพื่อน(ชาย)ของรูมเมททำท่าเหมือนจะแซวและขำขันกัน ไม่ได้พูดแต่เหมือนส่งซิก ประมาณว่า มิงได้คนนี้ต้องระวังนะ ฮ่าๆๆ อะไรทำนองนี้ ทั้งๆที่หลานยังไม่ได้แสดงพฤติกรรมไม่ดี หรือน่ารังเกียจอะไรกับพวกมันเลย
อยากทราบว่ามันยังมีกับสังคมสมัยนี้อยู่อีกหรอครับ ผมนึกว่าถ้าเป็นรุ่นผมสัก 10 กว่าปีที่แล้ว ยังพอเข้าใจได้ มีการแซวกัน ออกไปทางเหยียดนิดๆ ก็ต้องยอมรับว่ามันมีอยู่จริง แต่ที่น่าแปลกใจคือมันมาเกิดในยุคสมัยนี้ ที่มีการเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียม การบูลลี่ ฯลฯ
ได้แต่บอกให้หลานลืมๆไป อย่าใส่ใจ แต่ก็แอบเคืองอยู่เล็กน้อย เข้าใจความรู้สึกเขาและได้แต่สงสารในใจ
ความเท่าเทียมทางเพศ มีจริงหรือ?
กลับมาหลานมาเล่าให้ฟังว่า ตอนถึงที่พักมีการแจ้งเลขห้องพักและรูมเมท พอถึงชื่อหลานกับรูมเมท ปรากฏว่าตัวรูมเมทไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่กลุ่มเพื่อน(ชาย)ของรูมเมททำท่าเหมือนจะแซวและขำขันกัน ไม่ได้พูดแต่เหมือนส่งซิก ประมาณว่า มิงได้คนนี้ต้องระวังนะ ฮ่าๆๆ อะไรทำนองนี้ ทั้งๆที่หลานยังไม่ได้แสดงพฤติกรรมไม่ดี หรือน่ารังเกียจอะไรกับพวกมันเลย
อยากทราบว่ามันยังมีกับสังคมสมัยนี้อยู่อีกหรอครับ ผมนึกว่าถ้าเป็นรุ่นผมสัก 10 กว่าปีที่แล้ว ยังพอเข้าใจได้ มีการแซวกัน ออกไปทางเหยียดนิดๆ ก็ต้องยอมรับว่ามันมีอยู่จริง แต่ที่น่าแปลกใจคือมันมาเกิดในยุคสมัยนี้ ที่มีการเรียกร้องเรื่องความเท่าเทียม การบูลลี่ ฯลฯ
ได้แต่บอกให้หลานลืมๆไป อย่าใส่ใจ แต่ก็แอบเคืองอยู่เล็กน้อย เข้าใจความรู้สึกเขาและได้แต่สงสารในใจ