เรื่องนี้เริ่มจากตอนเข้ามหาลัยปี1คาะเรารู้จักเพื่อนคนหนึ่งในที่นี้ขอให้ชื่อว่า เอ นะคะ เอเป็นคนจังหสัดเดียวกับที่อยู่มหาลัยค่ะ เราเป็นคนกรุงเทพที่ไปเรียนที่นั่น เราก็รู้จักกับเอผ่านงานปฐมนิเทศนักศึกษา จนได้มาอยู่หอนอกด้วยกันค่ะ เรากับเอเป็นรูมเมทกันและเราก็ตกลงที่จะหารค่าห้องคนละครึ่งค่ะ ตอนแรกเอก็จ่ายตามปกติจนประทั่งเริ่มขึ้นปี2ค่ะ เอชอบให้เราออกค่านู่นค่านี่ให้ก่อนเสมอแต่บางทีก็ไม่จ่ายคืนอีกทั้งค่าห้องที่ต้องการกันครึ่งครึ่งก็เป็นว่าเราจ่ายเต็มคนเดียวแล้วต้องรอเอจ่ายคืน แต่เอก็จ่ายแบบหารครึ่งของที่ต้องจ่ายอีกทีไปเรื่อยๆ จนจบปี2กลายเป็นว่าเอค้างค่าห้องเราเป็นหมื่นๆ รวมถึงค่าของที่เราออกให้ก่อนหน้านี้อีก ทางบ้านเราไม่โอเคมากเพราะก่อนหน้านี้ทางบ้านเอ็นดูเอมากค่ะ พอเรากลับบ้านทางบ้านเราก็มักจะซื้อของกินอร่อยๆให้เราเอาติดมือกลับไปฝากเออยู่เสมอ จนกระทั่งมาเจอแบบนี้ เราพยายามทวงคืนจนได้ครบมาเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนี้เอง แล้วเดือนหน้านี้เราต้องไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เอ ก็ไปที่เดียวกันค่ะ เอ พยายามขอย้ายห้องหอที่นู่นกับเพื่อนคนอื่นเพื่อที่จะมาอยู่ห้องเดียวกับเรา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีค่ะเพราะเราก็อึดอัด แต่จะพูดตรงๆก็กลัวว่าเอจะเอาเราไปพูดอีกแบบให้คนอื่นฟัง เพราะก่อนหน้านี้มีเพื่อนอีกคนที่อยู่ในกลุ่มแล้วออกไปก็โดนเอพูดถึงแบบไม่ดีเหมือนกัน เราก็ไม่อยากโดนค่ะ อีกทั้งเพื่อนที่เรารู้จักจากกิจกรรม เวลาที่มีเรียนตัวเดียวกันเอก็ชอบนั่งคั่นเรากับเพื่อนคนอื่นๆค่ะให้เรานั่งติดริมทางเดินคนเดียวแล้วเพื่อนก็นั่งข้างในโดยมีเอนั่งคั่นเอาไว้ตรงกลางระหว่างเรากับเพื่อนค่ะ แล้วที่เราอึดอัดใจมากๆคือเรื่องการเรียนการทำงาน เวลามีงานกลุ่มเอมักไม่ค่อยเสนอแนวคิดและไม่ทำอะไรเลย อย่างมีหน้าที่รับผิดชอบหาข้อมูลพอถึงหอเอก็จะบ่นว่าปวดหัวเหมือนไม่สบายบางทีก็เข้าไปอ้วกในห้องน้ำ หรือบางทีก็บอกว่าปวดท้องอะไรแบบนี้เป็นประจำ จนเราต้องหาข้อมูลส่วนนั้นส่งให้เพื่อนคนอื่นในกลุ่มแทนเพราะไม่งั้นงานก็จะไม่มีคะแนนแล้วค่ะ และเราก็โดนเพ่งเล็งจากเพื่อนในกลถ่มเพราะสนิทกับเอที่สุดอีกด้วย อีกทั้งเวลาพรีเซ้นงานจากข้อมูล100เอจะย่อเหลือ1 ประมาณว่าเหลือแค่หัวข้อให้คนรู้แค่ว่าพูดเรื่องนี้แล้วก็ไปอะค่ะ พอพูดเสร็จก็มีถ่ายลงสตอรี่แล้วลงเชิงว่า ขอโทษเพื่อนๆที่พูดพรีเซ้นไม่ดีนะ คือยืนอยู่หน้าห้องขณะที่พรีเซ้นแล้วยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายในขณะนั้นเลยที่กำลังพรีเซ้นอยู่ ซึ่งเราไม่ชอบใจมากๆเลยค่ะเพราะอาจารย์อาจจะหักคะแนนได้เลย เพื่อนคนอื่นๆก็ไม่กล้าพูดเพราะไม่ได้สนิทกับเอมากขนาดนั้น
ที่เจ็บใจมากๆของเราคือการที่เอโกหกบ่อยๆค่ะ ตั้งแต่ค้างร่าห้องแล้วเราทวงแต่เอบอกว่าไม่มีเงิน แต่ในสตอรี่เอลงว่าไปดูคอนเสิร์ตบัตรติดเวทีฉ่ำ จนเราคิดว่าเราโดนหลอกอีกแล้ว พอเราทักไปทวงอีกก็บ่ายเบี่ยงยกเหตุผลเดิมเรื่องไม่มีเงินมาพูกตลอด จนกว่าจะทวงได้ตั้งแต่ต้นปีจนเลยมากลางปีเกือบจะต้องไปทวงถึงต่างประเทศเลยค่ะ แล้วเรื่องของที่ซื้อให้ก่อนมีครั้งหนึ่งเราออกก่อนให้จนเราไม่มีเงินจะกลับบ้านที่กรุงเทพ คือเรามีพอแค่ค่ารถขากลับ วันศุกร์เราก็คิดแล้วว่าตอนเช้าเราจะไม่กินข้าวเราจะเก็บเงินไว้ขึ้นรถกลับบ้าน แต่เย็นวันพฤหัสเอบอกเราว่าหิวข้าวในขณะที่เพิ่งจะกินไปได้ไม่กี่ชม.ก่อน เราก็บอกว่าเราไม่มีเงินนะ เอก็บอกว่าเอก็ไม่มีเงิน เราเลยให้เอโทรไปขอเงินแม่ของเอ เอก็สวนเรามาว่าแม่เอไม่มีเงินให้เพราะเอขอไปแล้วรอบนึงซึ่งเราเองก็ไม่รํ้ว่าไปขอตอนไหนแล้วเงินไปไหนเพราะก่อนหน้านั้นเอใช้เงินเราค่ะ พอเราบอกว่าเราก็ไม่มี เอก็สวนเรามาอีกว่าให้เราไปขอป้าเราหรือขอพ่อเราก็ได้เขาให้เราได้อยู่แล้ว จุดนั้นเราอค้งเลยค่ะนี่คงเป็นจุดที่เรารู้สึกอึดอัดขึ้นมาแรกๆเลย เพราะแม้ว่าป้าเรากับพ่อเราจะให้เงินเาาได้แต่เค้าให้เงินเราใช้อะค่ะไม่ใช่ให้เอใช้ ซึ่งเราก็ไม่โอเคมากๆที่เขาพูดแบบนี้กับเรา แล้วตอนนี้ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศกลายเป็นว่าแม้กระทั่งแลกเงินต่างประเทศเอก็ยังต้องมาถามเราว่าแลกที่ไหนทำยังไงซึ่งตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่จังหวัดนั้นแล้วค่ะเรากลับมาบ้านที่กรุงเทพเพื่อรอวันบิน แล้วก็เรื่องซิมมือถือที่ต้องซื้อแบบโรมมิ่งไปช่วงแรกเขาก็ยังจะฝากเราซื้ออีกนะคะ ให้เหตุผลว่าซิมโรมมิ่งมีขายแค่ที่กรุงเทพค่ะ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจค่ะเพราะแถวจังหวัดนั้นก็ไม่ได้ต่างจังหวัดอะไรขนาดนั้นด้วยห้างก็มีค่ะหลายที่เลย ซึ่งเรื่องราวเรากับเอคนนี้มีเยอะมากจริงๆค่ะนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดและยังไม่ได้เจาะลึกลงไปเลยค่ะ ตอนนี้เราอึดอัดมากค่ะเพราะเวลาคุยแชทเขาจะชอบพูดหรือถามในเชิงเปรียบเทียบตัวเองกับเราเสมอ อย่างเรื่องแลกเงินนี่แหละค่ะ เขาพิมพ์มาหาเราว่าเราแลกไปเท่าไหร่ คนปกติก็คงจะถามแค่นี้แต่เอกลับพิมพ์ต่อว่า แลกไปเยอะเลยล่ะสิ แบบนี้ค่ะ แล้วพวกเสื้อผ้าการแต่งตัวรวมถึงของใช้ทั่วไปเขาก็จะซื้อตามเราตลอดเลยค่ะแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ก็ตาม พอเรารู้ว่าเขาพยายามจะแลกห้องกับเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับเราที่ต่างประเทศเราก็ไม่ไหวเลยค่ะ อึดอัด เหนื่อยใจ ท้อใจมาก แต่เราไม่กล้าเล่าเรื่องเพื่อนคนนี้ให้คนอื่นๆที่เป็นเพื่อนที่รู้จักฟังเท่าไหร่ค่ะ เรากลัวเพื่อนหาว่าเราอคติ แต่เราต้องจมอยู่กับคนแบบนี้มาตลอดเลยค่ะได้แต่เก็บเอาไว้คนเดียว เวลาที่เอไม่พอใจที่เราไม่ทำตามก็จะปึงปังอะร่ะ วางของเสียงดังบ้าง ปิดประตูเสียงดังบ้าง หรือแม้แต่เปิดรายการในยูทูปเสียดังอะไรแบบนี้ค่ะ เราอยากปรึกษามากว่าเราต้องทำยังไงให้เขารู้ตัวว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้ จะต้องพูดต้องบอกยังไงให้เขารู้ว่าที่เขาทำอยู่เราไม่ไหวแล้วอะค่ะ เพราะเอมีแต่เกาะติดเราตลอดเลยค่ะ ไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยจะมีก็แค่คุยผ่านๆ ใจนึงเราก็อยากสงสารนะคะแต่เราสงสารเขาไม่ลงแล้วเพราะเรารู้สึกโดนเอาเปรียบมากๆเลยอะค่ะ
มีใครที่มีเพื่อนแบบนี้บ้างคะแล้วควรจะทำยังไง
ที่เจ็บใจมากๆของเราคือการที่เอโกหกบ่อยๆค่ะ ตั้งแต่ค้างร่าห้องแล้วเราทวงแต่เอบอกว่าไม่มีเงิน แต่ในสตอรี่เอลงว่าไปดูคอนเสิร์ตบัตรติดเวทีฉ่ำ จนเราคิดว่าเราโดนหลอกอีกแล้ว พอเราทักไปทวงอีกก็บ่ายเบี่ยงยกเหตุผลเดิมเรื่องไม่มีเงินมาพูกตลอด จนกว่าจะทวงได้ตั้งแต่ต้นปีจนเลยมากลางปีเกือบจะต้องไปทวงถึงต่างประเทศเลยค่ะ แล้วเรื่องของที่ซื้อให้ก่อนมีครั้งหนึ่งเราออกก่อนให้จนเราไม่มีเงินจะกลับบ้านที่กรุงเทพ คือเรามีพอแค่ค่ารถขากลับ วันศุกร์เราก็คิดแล้วว่าตอนเช้าเราจะไม่กินข้าวเราจะเก็บเงินไว้ขึ้นรถกลับบ้าน แต่เย็นวันพฤหัสเอบอกเราว่าหิวข้าวในขณะที่เพิ่งจะกินไปได้ไม่กี่ชม.ก่อน เราก็บอกว่าเราไม่มีเงินนะ เอก็บอกว่าเอก็ไม่มีเงิน เราเลยให้เอโทรไปขอเงินแม่ของเอ เอก็สวนเรามาว่าแม่เอไม่มีเงินให้เพราะเอขอไปแล้วรอบนึงซึ่งเราเองก็ไม่รํ้ว่าไปขอตอนไหนแล้วเงินไปไหนเพราะก่อนหน้านั้นเอใช้เงินเราค่ะ พอเราบอกว่าเราก็ไม่มี เอก็สวนเรามาอีกว่าให้เราไปขอป้าเราหรือขอพ่อเราก็ได้เขาให้เราได้อยู่แล้ว จุดนั้นเราอค้งเลยค่ะนี่คงเป็นจุดที่เรารู้สึกอึดอัดขึ้นมาแรกๆเลย เพราะแม้ว่าป้าเรากับพ่อเราจะให้เงินเาาได้แต่เค้าให้เงินเราใช้อะค่ะไม่ใช่ให้เอใช้ ซึ่งเราก็ไม่โอเคมากๆที่เขาพูดแบบนี้กับเรา แล้วตอนนี้ต้องไปเรียนต่อต่างประเทศกลายเป็นว่าแม้กระทั่งแลกเงินต่างประเทศเอก็ยังต้องมาถามเราว่าแลกที่ไหนทำยังไงซึ่งตอนนี้เราไม่ได้อยู่ที่จังหวัดนั้นแล้วค่ะเรากลับมาบ้านที่กรุงเทพเพื่อรอวันบิน แล้วก็เรื่องซิมมือถือที่ต้องซื้อแบบโรมมิ่งไปช่วงแรกเขาก็ยังจะฝากเราซื้ออีกนะคะ ให้เหตุผลว่าซิมโรมมิ่งมีขายแค่ที่กรุงเทพค่ะ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจค่ะเพราะแถวจังหวัดนั้นก็ไม่ได้ต่างจังหวัดอะไรขนาดนั้นด้วยห้างก็มีค่ะหลายที่เลย ซึ่งเรื่องราวเรากับเอคนนี้มีเยอะมากจริงๆค่ะนี่ยังไม่ใช่ทั้งหมดและยังไม่ได้เจาะลึกลงไปเลยค่ะ ตอนนี้เราอึดอัดมากค่ะเพราะเวลาคุยแชทเขาจะชอบพูดหรือถามในเชิงเปรียบเทียบตัวเองกับเราเสมอ อย่างเรื่องแลกเงินนี่แหละค่ะ เขาพิมพ์มาหาเราว่าเราแลกไปเท่าไหร่ คนปกติก็คงจะถามแค่นี้แต่เอกลับพิมพ์ต่อว่า แลกไปเยอะเลยล่ะสิ แบบนี้ค่ะ แล้วพวกเสื้อผ้าการแต่งตัวรวมถึงของใช้ทั่วไปเขาก็จะซื้อตามเราตลอดเลยค่ะแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ก็ตาม พอเรารู้ว่าเขาพยายามจะแลกห้องกับเพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับเราที่ต่างประเทศเราก็ไม่ไหวเลยค่ะ อึดอัด เหนื่อยใจ ท้อใจมาก แต่เราไม่กล้าเล่าเรื่องเพื่อนคนนี้ให้คนอื่นๆที่เป็นเพื่อนที่รู้จักฟังเท่าไหร่ค่ะ เรากลัวเพื่อนหาว่าเราอคติ แต่เราต้องจมอยู่กับคนแบบนี้มาตลอดเลยค่ะได้แต่เก็บเอาไว้คนเดียว เวลาที่เอไม่พอใจที่เราไม่ทำตามก็จะปึงปังอะร่ะ วางของเสียงดังบ้าง ปิดประตูเสียงดังบ้าง หรือแม้แต่เปิดรายการในยูทูปเสียดังอะไรแบบนี้ค่ะ เราอยากปรึกษามากว่าเราต้องทำยังไงให้เขารู้ตัวว่าเขาไม่ควรทำแบบนี้ จะต้องพูดต้องบอกยังไงให้เขารู้ว่าที่เขาทำอยู่เราไม่ไหวแล้วอะค่ะ เพราะเอมีแต่เกาะติดเราตลอดเลยค่ะ ไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยจะมีก็แค่คุยผ่านๆ ใจนึงเราก็อยากสงสารนะคะแต่เราสงสารเขาไม่ลงแล้วเพราะเรารู้สึกโดนเอาเปรียบมากๆเลยอะค่ะ