จากตอนต้นปี ได้จับ "นังแตงโม" ไปเคลือบแก้ว มา แป้บเดียว ก็ผ่านไป 8 เดือนละ ถึงเวลา ต้องเข้าไปดูแลกันละ ..
ย้อนความกันนิด ..
- ปกติ ผมดูแลรถเอง มาตั้งแต่ไหน แต่ไร ละ จริงๆจังๆก็ตั้งแต่ Civic FD หรือ อย่าง CR-V G3 ตลอดเวลาเกือบ 12 ปี จำได้ว่า ไม่เคยให้ใครล้างรถเลยนะ ล้างเองตลอด ซึ่งก็หมายรวมถึง การเคลือบสีรถด้วย
- แต่พอมาเป็น CR-V G6 สิ่งที่เจอคือ ผมว่า มันเป็นรอยง่าย ขนแมวขึ้นง่าย หรือ อาจจะเพราะมันเป็นสีเข้มก็ไม่รู้สิ เพราะพวกคันสีขาว กลับไม่ค่อยรู้สึก อีกอย่าง ล้างมันที เหนื่อยครับ ด้วยอายุผมเองด้วยแหละ เลยเป็นที่มาของการเคลือบแก้ว เมื่อตอนต้นปีครับ
...................
ผลของการเคลือบแก้ว
- พอใจนะครับ ล้างง่าย เช็ดง่าย คราบสกปรกไม่ค่อยเกาะ ยางมะตอย ถ้ามีเกาะ เอาแชมพูลูบแรงหน่อยก็หลุดหมด (อารมณ์เหมือนเราเพิ่งเคลือบสี แล้วเจอยางมะตอย แล้วรีบล้าง)
- กลายเป็น ล้าง CR-V G6 คันโตๆ ทำได้เร็วกว่า City HB คันนิดเดียวอีก (ช้าตรง ไล่สิ่งสกปรกน่ะ) รวมถึง ขนแมวไม่ขึ้นให้เห็นครับ ถ้าจะมีอยู่แผล ก็ ผลงานจากผ้า หรือ ฟองน้ำ ที่ดันมีเม็ดทราย รอยลากมาเลย (ใครล่ะ ? ก็ผมนี่แหละ 55+)
- ล้างเสร็จ ถ้าขยันก็ลงน้ำยา detailing Gtechniq C2 ลงไปอีกนิด ก็จะเงาขึ้นอีกหน่อยครับ
- ข้อเสียเล็กๆของเคลือบแก้ว ก็คือ คราบน้ำ จะขึ้นง่ายกว่า การเคลือบสีแบบเดิม แต่ก็ลบไม่ยากครับ มีน้ำยาฉีดใส่ฟองน้ำ แล้ววนเบาๆ ทิ้งสักครู่ แล้วเช็ด ก็จบครับ (8 เดือน ได้ใช้สัก 2 ครั้งเอง นอกนั้น เป็นคราบน้ำ บน sunroof มากกว่า ซึ่งไม่เกี่ยวกับเคลือบแก้วแหละ)
- กับ ต้องบอกว่า เคลือบแก้ว ไม่สามารถกันรอยสะเก็ดหิน หรือ ขีดข่วนลึกๆได้นะครับ แมวกางเล็บลงมา ยังไงก็ไม่รอด ครับ
...................
รอบนี้ กลับไปหาคนทำ คือ Mangkorn Car Detailing ย่านศาลยา นะครับ
1. เริ่มจาก การล้างรถ เพื่อดูบาดแผล ดูร่องรอยก่อน ซึ่งผมก็แจ้งว่า มีแผลคือ
- รอยคราบน้ำ ที่ฝากระโปรงหน้า
- รอยเล็บแมว บนหลังคา
- รอยเล็บแมว ที่เสา A หน้าซ้าย
- รอยสะเก็ดหิน ที่ผมพยามเอา cargo ขัด จนสีมันขุ่น
2. ล้างเสร็จ เช็ดแห้ง ก็เริ่มจัดการกับรอย
- รอยคราบน้ำ ที่ฝากระโปรงหน้า
-- ไม่เจอครับ .. ผมส่องอีกที ก็ไม่เจอ อ้าวว งั้นแปลว่า รอยน้ำยา Gtechniq C2 ที่ผมลงเยอะไปแหละ 55+
- รอยเล็บแมว บนหลังคา
-- เหมือนข้างบนเลย .. หาไม่เจอ ปีนขึ้นไปดูเองก็ไม่เจอ คราบน้ำยาอีกแย้ววว
- รอยเล็บแมว ที่เสา A หน้าซ้าย
-- อันนี้ชัดเจน แต่ลึก ขัดได้นิดนึง บางลงนิด มองเห็นยากขึ้นหน่อย .. ได้แค่นี้แหละ (เพื่อนบอกว่า ไม่น่าจะเป็นเล็บแมว น่าจะเป็นทรายติดฟองน้ำ หรือ ผ้า แล้วรูด)
- รอยสะเก็ดหิน ที่ผมพยามเอา cargo ขัด จนสีมันขุ่น
-- เพื่อน จัดการขัดให้ กลับมาเงาละ จบไป เหลือเพียงรอยถลอกขนแมวถึงสีพื้นบางๆ ก็คงปล่อยมัน
3. เรียบร้อยแล้ว ก็ลงน้ำยาบำรุงรักษา ของ กันไป กลับมาเงาวับ เหมือนวันแรก ที่ลงเคลือบแก้วละ
เห็นรถเงาๆแล้วก็ชื่นใจ .. มีจังหวะ สงสัย City คงต้องโดนละ
แถมภาพสยองๆ ภาพนึง รถติดแบบแทบไม่ขยับ แถววังสวนจิตร น่าจะร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนมา ศาลยา นี่แหละ
ปล. ไมล์รถ 1.6 หมื่นกม. พอๆกัน ทั้ง 2 คัน ของผมและน้องสาว (RS ทั้งคู่ อายุ 9 เดือน กับ 10 เดือน) แร็ค ไม่ดัง / เบาะหลังไม่ดัง / คอนโซลหน้าไม่ดัง / จอไม่ดัง นะครับ หรือ รถหลุด QC หว่า 55+
* * * จับ "แตงโม" เข้าคอร์ส ดูแลผิว ตามรอบหน่อย * * *
ย้อนความกันนิด ..
- ปกติ ผมดูแลรถเอง มาตั้งแต่ไหน แต่ไร ละ จริงๆจังๆก็ตั้งแต่ Civic FD หรือ อย่าง CR-V G3 ตลอดเวลาเกือบ 12 ปี จำได้ว่า ไม่เคยให้ใครล้างรถเลยนะ ล้างเองตลอด ซึ่งก็หมายรวมถึง การเคลือบสีรถด้วย
- แต่พอมาเป็น CR-V G6 สิ่งที่เจอคือ ผมว่า มันเป็นรอยง่าย ขนแมวขึ้นง่าย หรือ อาจจะเพราะมันเป็นสีเข้มก็ไม่รู้สิ เพราะพวกคันสีขาว กลับไม่ค่อยรู้สึก อีกอย่าง ล้างมันที เหนื่อยครับ ด้วยอายุผมเองด้วยแหละ เลยเป็นที่มาของการเคลือบแก้ว เมื่อตอนต้นปีครับ
...................
ผลของการเคลือบแก้ว
- พอใจนะครับ ล้างง่าย เช็ดง่าย คราบสกปรกไม่ค่อยเกาะ ยางมะตอย ถ้ามีเกาะ เอาแชมพูลูบแรงหน่อยก็หลุดหมด (อารมณ์เหมือนเราเพิ่งเคลือบสี แล้วเจอยางมะตอย แล้วรีบล้าง)
- กลายเป็น ล้าง CR-V G6 คันโตๆ ทำได้เร็วกว่า City HB คันนิดเดียวอีก (ช้าตรง ไล่สิ่งสกปรกน่ะ) รวมถึง ขนแมวไม่ขึ้นให้เห็นครับ ถ้าจะมีอยู่แผล ก็ ผลงานจากผ้า หรือ ฟองน้ำ ที่ดันมีเม็ดทราย รอยลากมาเลย (ใครล่ะ ? ก็ผมนี่แหละ 55+)
- ล้างเสร็จ ถ้าขยันก็ลงน้ำยา detailing Gtechniq C2 ลงไปอีกนิด ก็จะเงาขึ้นอีกหน่อยครับ
- ข้อเสียเล็กๆของเคลือบแก้ว ก็คือ คราบน้ำ จะขึ้นง่ายกว่า การเคลือบสีแบบเดิม แต่ก็ลบไม่ยากครับ มีน้ำยาฉีดใส่ฟองน้ำ แล้ววนเบาๆ ทิ้งสักครู่ แล้วเช็ด ก็จบครับ (8 เดือน ได้ใช้สัก 2 ครั้งเอง นอกนั้น เป็นคราบน้ำ บน sunroof มากกว่า ซึ่งไม่เกี่ยวกับเคลือบแก้วแหละ)
- กับ ต้องบอกว่า เคลือบแก้ว ไม่สามารถกันรอยสะเก็ดหิน หรือ ขีดข่วนลึกๆได้นะครับ แมวกางเล็บลงมา ยังไงก็ไม่รอด ครับ
...................
รอบนี้ กลับไปหาคนทำ คือ Mangkorn Car Detailing ย่านศาลยา นะครับ
1. เริ่มจาก การล้างรถ เพื่อดูบาดแผล ดูร่องรอยก่อน ซึ่งผมก็แจ้งว่า มีแผลคือ
- รอยคราบน้ำ ที่ฝากระโปรงหน้า
- รอยเล็บแมว บนหลังคา
- รอยเล็บแมว ที่เสา A หน้าซ้าย
- รอยสะเก็ดหิน ที่ผมพยามเอา cargo ขัด จนสีมันขุ่น
2. ล้างเสร็จ เช็ดแห้ง ก็เริ่มจัดการกับรอย
- รอยคราบน้ำ ที่ฝากระโปรงหน้า
-- ไม่เจอครับ .. ผมส่องอีกที ก็ไม่เจอ อ้าวว งั้นแปลว่า รอยน้ำยา Gtechniq C2 ที่ผมลงเยอะไปแหละ 55+
- รอยเล็บแมว บนหลังคา
-- เหมือนข้างบนเลย .. หาไม่เจอ ปีนขึ้นไปดูเองก็ไม่เจอ คราบน้ำยาอีกแย้ววว
- รอยเล็บแมว ที่เสา A หน้าซ้าย
-- อันนี้ชัดเจน แต่ลึก ขัดได้นิดนึง บางลงนิด มองเห็นยากขึ้นหน่อย .. ได้แค่นี้แหละ (เพื่อนบอกว่า ไม่น่าจะเป็นเล็บแมว น่าจะเป็นทรายติดฟองน้ำ หรือ ผ้า แล้วรูด)
- รอยสะเก็ดหิน ที่ผมพยามเอา cargo ขัด จนสีมันขุ่น
-- เพื่อน จัดการขัดให้ กลับมาเงาละ จบไป เหลือเพียงรอยถลอกขนแมวถึงสีพื้นบางๆ ก็คงปล่อยมัน
3. เรียบร้อยแล้ว ก็ลงน้ำยาบำรุงรักษา ของ กันไป กลับมาเงาวับ เหมือนวันแรก ที่ลงเคลือบแก้วละ
เห็นรถเงาๆแล้วก็ชื่นใจ .. มีจังหวะ สงสัย City คงต้องโดนละ
แถมภาพสยองๆ ภาพนึง รถติดแบบแทบไม่ขยับ แถววังสวนจิตร น่าจะร่วมครึ่งชั่วโมง ก่อนมา ศาลยา นี่แหละ
ปล. ไมล์รถ 1.6 หมื่นกม. พอๆกัน ทั้ง 2 คัน ของผมและน้องสาว (RS ทั้งคู่ อายุ 9 เดือน กับ 10 เดือน) แร็ค ไม่ดัง / เบาะหลังไม่ดัง / คอนโซลหน้าไม่ดัง / จอไม่ดัง นะครับ หรือ รถหลุด QC หว่า 55+