สวัสดีค่ะ เจี๊ยบคนจังหวัดสุพรรณบุรี อยากขอความรู้หน่อยค่ะ คือเมื่อ พ.ศ.2559 ได้ไปทำเรื่องชื่อรถ 6 ล้อจากบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งที่อ.ศรีประจันต์ในราคา 7 แสน แต่มีเงินสดที่ยืมคุณอามา 2 แสนเงินไม่พอจ่ายทางบริษัทจึงให้ทำเรื่องผ่อนจึงวางเงินไป 2 แสน มีคุณพ่อกับคุณอาซึ่งเป็นคนแก่ไม่รู้หนังสือเป็นคนคิดและให้ผ่อนเดือนละ 16,920 บาท 48 งวด ตอนแรกคิดว่าจบเพียงแค่นั้นแล้วได้รถมา แต่ทางบริษัท มีหนังสือกู้ยืมเงินมาให้เซ็นอีกเป็นจำนวนเงิน 5 แสน ทีแรกก็จะไม่เซ็นแต่ได้ให้เงิน 2 แสนเขาไปแล้วและกลัวจะไม่ได้รถมาใช้จึงเซ็นให้เขาไปเพื่อจะให้ได้รถมา ตอนนั้นเป็นรถ 6 ล้อคันแรกจึงไม่มีประสบการณ์ว่าเขาต้องจ่ายต้องดาวน์กันเท่าไรถึงจะได้รถมาใช้ และเขาบอกว่าเซ็นไปเถอะไม่มีอะไรหรอก เมื่อได้รถมาใช้ประมาณ 3-4 เดือน โดนขนส่งตั้งด่านจับใบอนุญาตประกอบการของเจ้าของรถเดิมหมดอายุ ซึ่งเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยรู้ว่ารถหกล้อต้องมีใบประกอบการ หนูจึงไปแจ้งทางบริษัทที่เอารถมา ทางบริษัทบอกว่าเดี๋ยวจัดการให้ หนูรอผ่านไปเกือบ 2 เดือนไม่มีการติดต่อกลับมาเมื่อถึงเวลาส่งงวดรถจึงเข้าไปส่งที่บริษัทจึงถามถึงเรื่องใบประกอบการเขาตอบกลับมาว่าบัตรประชาชนเจ้าของเดิมหมดอายุต่อให้ไม่ได้และตามหาเจ้าของเก่าไม่เจอ หลังจากนั้นหนูก็ชวนแม่ไปตามหากันเองตามที่อยู่ในสำเนาเล่มทะเบียนรถจนเจอเจ้าของเก่าแล้วเขาก็พาไปต่อใบประกอบการใบใหม่ให้ในชื่อของเจ้าของเดิม และเจ้าของเดิมก็เล่าให้ฟังว่าเขาโดนทางบริษัทโกงยึดรถเขาไปและให้เราระวังให้ดี แต่เราก็ไม่ได้ใส่ใจ ต่อมาก็โดนขนส่งจับอีกเรื่องไม่มีใบอนุญาตเสริมตะแกรง เขาขอดูสำเนาทะเบียนรถจึงเล่าถึงเรื่องรถที่หนูได้มาและเราไม่มีชื่อกรรมสิทธิ์รถ ไม่มีชื่อเป็นผู้ครอบครองรถ แต่เป็นชื่อญาติคนหนึ่งของบริษัทเป็นผู้ครอบครอง ส่วนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อของเจ้าของเดิม เจ้าหน้าที่ด่านขนส่งจึงบอกว่ารถคันนี้มีปัญหาบางทีส่งหมดแล้วรถอาจจะไม่ได้เป็นของเราเพราะเราส่งค่างวดรถให้กับคนอื่นอยู่ และเวลาส่งก็ไม่มีใบเสร็จที่ออกจากทางบริษัทแต่เป็นชิ้นส่วนกระดาษ เมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกลังเลที่จะส่งต่อไป จึงขอให้เขาเปลี่ยนเป็นชื่อของหนูเป็นผู้ครอบครองรถแต่เขาก็บอกว่าทำไม่ได้ต้องจ่ายให้ครบถึงจะโอนให้ เมื่อทางบริษัทพูดเช่นนั้นจึงหาไฟแนนซ์ใหม่เพื่อจะย้ายเอาเงินมาปิดบัญชี แต่ไฟแนนซ์ทุกที่ไม่รับและบอกว่า รถคันนี้เป็นรถจดประกอบเขาไม่รับ หลังจากนั้นหนูก็เลย เลิกส่งรายเดือนและต่อรองขอจ่ายเงินสด 3 แสนแต่เขาไม่ยอม หนูก็บอกให้เขามาเอารถคืนแต่เขาก็ไม่มาเอาไป จนกระทั่งปี ต้นปี 2565 เขาก็ติดต่อมา หนูก็บอกเขาอีกว่าหนูขอจ่ายสดที่ 3 แสน แต่เขาไม่ยอม และหนูต้องกลับออสเตรเลียเพื่อพาลูกไปทำวีซ่าครอบครัวที่ออสเตรเลียเพราะหนูได้สามีอยู่ออสเตรเลียหลังจากที่หนูมาออสเตรเลียได้ไม่ถึง 1 เดือน เขาก็ไปเอารถกับแม่ โดยที่แม่ไม่กล้าปฎิเสธเพราะกลัวเขา และต่อมาอีก 1 เดือน เขาก็มีหมายศาลมาแจ้งความคดีเงินกู้ 500,000 บวกดอกเบี้ย 15% ตอนนั้นหนูยังพากันกลับบ้านไปขึ้นศาลไม่ได้เพราะพึ่งยื่นขอวีซ่าครอบครัวไปและเงินก็ไม่ค่อยมีมีแต่เงินสวัสดิการคนแก่ของสามีวีคละไม่กี่ร้อยเหรียญ พาลูกอายุ 14 ปีไปทำงานฟาร์มบางวันก็ได้ทำบางวันก็ไม่ได้ทำตามฤดูกาลและตอนนี้ก็ให้ลูกเรียนหนังสือแล้ว หนูจึงปรึกษาทนายทางไทย ทนายบอกช่วยได้ สุดท้ายให้ยอมไกล่เกลี่ย ทั้งๆที่ทางบริษัทก็ยอมรับกับศาลว่าเป็นการกู้แปลงหนี้ แต่ทำไมเขามายึดรถไป ทุกวันนี้ต้องจ่ายชำระหนี้ 200,000 บวกดอกเบี้ย 15% ทั้งๆที่รถเขาก็เอาไปแล้ว และต้องจ่ายให้ครบภายใน 2 ปี คือวันที่ 16 พ.ย 2567 นี้
เหตุการณ์เช่นนี้สามารถเรียกร้องเอารถคืนมาได้ไหมคะ ?
เพราะทุกวันนี้อยู่ออสเตรเลียลำบากมากค่ะ นี่อยู่รอบแค่ให้ลูกเรียนจบปี 9 เดือนธันวาคนนี้ ก็เท่ากับลูกจบม.3 แล้วค่ะก็จะพาลูกกลับไปอยู่บ้านที่สุพรรณบุรี เพราะอยู่นี่ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยได้ทำงานแล้วค่ะ เป็นกระดูกสันหลังอักเสบเรื้อรังและผังผืดรัดข้อมือพึ่งจะค่อยยังชั่วหลังจากผ่าตัดมาได้ 4 เดือนนี้ค่ะ
เช่าซื้อรถยึดนอกระบบแต่มาโดนยึดอีกทีตอนที่ไม่อยู่บ้านและต้องมาใช้หนี้หนังสือสัญญาเงินกู้อีก 5 แสนที่ไม่ได้กู้จริง
เหตุการณ์เช่นนี้สามารถเรียกร้องเอารถคืนมาได้ไหมคะ ?
เพราะทุกวันนี้อยู่ออสเตรเลียลำบากมากค่ะ นี่อยู่รอบแค่ให้ลูกเรียนจบปี 9 เดือนธันวาคนนี้ ก็เท่ากับลูกจบม.3 แล้วค่ะก็จะพาลูกกลับไปอยู่บ้านที่สุพรรณบุรี เพราะอยู่นี่ทุกวันนี้ก็ไม่ค่อยได้ทำงานแล้วค่ะ เป็นกระดูกสันหลังอักเสบเรื้อรังและผังผืดรัดข้อมือพึ่งจะค่อยยังชั่วหลังจากผ่าตัดมาได้ 4 เดือนนี้ค่ะ