“ชะอม” ผักกลิ่นฉุนแต่อร่อย เปิดประโยชน์และโทษที่บางคนควรหลีกเลี่ยง!
ชะอม หลายคนรู้จักและเคยกินเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่? ชะอมเองก็มีประโยชน์และสรรพคุณทางยา กลับกัน ก็มีโทษกับบางคนด้วย!
ชะอม ผักยอดนิยมที่มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว หลายต่อหลายคนชอบนำไปปรุงอาหาร เมนู ที่เห็นได้บ่อย คือนำชะอมไปเจียวพร้อมไข่ นำมากินเคียงคู่กับน้ำพริกกะปิปลาทู หรือ แกงส้มชะอมไข่ ผัดสามเหม็น ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ลำต้นและกิ่งก้านจะมีหนามแหลม มีลักษณะคล้ายกับใบส้มป่อยหรือใบกระถิน
ซึ่งนอกจากเป็นวัสถุดิบเมนูเลิศรสแล้ว ยังมีประโยชน์และสรรพคุณสมุนไพรอีกด้วย
ชะอมไข่ น้ำพริกกะปิปลาทู
คุณค่าทางโภชนาการของยอดชะอม 100 กรัม ให้พลังงาน 57 กิโลแคลอรี เส้นใยอาหาร 5.7 กรัม อีกทั้งยังมีแคลเซียมและฟอสฟอรัส อีกทั้งยังมีวิตามินอื่นๆอยู่ด้วย
สรรพคุณของชะอม
• ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีวิตามินเอสูง
• ยอดชะอมช่วยลดความร้อนในร่างกายได้
ผักรสมันอย่างชะอมมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ
• ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก
รากชะอมนำมาฝนกินช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง และช่วยขับลมในลำไส้
• มีส่วนช่วยบำรุงเส้นเอ็น
• ช่วยแก้อาการลิ้นอักเสบเป็นผื่นแดง
ประโยชน์อื่นๆของชะอม
• ช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสีย แตกปลาย ด้วยสูตรน้ำชะอมหมักผม เพียงแค่นำใบชะอมประมาณ 1 กำมือมาต้มกับน้ำเปล่า 3 ถ้วย จนได้น้ำชะอมเข้มข้น กรองเอาแต่น้ำ เมื่อสระผมเสร็จให้นำผ้าขนหนูมาชุบน้ำชะอมที่เตรียมไว้ บิดพอหมาด นำมาเช็ดผมให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผมแห้ง ๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
โทษของชะอม
• สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งมีบุตรอ่อน ไม่ควรรับประทานผักชะอม เพราะจะทำให้น้ำนมแม่แห้งได้ สำหรับคุณแม่ลูกอ่อน จะแพ้กลิ่นของผักชนิดนี้อย่างมาก ดังนั้นควรอยู่ห่าง ๆ
• ผักชะอมในหน้าฝน อาจจะมีรสเปรี้ยว กลิ่นฉุน บางครั้งอาจทำให้มีอาการปวดท้องได้ (ปกตินิยมรับประทานผักชะอมหน้าร้อน)
• ชะอมมีกรดยูริก เป็นตัวการที่ทำให้เกิดข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเกาต์ ซึ่งเกิดมาจากสารพิวรีน (Purine) โดยผักชะอมนั้นก็มีสารพิวรีนในระดับปานกลางถึงระดับสูง
• ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัด หากเป็นมากก็ไม่ควรรับประทาน เพราะจะทำให้ปวดกระดูกได้
• อาจพบเชื้อก่อโรคอย่างซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งเป็นเชื้อที่สามารถพบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อม เช่น ดิน น้ำ อากาศ เมื่อเรานำผักชะอมที่ปนเปื้อนสารชนิดนี้มาประกอบอาหารโดยไม่ล้างทำความสะอาดหลาย ๆ ครั้ง หรือไม่นำมาปรุงให้สุกก่อนรับประทาน
อาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อชนิดนี้ได้ โดยผู้ที่ได้รับเชื้อชนิดอาจจะมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำสีเขียว หรือถ่ายเป็นมูกมีเลือดปน มีไข้ เป็นต้น
ทั้งนี้อาหารทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสีย ฉะนั้นควรกินแต่พอดี และกินคู่กับอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ดื่มน้ำให้เพียงพอ หาเวลาออกกำลังกายบ้าง ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรกินอาหารตามที่แพทย์แนะนำด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดสุรินทร์
ขอบคุณข่าว และ ข้อมูลจาก
PPTV Online
https://www.pptvhd36.com/health/food/5771
“ชะอม” ผักกลิ่นฉุนแต่อร่อย เปิดประโยชน์และโทษที่บางคนควรหลีกเลี่ยง!
“ชะอม” ผักกลิ่นฉุนแต่อร่อย เปิดประโยชน์และโทษที่บางคนควรหลีกเลี่ยง!
ชะอม หลายคนรู้จักและเคยกินเป็นอย่างดี แต่รู้หรือไม่? ชะอมเองก็มีประโยชน์และสรรพคุณทางยา กลับกัน ก็มีโทษกับบางคนด้วย!
ชะอม ผักยอดนิยมที่มีกลิ่นและรสชาติเฉพาะตัว หลายต่อหลายคนชอบนำไปปรุงอาหาร เมนู ที่เห็นได้บ่อย คือนำชะอมไปเจียวพร้อมไข่ นำมากินเคียงคู่กับน้ำพริกกะปิปลาทู หรือ แกงส้มชะอมไข่ ผัดสามเหม็น ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจาก แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ ลำต้นและกิ่งก้านจะมีหนามแหลม มีลักษณะคล้ายกับใบส้มป่อยหรือใบกระถิน
ซึ่งนอกจากเป็นวัสถุดิบเมนูเลิศรสแล้ว ยังมีประโยชน์และสรรพคุณสมุนไพรอีกด้วย
ชะอมไข่ น้ำพริกกะปิปลาทู
สรรพคุณของชะอม
• ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เนื่องจากมีวิตามินเอสูง
• ยอดชะอมช่วยลดความร้อนในร่างกายได้
ผักรสมันอย่างชะอมมีสรรพคุณเป็นยาอายุวัฒนะ
• ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันโรคท้องผูก
รากชะอมนำมาฝนกินช่วยแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ปวดท้อง และช่วยขับลมในลำไส้
• มีส่วนช่วยบำรุงเส้นเอ็น
• ช่วยแก้อาการลิ้นอักเสบเป็นผื่นแดง
ประโยชน์อื่นๆของชะอม
• ช่วยฟื้นฟูผมแห้งเสีย แตกปลาย ด้วยสูตรน้ำชะอมหมักผม เพียงแค่นำใบชะอมประมาณ 1 กำมือมาต้มกับน้ำเปล่า 3 ถ้วย จนได้น้ำชะอมเข้มข้น กรองเอาแต่น้ำ เมื่อสระผมเสร็จให้นำผ้าขนหนูมาชุบน้ำชะอมที่เตรียมไว้ บิดพอหมาด นำมาเช็ดผมให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก จะช่วยทำให้ผมแห้ง ๆ กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
โทษของชะอม
• สำหรับคุณแม่ที่เพิ่งมีบุตรอ่อน ไม่ควรรับประทานผักชะอม เพราะจะทำให้น้ำนมแม่แห้งได้ สำหรับคุณแม่ลูกอ่อน จะแพ้กลิ่นของผักชนิดนี้อย่างมาก ดังนั้นควรอยู่ห่าง ๆ
• ผักชะอมในหน้าฝน อาจจะมีรสเปรี้ยว กลิ่นฉุน บางครั้งอาจทำให้มีอาการปวดท้องได้ (ปกตินิยมรับประทานผักชะอมหน้าร้อน)
• ชะอมมีกรดยูริก เป็นตัวการที่ทำให้เกิดข้ออักเสบในผู้ป่วยโรคเกาต์ ซึ่งเกิดมาจากสารพิวรีน (Purine) โดยผักชะอมนั้นก็มีสารพิวรีนในระดับปานกลางถึงระดับสูง
• ผู้ป่วยโรคเกาต์สามารถรับประทานได้ แต่ควรรับประทานในปริมาณที่จำกัด หากเป็นมากก็ไม่ควรรับประทาน เพราะจะทำให้ปวดกระดูกได้
• อาจพบเชื้อก่อโรคอย่างซาลโมเนลลา (Salmonella) ซึ่งเป็นเชื้อที่สามารถพบได้ทั่วไปในสภาพแวดล้อม เช่น ดิน น้ำ อากาศ เมื่อเรานำผักชะอมที่ปนเปื้อนสารชนิดนี้มาประกอบอาหารโดยไม่ล้างทำความสะอาดหลาย ๆ ครั้ง หรือไม่นำมาปรุงให้สุกก่อนรับประทาน
อาจมีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อชนิดนี้ได้ โดยผู้ที่ได้รับเชื้อชนิดอาจจะมีอาการท้องเสีย ปวดท้อง ถ่ายเหลวเป็นน้ำสีเขียว หรือถ่ายเป็นมูกมีเลือดปน มีไข้ เป็นต้น
ทั้งนี้อาหารทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสีย ฉะนั้นควรกินแต่พอดี และกินคู่กับอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ดื่มน้ำให้เพียงพอ หาเวลาออกกำลังกายบ้าง ผู้ที่มีโรคประจำตัวควรกินอาหารตามที่แพทย์แนะนำด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานเกษตรและสหกรณ์ จังหวัดสุรินทร์
ขอบคุณข่าว และ ข้อมูลจาก
PPTV Online
https://www.pptvhd36.com/health/food/5771