เสียงกระซิบ ที่เปลี่ยนชีวิต

สวัสดีพี่ๆทุกท่านครับ
เป็นการเล่าเรื่องจากชีวิตจริงที่เกิดขึ้นกลับผม เป็นเหมือนการมาแชร์ประสบการณ์ ในชีวิตคนๆหนึ่งกับเรื่องการเป็นหมอดูให้ฟังกันครับ
     วันนี้ผมมีเรื่องราวจะมาเราเกี่ยวกับชีวิตในช่วงหนึ่งก่อนที่จะช่วยเหลือคนที่เข้าเจอสิ่งเร้นลับครับ ย้อนกลับไปในช่วงวัยเรียน ผมก็ไปโรงเรียนตามปกติอยู่มาในเที่ยงของวันหนึ่ง ผมกับเพื่อนๆ ได้นั่งเล่นนั่งคุยกันอยู่นั้น อยู่ดีๆเพื่อนทุกคนในตอนนั้นก็เลิกคุยกัน พากันเงียบสนิท จนทุกคนก็มองน่ากันว่าเลิกคุยกันเฉยๆ คุยกันอยู่ดีๆก็พากันหยุดคุยเงียบกันไปหมด จุดเปลี่ยนชีวิตผมมันก็มาจังหวะที่ทุกคนเงียบ คืออยู่ดีๆ ผมก็ได้ยินเสียงมีคนมาบอกว่า ช่วยคน ช่วยคน (เสียงเหมือนคนเเก่) ผมก็ยังไม่ได้คิดอะไร จนเสียงนี้ก็ไม่หายไป จนผมคิดในใจว่าจะให้ช่วยคน และจะให้ช่วยใครในตอนนั้น แต่กลับเหมือนสิ่งที่มาบอกรับรู้ได้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ตอบผมกลับมาว่า ดูดวง ดูดวง วนในหัวของผม ผมก็คิดในใจว่าจะดูดวงยังไง ในเหมือผมก็ไม่เคยศึกษา หรือจะช่วยใครได้ ซึ่งผมก็เพิ่งเข้าอายุ 16 ปี ยังไม่รู้เรื่องการที่จะดูดวงหรือช่วยใคร แล้วจู่ๆ เสียงนั้นก็ตอบกลับมาว่า เดียวจะสอนให้ เดียวจะสอนให้ ผมเลยคิดในใจว่าจะสอนยังไง เสียงนั้นก็ตอบกลับมาว่า ให้เพื่อที่นั่งข้างๆ ขย้ำกระดาษสองมือแล้วส่งมา เดียวจะบอกเอง ในตอนนั้นอารมผมเหมือนผมคุยกับตัวเอง อาการมันคืองงมากมันคืออะไร และเสียงนี้มันคือใครทำไมถึงมาหาเรา ทั้งที่เพื่อนก็นั่งกันตั้งหลายคน ในตอนนั้นผมก็คิดว่าถ้าผมบอกเพื่อน หรือทำสิ่งนั้นไปแล้วมันไม่ตรง ตามที่เสียงนั้นบอกผมต้องกลายเป็นคนบ้าหรือเรื่องตลกแน่ แต่มันก็ทนไม่ไหวในเสียงที่เกิดขึ้นเหมือนกับว่า ถ้าผมไม่ได้ทำเสียงนั้นมันก็ไม่หายไป จนผมก็บอกเพื่อนที่นั่งข้างๆ ว่าขย้ำกระดาษแล้วว่างให้หน่อย กระดาษแค่แผ่นเดียว ขย้ำแล้ววางเลย เพื่อนก็งง ว่าผมจะเล่นอะไร เพื่อนก็ถามผมว่าจะเล่นอะไร นั่งมองก้อนกระดาษ เพื่อนก็เริ่มมองผมแปลกๆแล้ว ผมเลยบอกกำลังดูดวงให้ สายตาเพื่อนทุกคู่พอได้ยินว่าผมบอกว่าดูดวงพากันทำหน้างง และถามผมไปเรียนมาตอนไหน แต่ผมก็ไม่ได้ตอบไป แต่ในใจก็คิดว่าถ้าสิ่งที่มาพาเราพูดผิดหรือดูไม่เป็น คงเป็นเรื่องตลกไป แต่พอผมหยิบกระดาษใบนั้นขึ้นมาเสียงนั้นก็เริ่มทำงานโดยการบอกผมว่าต้องดูแบบไหนทำแบบไหน ซึ่งผมเองยังคิดว่ามันเป็นเรื่องที่มันใช้รึป่าว เรากำลังทำอะไรอยู่ แต่สิ่งที่ผมดูแล้วตอบกลับไปหาเพื่อนคนที่ผมดูให้กลับกลายเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ในตอนนั้นผมคิดว่ามันอาจจะเดาไปถูกรึป่าว ตอนนั้นผมสับสนมาก เสียงนั้นมาจากไหนคือใคร แล้วทำไมเลือกผม ผมเลยลองให้เพื่อนคนที่สอง ขย้ำกระดาษมาอีก ผมก็ตอบกลับไปตรงเหมือนเดิม หลังจากนั้น ก็เพื่อนคนต่อไปไปเลื่อยตอนนั้นน่าจะได้สัก 5 คน ไม่ทันเวลาไปเข้าเรียน หลังจากที่เพื่อนดูไป 5 คนได้ แล้วก็พากันไปบอกต่อ แล้วเรื่องก็ไปถึงครูจนได้ดูให้ครูไปด้วย จนวันหนึ่งก็มาเล่นให้พ่อฟัง ซึ่งพ่อก็ยังไม่เชื่อจนดูให้แก แกก็บอกไปเรียนมาจากไหนผมก็เล่นให้ฟัง เหมือนที่ผมเล่ามาในตอนต้น จนผมเริ่มไปติดประกาศตามบ้านเพื่อนที่ทำผมซึ่งก่อนจะติดประกาศได้ แม่เพื่อนก็ให้ดูให้พอดูจบแกก็อนุญาตให้เอามาติดได้ คนก็พากันมาให้ผมดู จนไปถึงครูที่เคยสอนผมตอนอนุบาล ซึ่ง ผมก็ยังสงสัยอยู่ตลอดว่าคือใครที่มาเอาสิ่งนี้ให้กับผมทั้งที่ตอนแรกผมยังไม่ได้คิดว่าจะมาทางนี้ ชีวิตไว้เรียนมีแต่เตะฟุตบอลเที่ยวกับเพื่อน ยังไม่ได้คิดจะทำจริงๆจังๆ ที่ติดที่ต้องทำก็เพราะสิ่งนั้นที่มาบอกให้ผมทำถ้าผมไม่ทำ เสียงนั้นก็จะวนอยู่ในหัวผมไปเรื่อยๆ ผมต้องทำถึงเสียงนั้นจะหายไป แต่ในตอนนั้น ผมก็ยังเที่ยวสนุกกับเพื่อน ช่วยคนบ้าง ไม่ช่วยคนบ้าง ซึ่งเสียงของผมที่ผมค่อยได้ยินมาตลอด ผมจะเรียกเขาว่าพี่ เพราะผมก็ไม่รู้จะเรียกเขาว่าอะไร ไปไหนมาไหนผมก็จะบอก พี่ดูแลผมด้วยอย่าให้เกิดเหตุอะไรไม่ดี ทุกครั้งผมก็จะรอดกลับบ้านได้ตามปกติ จนผมเริ่มเข้า 18 มีอยู่วันหนึ่งผมไปเที่ยวกับเพื่อน กลับบ้านมาดึก ในเช้าอีกวัน ผมก็ตื่นขึ้นเพราะเสียงคนแก่ มาปลุกผม เสียงนั้นบอกผมว่า ขอมือหน่อย ขอมือหน่อย ด้วยความที่งัวเงีย ผมรู้สึกว่าลำคาน ได้ยืนมือให้เขาไป แล้วเขาก็จับมือผมดึงลุกขึ้นมานั่ง จนมือผมเหยียดเลยฝาเท้าไปผมเอะใจในตอนที่ผมลุกขึ้นมา ปกติในท่านั่งแล้วเหยีดเท้าไปผมไม่เคยทำได้ ทำไมวันนี้เราทำได้ แค่นั้นผมก็ยังมองอะไรไม่ค่อยเห็น ทุกอย่างในตอนนั้นมันมัวเป็นเหมือนฝาจางๆขาวๆ หลังจากที่ผมเอะใจในตอนนั้นในช่วงที่งัวเงียมือเรามันเหยีดไปเกินฝาเท้าโดยที่ขาไม่เจ็บได้ไง แล้วใครที่มาจับมือเราดึงอยู่ปลายเท้า ผมเลยพยามดึงกลับเหมือนจะล้มตัวลงนอนแต่มันดึงกลับไม่ได้ แล้วผมหันกลับหลังมา เห็นตัวผมอีกครึ่งหนึ่งคือร่างของผมนอนอาปากหวออยู่ ผมคิดในตอนนั้นคือใครที่จับอยู่ปลายเท้า พอผมหันกลับมา มองที่ปลายเท้าที่มือผม เป็นคนแก นุ่งจูงกาเบนสีขาว แล้วมีผาพาดบ่า สีขาวไม่ได้ใส่เสื้อ ผมยาว ผิวคือไม่ขาวไม่ดำมาก แต่ผมมองไปที่เขา พยามจะมองให้เห็นใบหน้ายังไงก็ไม่สามารถ เห็นทุกอย่างได้ชัด มันมัวไปหมด จนผมนิ่งอยู่ในท่านั้น แล้วขยับอะไรไม่ได้ แล้วลุงที่จับมือผมถามว่า จะช่วยคนไหม คือผมก็ยังไม่ได้ตอบ แล้วลุงแกก็ถามผมอีกครั้ง จะช่วยคนไหม ซึ่งผมยังไม่ได้ตอบ จนกระทั่ง ลุงแกบอกว่าถ้าไม่ช่วยคน งั้นก็ไปกับเรา ลุงแกก็ดึงผมกำลังจะลุกขึ้น ผมคิดในใจผมกำลังจะตายกลายเป็นวิญญาณไปแล้วเหรอนี้ ยังไม่ได้ลาใครเลย ผมนึกออกทันที่ในตอนนั้น ผมเลยเรียก พี่ (ก็คือเสียงที่มากระซิบ ผมให้ช่วยคน) พี่ ผมยังไม่อยากตายมาช่วยผมหน่อย เท่านั้นก็มีฤษี แบบที่ผมเห็นเลยมาในตอนนั้น ปรากฏตัว แล้วมากดไหลผมนั่งลงไม่ ให้ลุงที่ใส่ชุดขาวเอาผมไป แล้วลุงชุดขาวก็ถามผมอีกรอบ จะช่วยคนไหม ร่วมกับฤาษีที่กดไหลผมอยู่ ถามผมอีกว่าจะช่วยคนไหม ผมเลยตอบไปว่าช่วย เท่านั้นละวิญญาณกลับเข้าร่างความรู้สึก เหมือนเราเหมือนฝันว่าตกจากที่สูง มันแบบไม่รู้จะอาทิบ่ายคำไหนได้ ถ้าเพื่อนๆ พี่เคยฝัน ว่าตกจากที่สูงลงมาจะเข้าใจครับ สิ้นเสียงว่าผมจะช่วยคนครับผมตื่นขึ้นมาผมก็จับตัวคิดว่าเราตายรึป่าว วิ่งจากชั้นบนลงข้างร่างเล่าให้พ่อฟัง พอก็บอกว่าเราไม่ค่อยทำบุญ ไม่ค่อยได้ไปช่วยคนรึป่าว เดียวก็ไปเที่ยวกับเพื่อน และก่อนนอนผมได้พูดหน้าหิ้งพระว่า ไม่ช่วยแล้วคน ผมว่าจุดนี้น่าจะเป็นจุดที่ทำให้ลุงชุดขาวแกถึงมาหา แล้วก็ผมไม่ได้ปฏิบัติหรือช่วยคนสม่ำเสมอ และวันนั้นเลยทำให้ผมได้ถามเสียงนั้นไปว่า พี่ จริงแล้วพี่คือ ฤาษี หรือครับ และเป็นหรือสีตนไหน คำตอบที่ผมได้ คือ ฤาษีโหรา ศึกผมได้ไป หาดูในอินเตอร์เน็ต ชื่อเต็มๆ คือ ฤาษีโหราบรมครูโหราศาสตร์  หลังจากนั้นมาในทุกที่ที่ผมได้ไปอยู่หรือได้พบจบจะต้องได้ช่วยคนตลอด ส่วนค่าครูจะให้หรือไม่นั้นผมไม่เคยได้กำหนด ตามศรัทธา แล้วทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนถูกกำหนดเวลา ว่าอายุเท่าไหนควรทำอะไรได้ ทุกอย่างองค์ปู่จะค่อยสอนค่อยบอกผมตลอด  ยังมีเรื่องอีกมากมายตั้งแต่เริ่มดูดวงคนมา ทั้งผี ทั้งเจ้าที่ หลายต่อหลายอย่าง ไว้ผมจะมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆครับ ทั้งหมดที่ผมเล่ามา โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่