ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการเล่าระบายถึงชีวิตตัวเอง
ในตอนเด็กๆเราเป็นเด็กที่สดใสและร่าเริงมากๆ มักจะถูกชมบ่อยๆด้วยว่าเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกและเก่งในหลายๆด้าน แต่แล้วด้วยเหตุใดก็ไมทราบ เราถูกเพื่อนๆรังแกและก็ไม่ชอบ ในตอนนั้นเราก็เลยไม่มีเพื่อนเลย พอได้มีอากาสได้ไปต่างจังหวัด ญาติก็ชวนให้มาเรียนที่เดียวกัน เราเลยตัดสินใจเรียนที่นั้นเพราะอยู่ที่เก่าก็ไม่มีเพื่อน เราเรียนอยู่ที่นั้นหนึ่งปี อยู่กับยายและญาติ ส่วนพ่อแม่ก็ไม่ได้อยู่ด้วย ในตอนที่เราพึ่งย้ายโรงเรียนนั้นทุกคนก็ชื่นชอบเราและได้เป็นเพื่อนกับเรา เราดีใจมากที่ได้มีเพื่อนเหมือนกับคนอื่นเขาเสียที แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ทุกคนหันกลับมาไม่ชอบเรามากกว่าที่เดิมเสียอีก เราทั้งโดนกลั่นแกล้งและโดนใส่ร้ายนาๆชนิด แถมญาติก็ไม่ชอบเราอีกเพราะโดนเพื่อนของญาติใส่ร้ายเราว่าเราด่าเขา เราทะเลาะกันใหญ่เลย เราเลยถามญาติไป "ระหว่างเพื่อนของเธอกับเราเธอจะเชื่อใคร" แล้วเขาก็ตอบว่า "เพื่อน" นั่นทำให้เราเคว้งไปเลย จากนั้นเลยก็เลยไม่ค่อยได้เล่นกันอีก
เนื่องจากนั่นไม่ใช่บ้านของเรา ไม่ใช่พ่อแม่ของเรา เราเลยไม่สามารถจะขออะไรได้เสมอ ไม่สามารถพูดคุยหรือเล่าอะไรให้ฟังได้ เวลาทำการบ้านพี่ชายของญาติใจนอนก็ปิดไฟทำให้เราต้องทำการบ้านในที่มืดจนสายตาสั้น เราทำการบ้านไม่เป็น ก็ไม่มีใครสอน ขอให้ญาติช่วยสอนเขาก็ไม่พาทำ บางครั้งก็ต้องทำจนมืดค่ำไม่ก็จนใกล้จะเช้า
ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรียนรู้ได้ช้าลง ทำอะไรก็ช้าลง ความจำก็แย่ลง เริ่มเป็นคนไม่กล้าแสดงออก
เมื่อเราเรียนจบปีนั้นเลยเลยย้อยกลับมาเรียนต่อที่พ่อแม่อยู่ กลับไปเรียนต่อที่เก่าที่เคยออกไป เพื่อนๆก็ดีกับเราต่างจากเมื่อก่อนด้วย แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้เราเองก็ไม่ได้สนใจแล้วว่าจะมีเพื่อนหรือไม่มีจะมีสนชอบหรือไม่ชอบ เพราะต่อจากนี้เราบอกกับตัวเองว่าคนที่เราจะสนใจให้มากที่สุดคือครอบครัว
แต่แน่นอนว่าในตอนที่เราไม่อยู่ พ่อแม่ก็ทะเลาะกันกันต้องอยู่กันกันละที่ แม่ก็ป่วยนอนโรงพยาบาล แต่ต่อมาไม่นานแม่ก็ดีขึ้น และพ่อกับแม่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
แต่เนื่องจากเราเปลี่ยนไป ไม่เก่งเหมือนเมื่อก่อน ทุกอย่างถดถอยจนพ่อรับไม่ได้
พ่อมักจะคาดหวังถึงเราไว้สูง และพูดถึงเราในอดีต ชื่นชมเราในอดีต แต่เราก็เปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่เราเหมือนเมื่อก่อน
เราพยายามไขว่ขว้าตั้งใจเล่าเรียนและพัฒนาตัวเองให้มาขึ้นเพราะอยากให้พ่อสบายใจและมีความสุข
แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่เก่งขึ้นเลย ไม่ดีขึ้นเลย พ่อก็ไม่พอใจ ที่เราไม่เหมือนเดิมพูดซ้ำๆว่ารู้สึกแย่ที่ปล่อยให้เราไปตามเส้นทางที่เราเลือกเอง
สุดท้ายเราก็แย่ลงเรื่อยๆ กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด และก็เป็นคนที่คิดมาก
เรามีปัญหากับพ่อหลายครั้ง เรื่องที่เราไม่สามารถเป็นคนเดิมได้ เราเริ่มกลัวพ่อ กลัวว่าพ่อจะเสียใจและผิดหวัง เราเคยเผลอร้องไห้ต่อหน้าพ่อเพราะถูกกดดันในเรื่องต่างๆ เราเองก็ไม่อยากร้องไห้แต่น้ำตาก็ไหลออกมาเอง นั้นทำให้พ่อไม่ชอบมากกว่าเดิม พ่อบอกว่าเรามันอ่อนแอ และเป็นตัวทำให้ทุกอย่างหม่นหมอง ตั้งแต่เรื่องในตอนนั้นเราก็พยายามทำตัวให้ดูร่าเริงและสดใส
แต่แววตาของเราไม่เป็นอย่างงั้น พ่อบอกว่าแววตาของเรามันอมทุกข์และดูเครียดตลอด มันไม่เหมือนแววตาของเราแต่ก่อน
เมื่อเริ่มโตขึ้นพ่อก็มีปัญหาทางการเงินแถมมีปัญหากับทางบ้านของพ่ออีก พ่อเลยกดดันเรามาขึ้นทั้งเรื่องการเรียนและการหาเงิน
พ่อเริ่มดูเหมือนว่าจะกลัวเราทอดทิ้งเขา เหมือนกับปัญหาทางฝั่งของย่า
กดดันเรามากขึ้นและย้ำพูดถึงการกตัญญู
แต่ลึกๆในใจเราก็รักเขามากแท้ๆ ถ้ามีเงินมากๆก็จะมอบให้ทั้งหมดเลย แต่ตอนนี้ก็ยังหาเงินมากๆไม่ได้ บางครั้งตอนที่เขาของยืมเงินหรอค้างค่าไปโรงเรียน หรือค้างค่ามือถือของเรา เราก็ไม่เคยไปทวง และก็ไม่อยากได้คืนด้วย
หลายๆครั้งเรามักจะฝันร้ายและนอนไม่หลับ มีอาการปวดร่างกายฉับพลันในตอนกลางคืนจนนอนไม่ได้ต้องคอยกินยาช่วยบรรเทาอาการ บางครั้งก็มีความเครียดหลายๆอย่างจนปวดหัวไปหมดและก็อาเจียนด้วย (พ่อแม่ไม่รู้เพราะไม่อยากเล่าให้ฟัง เพราะเวลาเล่าอะไรให้ฟังก็จะจบที่ทะเลาะมีปัญหากัน)
และก็เมื่อเราถูกพ่อเรียกคุยหลายครั้งมีอาการมือสั่น และรู้สึกร้อนที่รอบดวงตาเหมือนจะร้องไห้ เลยต้องคอยจีกหรือหยิกตัวเองเพื่อดึงความสนใจ จะได้ไม่ร้องไห้เพราะพ่อจะโกรธได้ และมีอาการแน่นอกหายใจลำบากและจุกคอ (มีวิธีแก้ไหมเรื่องแบบนี้)
ในตอนนี้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ พยายามออกงานทุกครั้งที่มีกิจกรรม เพราะคิดว่าน่าจะฝึกความกล้าแสดงออกและความสามารถด้วย พยายามทำตัวให้มีความสุข และก็ฝึกยิ้มและออกกำลังกายปรับบุคลิกตนเอง พยายามตั้งใจเล่าเรียนให้มากขึ้น และก็คอยมองหาความถนัดตนเองเพื่อที่จะได้หางานทำด้วย
แต่ก็เหมือนฟ้าเล่นตลกในตอนที่ทุกอย่างกำลังดีขึ้น ก็ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเล็กๆที่เราทำผิดพลาดทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้เริ่มกำลังกลับกลายเป็นคิดแต่เรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว แต่ก็พยายามกลับไปเป็นตัวเองคนก่อนให้ได้
มันรู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้ง ตอนที่เห็นพ่อนั่งไล่ดูคริปและรูปในสมัยตอนที่เราเป็นเด็ก เขายิ้มและมีความสุข สายตายต่างจากสายตาที่มองมาที่เรา
ไม่รู้ทำไม ทั้งที่คริปนั้นก็คือคริปและรูปของตัวเอง แต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น เป็นที่ไกลออกไปเสียอย่างนั้น
ท้ายที่สุดแล้วพิมพ์มาตั้งนานแค่อยากถามว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนกับตัวเองคนก่อนได้ไหม ระยะเวลาที่ห่างมาจากก่อนเปลี่ยนไปประมาณสักเกือบสิบปีได้ ยังมีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนก่อนอยู่ไหม
ตัวเองเปลี่ยนไป แล้วมีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนเดิมไหม
ในตอนเด็กๆเราเป็นเด็กที่สดใสและร่าเริงมากๆ มักจะถูกชมบ่อยๆด้วยว่าเป็นเด็กที่กล้าแสดงออกและเก่งในหลายๆด้าน แต่แล้วด้วยเหตุใดก็ไมทราบ เราถูกเพื่อนๆรังแกและก็ไม่ชอบ ในตอนนั้นเราก็เลยไม่มีเพื่อนเลย พอได้มีอากาสได้ไปต่างจังหวัด ญาติก็ชวนให้มาเรียนที่เดียวกัน เราเลยตัดสินใจเรียนที่นั้นเพราะอยู่ที่เก่าก็ไม่มีเพื่อน เราเรียนอยู่ที่นั้นหนึ่งปี อยู่กับยายและญาติ ส่วนพ่อแม่ก็ไม่ได้อยู่ด้วย ในตอนที่เราพึ่งย้ายโรงเรียนนั้นทุกคนก็ชื่นชอบเราและได้เป็นเพื่อนกับเรา เราดีใจมากที่ได้มีเพื่อนเหมือนกับคนอื่นเขาเสียที แต่แล้วความสุขก็อยู่ได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ทุกคนหันกลับมาไม่ชอบเรามากกว่าที่เดิมเสียอีก เราทั้งโดนกลั่นแกล้งและโดนใส่ร้ายนาๆชนิด แถมญาติก็ไม่ชอบเราอีกเพราะโดนเพื่อนของญาติใส่ร้ายเราว่าเราด่าเขา เราทะเลาะกันใหญ่เลย เราเลยถามญาติไป "ระหว่างเพื่อนของเธอกับเราเธอจะเชื่อใคร" แล้วเขาก็ตอบว่า "เพื่อน" นั่นทำให้เราเคว้งไปเลย จากนั้นเลยก็เลยไม่ค่อยได้เล่นกันอีก
เนื่องจากนั่นไม่ใช่บ้านของเรา ไม่ใช่พ่อแม่ของเรา เราเลยไม่สามารถจะขออะไรได้เสมอ ไม่สามารถพูดคุยหรือเล่าอะไรให้ฟังได้ เวลาทำการบ้านพี่ชายของญาติใจนอนก็ปิดไฟทำให้เราต้องทำการบ้านในที่มืดจนสายตาสั้น เราทำการบ้านไม่เป็น ก็ไม่มีใครสอน ขอให้ญาติช่วยสอนเขาก็ไม่พาทำ บางครั้งก็ต้องทำจนมืดค่ำไม่ก็จนใกล้จะเช้า
ตั้งแต่ตอนนั้นเราก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เรียนรู้ได้ช้าลง ทำอะไรก็ช้าลง ความจำก็แย่ลง เริ่มเป็นคนไม่กล้าแสดงออก
เมื่อเราเรียนจบปีนั้นเลยเลยย้อยกลับมาเรียนต่อที่พ่อแม่อยู่ กลับไปเรียนต่อที่เก่าที่เคยออกไป เพื่อนๆก็ดีกับเราต่างจากเมื่อก่อนด้วย แต่ถึงอย่างนั้นในตอนนี้เราเองก็ไม่ได้สนใจแล้วว่าจะมีเพื่อนหรือไม่มีจะมีสนชอบหรือไม่ชอบ เพราะต่อจากนี้เราบอกกับตัวเองว่าคนที่เราจะสนใจให้มากที่สุดคือครอบครัว
แต่แน่นอนว่าในตอนที่เราไม่อยู่ พ่อแม่ก็ทะเลาะกันกันต้องอยู่กันกันละที่ แม่ก็ป่วยนอนโรงพยาบาล แต่ต่อมาไม่นานแม่ก็ดีขึ้น และพ่อกับแม่ก็กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง
แต่เนื่องจากเราเปลี่ยนไป ไม่เก่งเหมือนเมื่อก่อน ทุกอย่างถดถอยจนพ่อรับไม่ได้
พ่อมักจะคาดหวังถึงเราไว้สูง และพูดถึงเราในอดีต ชื่นชมเราในอดีต แต่เราก็เปลี่ยนไปแล้วไม่ใช่เราเหมือนเมื่อก่อน
เราพยายามไขว่ขว้าตั้งใจเล่าเรียนและพัฒนาตัวเองให้มาขึ้นเพราะอยากให้พ่อสบายใจและมีความสุข
แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่เก่งขึ้นเลย ไม่ดีขึ้นเลย พ่อก็ไม่พอใจ ที่เราไม่เหมือนเดิมพูดซ้ำๆว่ารู้สึกแย่ที่ปล่อยให้เราไปตามเส้นทางที่เราเลือกเอง
สุดท้ายเราก็แย่ลงเรื่อยๆ กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด และก็เป็นคนที่คิดมาก
เรามีปัญหากับพ่อหลายครั้ง เรื่องที่เราไม่สามารถเป็นคนเดิมได้ เราเริ่มกลัวพ่อ กลัวว่าพ่อจะเสียใจและผิดหวัง เราเคยเผลอร้องไห้ต่อหน้าพ่อเพราะถูกกดดันในเรื่องต่างๆ เราเองก็ไม่อยากร้องไห้แต่น้ำตาก็ไหลออกมาเอง นั้นทำให้พ่อไม่ชอบมากกว่าเดิม พ่อบอกว่าเรามันอ่อนแอ และเป็นตัวทำให้ทุกอย่างหม่นหมอง ตั้งแต่เรื่องในตอนนั้นเราก็พยายามทำตัวให้ดูร่าเริงและสดใส
แต่แววตาของเราไม่เป็นอย่างงั้น พ่อบอกว่าแววตาของเรามันอมทุกข์และดูเครียดตลอด มันไม่เหมือนแววตาของเราแต่ก่อน
เมื่อเริ่มโตขึ้นพ่อก็มีปัญหาทางการเงินแถมมีปัญหากับทางบ้านของพ่ออีก พ่อเลยกดดันเรามาขึ้นทั้งเรื่องการเรียนและการหาเงิน
พ่อเริ่มดูเหมือนว่าจะกลัวเราทอดทิ้งเขา เหมือนกับปัญหาทางฝั่งของย่า
กดดันเรามากขึ้นและย้ำพูดถึงการกตัญญู
แต่ลึกๆในใจเราก็รักเขามากแท้ๆ ถ้ามีเงินมากๆก็จะมอบให้ทั้งหมดเลย แต่ตอนนี้ก็ยังหาเงินมากๆไม่ได้ บางครั้งตอนที่เขาของยืมเงินหรอค้างค่าไปโรงเรียน หรือค้างค่ามือถือของเรา เราก็ไม่เคยไปทวง และก็ไม่อยากได้คืนด้วย
หลายๆครั้งเรามักจะฝันร้ายและนอนไม่หลับ มีอาการปวดร่างกายฉับพลันในตอนกลางคืนจนนอนไม่ได้ต้องคอยกินยาช่วยบรรเทาอาการ บางครั้งก็มีความเครียดหลายๆอย่างจนปวดหัวไปหมดและก็อาเจียนด้วย (พ่อแม่ไม่รู้เพราะไม่อยากเล่าให้ฟัง เพราะเวลาเล่าอะไรให้ฟังก็จะจบที่ทะเลาะมีปัญหากัน)
และก็เมื่อเราถูกพ่อเรียกคุยหลายครั้งมีอาการมือสั่น และรู้สึกร้อนที่รอบดวงตาเหมือนจะร้องไห้ เลยต้องคอยจีกหรือหยิกตัวเองเพื่อดึงความสนใจ จะได้ไม่ร้องไห้เพราะพ่อจะโกรธได้ และมีอาการแน่นอกหายใจลำบากและจุกคอ (มีวิธีแก้ไหมเรื่องแบบนี้)
ในตอนนี้พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้มากขึ้นเรื่อยๆ พยายามออกงานทุกครั้งที่มีกิจกรรม เพราะคิดว่าน่าจะฝึกความกล้าแสดงออกและความสามารถด้วย พยายามทำตัวให้มีความสุข และก็ฝึกยิ้มและออกกำลังกายปรับบุคลิกตนเอง พยายามตั้งใจเล่าเรียนให้มากขึ้น และก็คอยมองหาความถนัดตนเองเพื่อที่จะได้หางานทำด้วย
แต่ก็เหมือนฟ้าเล่นตลกในตอนที่ทุกอย่างกำลังดีขึ้น ก็ไม่น่าเชื่อว่าเรื่องเล็กๆที่เราทำผิดพลาดทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้เริ่มกำลังกลับกลายเป็นคิดแต่เรื่องที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว แต่ก็พยายามกลับไปเป็นตัวเองคนก่อนให้ได้
มันรู้สึกเจ็บปวดใจทุกครั้ง ตอนที่เห็นพ่อนั่งไล่ดูคริปและรูปในสมัยตอนที่เราเป็นเด็ก เขายิ้มและมีความสุข สายตายต่างจากสายตาที่มองมาที่เรา
ไม่รู้ทำไม ทั้งที่คริปนั้นก็คือคริปและรูปของตัวเอง แต่กลับรู้สึกเหมือนเป็นคนอื่น เป็นที่ไกลออกไปเสียอย่างนั้น
ท้ายที่สุดแล้วพิมพ์มาตั้งนานแค่อยากถามว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนตัวเองให้เหมือนกับตัวเองคนก่อนได้ไหม ระยะเวลาที่ห่างมาจากก่อนเปลี่ยนไปประมาณสักเกือบสิบปีได้ ยังมีโอกาสกลับไปเป็นเหมือนก่อนอยู่ไหม