แฟนทำช่องเกมส์  ไม่มีรายได้ที่แน่นอน  ให้เราออกทุกอย่างบอกเราว่าช่วยแบกไปก่อนเดี๋ยวสักวันจะดูแลคืน สุดท้ายเลิก

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเลยค่ะ
แฟนกับเราคบมา 10 ปี แต่พึ่งมาอยู่ด้วยกันจะ 4 ปีได้  ไม่ได้แต่งงานกันนะคะ อยู่ด้วยกันเลยทั้งที่ครอบครัวเราถือเรื่องนี้มากแต่ตอนนั้นเราเขาเชื่อเขา แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้จดทะเบียนกัน  คือเขามาแต่ตัว ไม่มีอะไรมาเลย คือมาอยู่บ้านเรา
ตอนแรกเขาขอให้จดทะเบียน และขอแต่งงาน  แต่ขอให้เราออกทุกอย่างไปก่อน  ซึ่งเราไม่โอเค เราบอกว่าอยากให้เขาเก็บเงินมาบ้างเงินที่ได้จากการทำงานด้วนกันก็ได้    ไม่ใช่ให้เราออกคนเดียว เขาบอกนั้นไม่ต้องแต่ง  จดทะเบียนเฉยๆก็ได้ เขาบอกว่าเขาอยากได้ความมั่นใจว่าเราจะไม่ทิ้งเขา เราไม่ยอม ตอนนั้นทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่เลย เขางอนเราที่เราไม่ยอมจดทะเบียน   และก็กลับมาเคลียสกันและก็คบกันต่อ (ตอนนั้นขอเลิกไปแล้วนะแต่เขามาง้อก็คบต่อ)
ตอนแรกก็ทำงานด้วยกันค่ะแต่เหมือนเขาไม่พอใจรายได้เขาก็ไปทำงานตัวเองเขาก็เลือกไปทำงานที่เขาชอบก็คือช่อง YouTube ทำเกมอะไรของเขาไป ช่วงระหว่างที่เขาทำคือเขาไม่มีรายได้ก็ให้เราจ่ายให้ทุกอย่าง
จนหลังๆเรารู้สึกว่ามันไม่ได้แล้วนะต้องจ่ายบ้างเพราะเราก็รู้สึกว่าเขาจะเคยตัว
เขาก็ถึงได้เริ่มออกเองบ้างส่วนใหญ่ก็เป็นออกเรื่องส่วนตัวของตัวเองจริงๆเช่นเสื้อผ้าตัวเองของใช้ตัวเองบางอย่าง
ของที่ต้องซื้อรายเดือนไม่ว่าจะเป็นของใช้สระผมสบู่ที่ต้องซื้อทุกเดือนที่ใช้ร่วมกัน เราก็เป็นคนออกอยู่คนเดียวรวมถึงค่ากินค่าน้ำค่าไฟเราก็ออกคนเดียว  ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าเราพอมีกำลังในการหาเงินอยู่ให้เขาเป็นพ่อบ้านก็ได้
แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำถึงขนาดนั้นบางอย่างเราต้องคอยช่วยทำเพราะเขาต้องทำงานตัวเองงานที่เขาทำแล้วไม่เห็นรายได้เลยแต่เขาทำเพราะเขาชอบ เขาก็ชอบพูดว่าเดี๋ยวสักวันเขาทำตรงนี้ได้เดี๋ยวเขาจะเลี้ยงคืน  ตอนแรกเราก็เชื่อนะ  
แต่พอเริ่มมาเรื่อยๆเรานึกดูแล้วแแค่จะเรียงลำดับความสำคัญเขายังเรียงไม่ถูกเลยมันไม่มีทางที่เขาจะมาเลี้ยงเราได้ 
ไม่หน่ำซ้ำเขาชอบพูดอะไรเหมือนทวงบุญคุณเราตลอดซึ่งตรงนี้ทำให้เราบอกเลิกเขาหลายทีแล้วแต่เขาไม่ยอมเลิก
พอเราพูดแนวๆเดียวกับเขาเขาก็รับไม่ได้  เราก็เลยพูดกับเขาว่าทีเธอพูดอย่างนั้นอ่ะ  แฟนเขาก็บอกเราว่าถ้าเธอรู้ว่าไม่ดีก็อย่าทำตามสิ    คือเราสงสัยว่าถ้าเราเจอเรื่องหนักหนาขนาดนี้หรือทนมาหนักหนาขนาดนี้ใครมันจะทนใครจะอดที่จะสวนไปบ้าง  เราก็รู้ว่าเราผิด แต่เขารู้บ้างไหมว่าตัวเองผิด กับสิ่งที่ทำกับเรามา
เราเคยภูมิใจมาตลอดว่าเขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ไม่เที่ยวแล้วเราก็คบกันเป็นแฟนได้นานถึง 10 ปีเลย
แต่จริงๆมันเป็นความภูมิใจที่มันเหมือนเป็นภาพลวงตาเหมือนกัน 
สุดท้ายเราเหมือนคนโง่จนวินาทีสุดท้าย  พอเราเริ่มมีปัญหา  เริ่มช่วยเขาไม่ได้ ความเห็นแก่ตัวเขาก็ชัดขึ้น
อะไรที่เตือนได้แล้วเหมือนปรับ  ไปมาเตือนไม่ได้  สุดท้ายเขาบอกเขาทนเราไม่ไหว  
คือเดี๋ยว  เราจะทนไม่ไหวหลายครั้ง  มาง้อบอกให้เราทน เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น  ที่ผ่านมาเราก็คงโง่มากๆจริงๆ จริงเราดูข่าว  คู่รักบ้างคู่เจอเหมือนเราข้อสองข้อ ไม่มีใครยอม  เห็นบางคู่เจอปัญหานี้ไม่กีเดือนหลายคู่เลิกกัน    ย้อนดูนี่เรื่องเรานี้  เหมือนทุกๆปัญหาของหลายๆคู่ที่เป็นข่าวมารวมกัน ก็ยังทนคบอยู่ตั้งนาน
ก็อยากมาเตือนเพื่อนๆถ้าใครที่อยู่กับแฟนมาหลายปีอยากจะบอกว่าความดีมันควรจะดีเป็นเรื่องๆ  อย่างที่เราคบเราเห็นว่าเขาไม่เจ้าชู้ เราก็คิดว่าไม่เจ้าชู้คือดีแต่เขาเอาเปรียบเราตรรกะก็เพี้ยนมันยิ่งบั่นทอนทำให้เรามีชีวิตแย่ลง เราพึ่งมาตาสว่างว่าว่าไม่เจ้าชู้อย่างเดียวมันไม่เพียงพอ  เขามาง้อเราก็กลับไปคบทุกครั้ง  พอเขาอยากจะเลิกกันเขาบอกว่าทนเราไม่ไหว  พูดเหมือนมันเป็นความผิดของเราคนเดียว  จะเลิกก็มาเลิกในช่วงเรากำลังแย่เราป่วย  งานเรามีปัญหา  งานที่เราใช้แบกเขามา2-3ปีได้ กำลังมีปัญหา คิดว่าเขาจะเห็นใจ  ไม่เลย

อยากบอกผู้หญิงหลายคนๆ อย่าเชื่อมั่น  อย่าไปเชื่อในคำสัญญาว่าสักวันหนึ่งจะตอบแทนกับสิ่งที่เราเคยให้หรือสักวันจะดูแลเรา  หรืออย่าเชื่อว่าเราลำบากเพื่อเขา  เขาจะยอมลำบากเพื่อเรา 
ไปเจออยู่ประโยคนึง  ผู้หญิงอย่าไปลำบากเพื่อผู้ชาย เพราะถ้าผู้ชายเขารักผู้หญิงคนนั้นจริงๆเขาไม่มีทางปล่อยผู้หญิงคนนั้นลำบากก็คงจะเป็นเรื่องจริง
แฟนเราก็กลัวตัวเองลำบากกลัวตัวเองเครียดแต่เขาพยายามที่จะพูดให้ตัวเองดูดีตลอดเลยนะว่าเขาห่วงเราเขาไม่อยากให้เราไม่สบายใจ  มีปัญหาไรบอกได้  แต่พอมีจริง  เขาไม่ขอรับรู้  หรือแกล้งไม่รู้ไปเลย  ซึ่งเรารู้จักเขาดีเขาไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น   พอเราผ่านปัญหาไปได้ก็ชอบบอกว่าทำไมไม่บอก  พอย้อนกลับไปเขาก็แค่พึ่งเราเพราะเขาไม่มีทางเลือกเพราะเขาไม่มีที่พึ่งเขาชอบพูดว่าเขาไม่ชอบทำตัวเป็นภาระใครแต่ชอบพูดเหมือนว่าเราเป็นภาระเขาทั้งที่พอย้อนคิดเขาจะรู้บ้างไหมว่าใครกันแน่ที่เป็นภาระใคร
เราก็หลงเชื่อว่าเขารักเราอยู่ตั้งนานเลยค่ะ  พอเขาเริ่มมีรายได้มากขึ้นเราก็ยิ่งเห็นความเห็นแก่ตัวของเขามากขึ้น
นอกจากเขาไม่พยายามที่จะช่วยกันเท่าที่ควรแล้ว ยังทวงบุญคุณกันอีกต่างหาก เขาบอกว่าเรามีทุกอย่างได้เพราะเขา เราก็บอกว่าไม่เคยให้เธอช่วยฟรีเลย ให้ช่วยก็ต้องจ่ายเงินให้  หรือจะให้ช่วยฟรีๆ  ก็นับเรื่องได้ เราตั้งหากที่ช่วยเธอทุกอย่างฟรีๆ  เช่นแบกเธอมา2-3ปี จนช่องเธอโตขึ้น  แล้วเราแย่ลงนี่ไง (บางทีเขาอ้างว่าก็เขาช่วยแล้วไง  ตัดหญ้าเดือนละ 1 ครั้ง  ช่วยให้อาหารหมาที่เลี้ยงมาด้วยกันเขาว่าเขาถือว่าช่วยแล้ว  หรือเราออกหมื่น  เขาออกร้อย  เขาถือว่าช่วยแล้ว แต่ก่อนเขาไม่มีตรรกกะเพี้ยนหนักขนาดนี้  นี่มันหนักเกินไปจนเราทะเลาะกันบ่อย จนเขามาบอกเลิกเราอ้างว่าทนเราไม่ไหวนั่นละ
ย้อนไปคิด  ชีวิตเขาพื้นเพเหมือนถูกสอนมาให้เป็นผู้รับ คือไม่ได้ถูกสอนให้เริ่มจากการพยายามอะไรด้วยตัวเอง  ทบทวนดูก่อนที่เขาจะมาทำงานกับเราก่อนที่เขาจะมาอยู่กับเราจริงจังเขาก็หวังให้ญาติที่มีตำแหน่งใหญ่ในบริษัทใช้เส้นสายดันตำแหน่งขึ้นให้เขา  แต่ญาติก็ดันโดนย้ายก่อน
และที่บ้านเขา  รวมถึงตัวเขา ชอบพูดเหมือนเราจะไปหลอกให้ทำงาน คืองานที่ตกลงจะทำด้วยกัน  เวลาเขาอยากทำก็ทำ ก็แบ่งเงินกัน  พอไม่อยากทำก็หายไปดื้อๆ  เดี๋ยวมาเดี่ยวไป จนงานเสียหาย  แต่พอตัวเองไปที่อื่นไม่รอดก็มาให้เราแบก พองานมันดีก็มาอ้างว่าทำมาด้วยกันทวงว่าทำมาด้วยกัน บอกใครว่าทำมาด่วยกันแต่ยกให้เราคนเดียวไรเงี้ยแล้วครอบครัวก็คิดไปในทิศทางนี้  
เขาชอบพูดว่าเขาพึ่งพาตัวเองไม่ชอบเป็นภาระใครแล้วก็ชอบพูดว่าทุกคนเป็นภาระเขาเหมือนเขาไม่เคยรู้ตัวเองเลย
จริงๆถ้าเขามีจิตใต้สำนึกของการอยู่ร่วมกันสักนิด ไม่ต้องถึงขั้นคำว่าแฟนมันก็คงไม่มาถึงจุดที่น่าเกลียดขนาดนี้  เราก็คงเป็นเพื่อนที่เคยพึ่งพาอาศัยกัน เพราะเรารู้จักเขาแต่เด็ก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นได้ขนาดนี้ในวันนี้
ภายหลังจากเขาขอเลิกกับเรา  เขากลับมาอีกที บอกเขายังรักเราอยู่  ขอเป็นเพื่อนก็ได้ เราเอี้ยนมากแล้วจริงๆ  ที่ผ่านมาคงไม่มีไรจริงเลย  เราก็ขอตัดขาดดีกว่า  ก็มาเตือนหลายๆคน ถ้าเจอแบบนี้อย่าเสียดายว่าคบนาน
ก่อนหน้านี้เราก็เคยเสียดายเราก็ฝืนคบต่อแล้วก็คิดว่าเตือนเขาแล้วเขาคงจะดีขึ้น และเขาก็ดีขึ้นไม่นาน  และจริงๆที่เขาฟังเราเพราะเรายังมีผลประโยชน์ต่อเขาพอเริ่มหมดผลประโยชน์เก็เริ่มไม่แคร์ว่าเราเจอปัญหาอะไรไม่แคร์ว่าเราเคยแบกอะไรไม่แคร์ว่าเราเคยช่วยอะไรแถมทวงบุญคุณเราสารพัด   ทั้งที่บางทีเราก็งงว่าใครควรจะทวงใคร    จริงๆมันผิดตั้งแต่เขาจะทำงานที่เขาชอบแต่จะให้เราแบกภารแล้ว  กว่าเราจะตาสว่าง ก็จนเราหมดผลประโยชน์กับเขา  จนเขาอยากจะเลิกกับเรา ที่เขาเคยมาง้อไม่ยอมเลิกมาตลอด  เพราะตอนนั้นเราแค่มีผลประโยชน์กับเขาอยู่  ไม่ใช่เพราะเขารักเราจริงๆ  คนแบบนี้ย้อนคิดแล้วเป็นเพื่อนก็คงไม่ได้  แฟนยิ่งไม่ได้ ไปใหญ่ ก็มาเล่าให้ฟังค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่