สวัสดีค่ะ ตามหัวข้อเลยค่ะ
แฟนกับเราคบมา 10 ปี แต่พึ่งมาอยู่ด้วยกันจะ 4 ปีได้ ไม่ได้แต่งงานกันนะคะ อยู่ด้วยกันเลยทั้งที่ครอบครัวเราถือเรื่องนี้มากแต่ตอนนั้นเราเขาเชื่อเขา แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้จดทะเบียนกัน คือเขามาแต่ตัว ไม่มีอะไรมาเลย คือมาอยู่บ้านเรา
ตอนแรกเขาขอให้จดทะเบียน และขอแต่งงาน แต่ขอให้เราออกทุกอย่างไปก่อน ซึ่งเราไม่โอเค เราบอกว่าอยากให้เขาเก็บเงินมาบ้างเงินที่ได้จากการทำงานด้วนกันก็ได้ ไม่ใช่ให้เราออกคนเดียว เขาบอกนั้นไม่ต้องแต่ง จดทะเบียนเฉยๆก็ได้ เขาบอกว่าเขาอยากได้ความมั่นใจว่าเราจะไม่ทิ้งเขา เราไม่ยอม ตอนนั้นทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่เลย เขางอนเราที่เราไม่ยอมจดทะเบียน และก็กลับมาเคลียสกันและก็คบกันต่อ (ตอนนั้นขอเลิกไปแล้วนะแต่เขามาง้อก็คบต่อ)
ตอนแรกก็ทำงานด้วยกันค่ะแต่เหมือนเขาไม่พอใจรายได้เขาก็ไปทำงานตัวเองเขาก็เลือกไปทำงานที่เขาชอบก็คือช่อง YouTube ทำเกมอะไรของเขาไป ช่วงระหว่างที่เขาทำคือเขาไม่มีรายได้ก็ให้เราจ่ายให้ทุกอย่าง
จนหลังๆเรารู้สึกว่ามันไม่ได้แล้วนะต้องจ่ายบ้างเพราะเราก็รู้สึกว่าเขาจะเคยตัว
เขาก็ถึงได้เริ่มออกเองบ้างส่วนใหญ่ก็เป็นออกเรื่องส่วนตัวของตัวเองจริงๆเช่นเสื้อผ้าตัวเองของใช้ตัวเองบางอย่าง
ของที่ต้องซื้อรายเดือนไม่ว่าจะเป็นของใช้สระผมสบู่ที่ต้องซื้อทุกเดือนที่ใช้ร่วมกัน เราก็เป็นคนออกอยู่คนเดียวรวมถึงค่ากินค่าน้ำค่าไฟเราก็ออกคนเดียว ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าเราพอมีกำลังในการหาเงินอยู่ให้เขาเป็นพ่อบ้านก็ได้
แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำถึงขนาดนั้นบางอย่างเราต้องคอยช่วยทำเพราะเขาต้องทำงานตัวเองงานที่เขาทำแล้วไม่เห็นรายได้เลยแต่เขาทำเพราะเขาชอบ เขาก็ชอบพูดว่าเดี๋ยวสักวันเขาทำตรงนี้ได้เดี๋ยวเขาจะเลี้ยงคืน ตอนแรกเราก็เชื่อนะ
แต่พอเริ่มมาเรื่อยๆเรานึกดูแล้วแแค่จะเรียงลำดับความสำคัญเขายังเรียงไม่ถูกเลยมันไม่มีทางที่เขาจะมาเลี้ยงเราได้
ไม่หน่ำซ้ำเขาชอบพูดอะไรเหมือนทวงบุญคุณเราตลอดซึ่งตรงนี้ทำให้เราบอกเลิกเขาหลายทีแล้วแต่เขาไม่ยอมเลิก
พอเราพูดแนวๆเดียวกับเขาเขาก็รับไม่ได้ เราก็เลยพูดกับเขาว่าทีเธอพูดอย่างนั้นอ่ะ แฟนเขาก็บอกเราว่าถ้าเธอรู้ว่าไม่ดีก็อย่าทำตามสิ คือเราสงสัยว่าถ้าเราเจอเรื่องหนักหนาขนาดนี้หรือทนมาหนักหนาขนาดนี้ใครมันจะทนใครจะอดที่จะสวนไปบ้าง เราก็รู้ว่าเราผิด แต่เขารู้บ้างไหมว่าตัวเองผิด กับสิ่งที่ทำกับเรามา
เราเคยภูมิใจมาตลอดว่าเขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ไม่เที่ยวแล้วเราก็คบกันเป็นแฟนได้นานถึง 10 ปีเลย
แต่จริงๆมันเป็นความภูมิใจที่มันเหมือนเป็นภาพลวงตาเหมือนกัน
สุดท้ายเราเหมือนคนโง่จนวินาทีสุดท้าย พอเราเริ่มมีปัญหา เริ่มช่วยเขาไม่ได้ ความเห็นแก่ตัวเขาก็ชัดขึ้น
อะไรที่เตือนได้แล้วเหมือนปรับ ไปมาเตือนไม่ได้ สุดท้ายเขาบอกเขาทนเราไม่ไหว
คือเดี๋ยว เราจะทนไม่ไหวหลายครั้ง มาง้อบอกให้เราทน เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น ที่ผ่านมาเราก็คงโง่มากๆจริงๆ จริงเราดูข่าว คู่รักบ้างคู่เจอเหมือนเราข้อสองข้อ ไม่มีใครยอม เห็นบางคู่เจอปัญหานี้ไม่กีเดือนหลายคู่เลิกกัน ย้อนดูนี่เรื่องเรานี้ เหมือนทุกๆปัญหาของหลายๆคู่ที่เป็นข่าวมารวมกัน ก็ยังทนคบอยู่ตั้งนาน
ก็อยากมาเตือนเพื่อนๆถ้าใครที่อยู่กับแฟนมาหลายปีอยากจะบอกว่าความดีมันควรจะดีเป็นเรื่องๆ อย่างที่เราคบเราเห็นว่าเขาไม่เจ้าชู้ เราก็คิดว่าไม่เจ้าชู้คือดีแต่เขาเอาเปรียบเราตรรกะก็เพี้ยนมันยิ่งบั่นทอนทำให้เรามีชีวิตแย่ลง เราพึ่งมาตาสว่างว่าว่าไม่เจ้าชู้อย่างเดียวมันไม่เพียงพอ เขามาง้อเราก็กลับไปคบทุกครั้ง พอเขาอยากจะเลิกกันเขาบอกว่าทนเราไม่ไหว พูดเหมือนมันเป็นความผิดของเราคนเดียว จะเลิกก็มาเลิกในช่วงเรากำลังแย่เราป่วย งานเรามีปัญหา งานที่เราใช้แบกเขามา2-3ปีได้ กำลังมีปัญหา คิดว่าเขาจะเห็นใจ ไม่เลย
อยากบอกผู้หญิงหลายคนๆ อย่าเชื่อมั่น อย่าไปเชื่อในคำสัญญาว่าสักวันหนึ่งจะตอบแทนกับสิ่งที่เราเคยให้หรือสักวันจะดูแลเรา หรืออย่าเชื่อว่าเราลำบากเพื่อเขา เขาจะยอมลำบากเพื่อเรา
ไปเจออยู่ประโยคนึง ผู้หญิงอย่าไปลำบากเพื่อผู้ชาย เพราะถ้าผู้ชายเขารักผู้หญิงคนนั้นจริงๆเขาไม่มีทางปล่อยผู้หญิงคนนั้นลำบากก็คงจะเป็นเรื่องจริง
แฟนเราก็กลัวตัวเองลำบากกลัวตัวเองเครียดแต่เขาพยายามที่จะพูดให้ตัวเองดูดีตลอดเลยนะว่าเขาห่วงเราเขาไม่อยากให้เราไม่สบายใจ มีปัญหาไรบอกได้ แต่พอมีจริง เขาไม่ขอรับรู้ หรือแกล้งไม่รู้ไปเลย ซึ่งเรารู้จักเขาดีเขาไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น พอเราผ่านปัญหาไปได้ก็ชอบบอกว่าทำไมไม่บอก พอย้อนกลับไปเขาก็แค่พึ่งเราเพราะเขาไม่มีทางเลือกเพราะเขาไม่มีที่พึ่งเขาชอบพูดว่าเขาไม่ชอบทำตัวเป็นภาระใครแต่ชอบพูดเหมือนว่าเราเป็นภาระเขาทั้งที่พอย้อนคิดเขาจะรู้บ้างไหมว่าใครกันแน่ที่เป็นภาระใคร
เราก็หลงเชื่อว่าเขารักเราอยู่ตั้งนานเลยค่ะ พอเขาเริ่มมีรายได้มากขึ้นเราก็ยิ่งเห็นความเห็นแก่ตัวของเขามากขึ้น
นอกจากเขาไม่พยายามที่จะช่วยกันเท่าที่ควรแล้ว ยังทวงบุญคุณกันอีกต่างหาก เขาบอกว่าเรามีทุกอย่างได้เพราะเขา เราก็บอกว่าไม่เคยให้เธอช่วยฟรีเลย ให้ช่วยก็ต้องจ่ายเงินให้ หรือจะให้ช่วยฟรีๆ ก็นับเรื่องได้ เราตั้งหากที่ช่วยเธอทุกอย่างฟรีๆ เช่นแบกเธอมา2-3ปี จนช่องเธอโตขึ้น แล้วเราแย่ลงนี่ไง (บางทีเขาอ้างว่าก็เขาช่วยแล้วไง ตัดหญ้าเดือนละ 1 ครั้ง ช่วยให้อาหารหมาที่เลี้ยงมาด้วยกันเขาว่าเขาถือว่าช่วยแล้ว หรือเราออกหมื่น เขาออกร้อย เขาถือว่าช่วยแล้ว แต่ก่อนเขาไม่มีตรรกกะเพี้ยนหนักขนาดนี้ นี่มันหนักเกินไปจนเราทะเลาะกันบ่อย จนเขามาบอกเลิกเราอ้างว่าทนเราไม่ไหวนั่นละ
ย้อนไปคิด ชีวิตเขาพื้นเพเหมือนถูกสอนมาให้เป็นผู้รับ คือไม่ได้ถูกสอนให้เริ่มจากการพยายามอะไรด้วยตัวเอง ทบทวนดูก่อนที่เขาจะมาทำงานกับเราก่อนที่เขาจะมาอยู่กับเราจริงจังเขาก็หวังให้ญาติที่มีตำแหน่งใหญ่ในบริษัทใช้เส้นสายดันตำแหน่งขึ้นให้เขา แต่ญาติก็ดันโดนย้ายก่อน
และที่บ้านเขา รวมถึงตัวเขา ชอบพูดเหมือนเราจะไปหลอกให้ทำงาน คืองานที่ตกลงจะทำด้วยกัน เวลาเขาอยากทำก็ทำ ก็แบ่งเงินกัน พอไม่อยากทำก็หายไปดื้อๆ เดี๋ยวมาเดี่ยวไป จนงานเสียหาย แต่พอตัวเองไปที่อื่นไม่รอดก็มาให้เราแบก พองานมันดีก็มาอ้างว่าทำมาด้วยกันทวงว่าทำมาด้วยกัน บอกใครว่าทำมาด่วยกันแต่ยกให้เราคนเดียวไรเงี้ยแล้วครอบครัวก็คิดไปในทิศทางนี้
เขาชอบพูดว่าเขาพึ่งพาตัวเองไม่ชอบเป็นภาระใครแล้วก็ชอบพูดว่าทุกคนเป็นภาระเขาเหมือนเขาไม่เคยรู้ตัวเองเลย
จริงๆถ้าเขามีจิตใต้สำนึกของการอยู่ร่วมกันสักนิด ไม่ต้องถึงขั้นคำว่าแฟนมันก็คงไม่มาถึงจุดที่น่าเกลียดขนาดนี้ เราก็คงเป็นเพื่อนที่เคยพึ่งพาอาศัยกัน เพราะเรารู้จักเขาแต่เด็ก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นได้ขนาดนี้ในวันนี้
ภายหลังจากเขาขอเลิกกับเรา เขากลับมาอีกที บอกเขายังรักเราอยู่ ขอเป็นเพื่อนก็ได้ เราเอี้ยนมากแล้วจริงๆ ที่ผ่านมาคงไม่มีไรจริงเลย เราก็ขอตัดขาดดีกว่า ก็มาเตือนหลายๆคน ถ้าเจอแบบนี้อย่าเสียดายว่าคบนาน
ก่อนหน้านี้เราก็เคยเสียดายเราก็ฝืนคบต่อแล้วก็คิดว่าเตือนเขาแล้วเขาคงจะดีขึ้น และเขาก็ดีขึ้นไม่นาน และจริงๆที่เขาฟังเราเพราะเรายังมีผลประโยชน์ต่อเขาพอเริ่มหมดผลประโยชน์เก็เริ่มไม่แคร์ว่าเราเจอปัญหาอะไรไม่แคร์ว่าเราเคยแบกอะไรไม่แคร์ว่าเราเคยช่วยอะไรแถมทวงบุญคุณเราสารพัด ทั้งที่บางทีเราก็งงว่าใครควรจะทวงใคร จริงๆมันผิดตั้งแต่เขาจะทำงานที่เขาชอบแต่จะให้เราแบกภารแล้ว กว่าเราจะตาสว่าง ก็จนเราหมดผลประโยชน์กับเขา จนเขาอยากจะเลิกกับเรา ที่เขาเคยมาง้อไม่ยอมเลิกมาตลอด เพราะตอนนั้นเราแค่มีผลประโยชน์กับเขาอยู่ ไม่ใช่เพราะเขารักเราจริงๆ คนแบบนี้ย้อนคิดแล้วเป็นเพื่อนก็คงไม่ได้ แฟนยิ่งไม่ได้ ไปใหญ่ ก็มาเล่าให้ฟังค่ะ
แฟนทำช่องเกมส์ ไม่มีรายได้ที่แน่นอน ให้เราออกทุกอย่างบอกเราว่าช่วยแบกไปก่อนเดี๋ยวสักวันจะดูแลคืน สุดท้ายเลิก
แฟนกับเราคบมา 10 ปี แต่พึ่งมาอยู่ด้วยกันจะ 4 ปีได้ ไม่ได้แต่งงานกันนะคะ อยู่ด้วยกันเลยทั้งที่ครอบครัวเราถือเรื่องนี้มากแต่ตอนนั้นเราเขาเชื่อเขา แต่ก็โชคดีที่ไม่ได้จดทะเบียนกัน คือเขามาแต่ตัว ไม่มีอะไรมาเลย คือมาอยู่บ้านเรา
ตอนแรกเขาขอให้จดทะเบียน และขอแต่งงาน แต่ขอให้เราออกทุกอย่างไปก่อน ซึ่งเราไม่โอเค เราบอกว่าอยากให้เขาเก็บเงินมาบ้างเงินที่ได้จากการทำงานด้วนกันก็ได้ ไม่ใช่ให้เราออกคนเดียว เขาบอกนั้นไม่ต้องแต่ง จดทะเบียนเฉยๆก็ได้ เขาบอกว่าเขาอยากได้ความมั่นใจว่าเราจะไม่ทิ้งเขา เราไม่ยอม ตอนนั้นทะเลาะกันเป็นเรื่องใหญ่เลย เขางอนเราที่เราไม่ยอมจดทะเบียน และก็กลับมาเคลียสกันและก็คบกันต่อ (ตอนนั้นขอเลิกไปแล้วนะแต่เขามาง้อก็คบต่อ)
ตอนแรกก็ทำงานด้วยกันค่ะแต่เหมือนเขาไม่พอใจรายได้เขาก็ไปทำงานตัวเองเขาก็เลือกไปทำงานที่เขาชอบก็คือช่อง YouTube ทำเกมอะไรของเขาไป ช่วงระหว่างที่เขาทำคือเขาไม่มีรายได้ก็ให้เราจ่ายให้ทุกอย่าง
จนหลังๆเรารู้สึกว่ามันไม่ได้แล้วนะต้องจ่ายบ้างเพราะเราก็รู้สึกว่าเขาจะเคยตัว
เขาก็ถึงได้เริ่มออกเองบ้างส่วนใหญ่ก็เป็นออกเรื่องส่วนตัวของตัวเองจริงๆเช่นเสื้อผ้าตัวเองของใช้ตัวเองบางอย่าง
ของที่ต้องซื้อรายเดือนไม่ว่าจะเป็นของใช้สระผมสบู่ที่ต้องซื้อทุกเดือนที่ใช้ร่วมกัน เราก็เป็นคนออกอยู่คนเดียวรวมถึงค่ากินค่าน้ำค่าไฟเราก็ออกคนเดียว ตอนแรกเราก็รู้สึกว่าเราพอมีกำลังในการหาเงินอยู่ให้เขาเป็นพ่อบ้านก็ได้
แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ทำถึงขนาดนั้นบางอย่างเราต้องคอยช่วยทำเพราะเขาต้องทำงานตัวเองงานที่เขาทำแล้วไม่เห็นรายได้เลยแต่เขาทำเพราะเขาชอบ เขาก็ชอบพูดว่าเดี๋ยวสักวันเขาทำตรงนี้ได้เดี๋ยวเขาจะเลี้ยงคืน ตอนแรกเราก็เชื่อนะ
แต่พอเริ่มมาเรื่อยๆเรานึกดูแล้วแแค่จะเรียงลำดับความสำคัญเขายังเรียงไม่ถูกเลยมันไม่มีทางที่เขาจะมาเลี้ยงเราได้
ไม่หน่ำซ้ำเขาชอบพูดอะไรเหมือนทวงบุญคุณเราตลอดซึ่งตรงนี้ทำให้เราบอกเลิกเขาหลายทีแล้วแต่เขาไม่ยอมเลิก
พอเราพูดแนวๆเดียวกับเขาเขาก็รับไม่ได้ เราก็เลยพูดกับเขาว่าทีเธอพูดอย่างนั้นอ่ะ แฟนเขาก็บอกเราว่าถ้าเธอรู้ว่าไม่ดีก็อย่าทำตามสิ คือเราสงสัยว่าถ้าเราเจอเรื่องหนักหนาขนาดนี้หรือทนมาหนักหนาขนาดนี้ใครมันจะทนใครจะอดที่จะสวนไปบ้าง เราก็รู้ว่าเราผิด แต่เขารู้บ้างไหมว่าตัวเองผิด กับสิ่งที่ทำกับเรามา
เราเคยภูมิใจมาตลอดว่าเขาเป็นคนไม่เจ้าชู้ไม่เที่ยวแล้วเราก็คบกันเป็นแฟนได้นานถึง 10 ปีเลย
แต่จริงๆมันเป็นความภูมิใจที่มันเหมือนเป็นภาพลวงตาเหมือนกัน
สุดท้ายเราเหมือนคนโง่จนวินาทีสุดท้าย พอเราเริ่มมีปัญหา เริ่มช่วยเขาไม่ได้ ความเห็นแก่ตัวเขาก็ชัดขึ้น
อะไรที่เตือนได้แล้วเหมือนปรับ ไปมาเตือนไม่ได้ สุดท้ายเขาบอกเขาทนเราไม่ไหว
คือเดี๋ยว เราจะทนไม่ไหวหลายครั้ง มาง้อบอกให้เราทน เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้น ที่ผ่านมาเราก็คงโง่มากๆจริงๆ จริงเราดูข่าว คู่รักบ้างคู่เจอเหมือนเราข้อสองข้อ ไม่มีใครยอม เห็นบางคู่เจอปัญหานี้ไม่กีเดือนหลายคู่เลิกกัน ย้อนดูนี่เรื่องเรานี้ เหมือนทุกๆปัญหาของหลายๆคู่ที่เป็นข่าวมารวมกัน ก็ยังทนคบอยู่ตั้งนาน
ก็อยากมาเตือนเพื่อนๆถ้าใครที่อยู่กับแฟนมาหลายปีอยากจะบอกว่าความดีมันควรจะดีเป็นเรื่องๆ อย่างที่เราคบเราเห็นว่าเขาไม่เจ้าชู้ เราก็คิดว่าไม่เจ้าชู้คือดีแต่เขาเอาเปรียบเราตรรกะก็เพี้ยนมันยิ่งบั่นทอนทำให้เรามีชีวิตแย่ลง เราพึ่งมาตาสว่างว่าว่าไม่เจ้าชู้อย่างเดียวมันไม่เพียงพอ เขามาง้อเราก็กลับไปคบทุกครั้ง พอเขาอยากจะเลิกกันเขาบอกว่าทนเราไม่ไหว พูดเหมือนมันเป็นความผิดของเราคนเดียว จะเลิกก็มาเลิกในช่วงเรากำลังแย่เราป่วย งานเรามีปัญหา งานที่เราใช้แบกเขามา2-3ปีได้ กำลังมีปัญหา คิดว่าเขาจะเห็นใจ ไม่เลย
อยากบอกผู้หญิงหลายคนๆ อย่าเชื่อมั่น อย่าไปเชื่อในคำสัญญาว่าสักวันหนึ่งจะตอบแทนกับสิ่งที่เราเคยให้หรือสักวันจะดูแลเรา หรืออย่าเชื่อว่าเราลำบากเพื่อเขา เขาจะยอมลำบากเพื่อเรา
ไปเจออยู่ประโยคนึง ผู้หญิงอย่าไปลำบากเพื่อผู้ชาย เพราะถ้าผู้ชายเขารักผู้หญิงคนนั้นจริงๆเขาไม่มีทางปล่อยผู้หญิงคนนั้นลำบากก็คงจะเป็นเรื่องจริง
แฟนเราก็กลัวตัวเองลำบากกลัวตัวเองเครียดแต่เขาพยายามที่จะพูดให้ตัวเองดูดีตลอดเลยนะว่าเขาห่วงเราเขาไม่อยากให้เราไม่สบายใจ มีปัญหาไรบอกได้ แต่พอมีจริง เขาไม่ขอรับรู้ หรือแกล้งไม่รู้ไปเลย ซึ่งเรารู้จักเขาดีเขาไม่ใช่คนโง่ขนาดนั้น พอเราผ่านปัญหาไปได้ก็ชอบบอกว่าทำไมไม่บอก พอย้อนกลับไปเขาก็แค่พึ่งเราเพราะเขาไม่มีทางเลือกเพราะเขาไม่มีที่พึ่งเขาชอบพูดว่าเขาไม่ชอบทำตัวเป็นภาระใครแต่ชอบพูดเหมือนว่าเราเป็นภาระเขาทั้งที่พอย้อนคิดเขาจะรู้บ้างไหมว่าใครกันแน่ที่เป็นภาระใคร
เราก็หลงเชื่อว่าเขารักเราอยู่ตั้งนานเลยค่ะ พอเขาเริ่มมีรายได้มากขึ้นเราก็ยิ่งเห็นความเห็นแก่ตัวของเขามากขึ้น
นอกจากเขาไม่พยายามที่จะช่วยกันเท่าที่ควรแล้ว ยังทวงบุญคุณกันอีกต่างหาก เขาบอกว่าเรามีทุกอย่างได้เพราะเขา เราก็บอกว่าไม่เคยให้เธอช่วยฟรีเลย ให้ช่วยก็ต้องจ่ายเงินให้ หรือจะให้ช่วยฟรีๆ ก็นับเรื่องได้ เราตั้งหากที่ช่วยเธอทุกอย่างฟรีๆ เช่นแบกเธอมา2-3ปี จนช่องเธอโตขึ้น แล้วเราแย่ลงนี่ไง (บางทีเขาอ้างว่าก็เขาช่วยแล้วไง ตัดหญ้าเดือนละ 1 ครั้ง ช่วยให้อาหารหมาที่เลี้ยงมาด้วยกันเขาว่าเขาถือว่าช่วยแล้ว หรือเราออกหมื่น เขาออกร้อย เขาถือว่าช่วยแล้ว แต่ก่อนเขาไม่มีตรรกกะเพี้ยนหนักขนาดนี้ นี่มันหนักเกินไปจนเราทะเลาะกันบ่อย จนเขามาบอกเลิกเราอ้างว่าทนเราไม่ไหวนั่นละ
ย้อนไปคิด ชีวิตเขาพื้นเพเหมือนถูกสอนมาให้เป็นผู้รับ คือไม่ได้ถูกสอนให้เริ่มจากการพยายามอะไรด้วยตัวเอง ทบทวนดูก่อนที่เขาจะมาทำงานกับเราก่อนที่เขาจะมาอยู่กับเราจริงจังเขาก็หวังให้ญาติที่มีตำแหน่งใหญ่ในบริษัทใช้เส้นสายดันตำแหน่งขึ้นให้เขา แต่ญาติก็ดันโดนย้ายก่อน
และที่บ้านเขา รวมถึงตัวเขา ชอบพูดเหมือนเราจะไปหลอกให้ทำงาน คืองานที่ตกลงจะทำด้วยกัน เวลาเขาอยากทำก็ทำ ก็แบ่งเงินกัน พอไม่อยากทำก็หายไปดื้อๆ เดี๋ยวมาเดี่ยวไป จนงานเสียหาย แต่พอตัวเองไปที่อื่นไม่รอดก็มาให้เราแบก พองานมันดีก็มาอ้างว่าทำมาด้วยกันทวงว่าทำมาด้วยกัน บอกใครว่าทำมาด่วยกันแต่ยกให้เราคนเดียวไรเงี้ยแล้วครอบครัวก็คิดไปในทิศทางนี้
เขาชอบพูดว่าเขาพึ่งพาตัวเองไม่ชอบเป็นภาระใครแล้วก็ชอบพูดว่าทุกคนเป็นภาระเขาเหมือนเขาไม่เคยรู้ตัวเองเลย
จริงๆถ้าเขามีจิตใต้สำนึกของการอยู่ร่วมกันสักนิด ไม่ต้องถึงขั้นคำว่าแฟนมันก็คงไม่มาถึงจุดที่น่าเกลียดขนาดนี้ เราก็คงเป็นเพื่อนที่เคยพึ่งพาอาศัยกัน เพราะเรารู้จักเขาแต่เด็ก ไม่คิดว่าเขาจะเป็นได้ขนาดนี้ในวันนี้
ภายหลังจากเขาขอเลิกกับเรา เขากลับมาอีกที บอกเขายังรักเราอยู่ ขอเป็นเพื่อนก็ได้ เราเอี้ยนมากแล้วจริงๆ ที่ผ่านมาคงไม่มีไรจริงเลย เราก็ขอตัดขาดดีกว่า ก็มาเตือนหลายๆคน ถ้าเจอแบบนี้อย่าเสียดายว่าคบนาน
ก่อนหน้านี้เราก็เคยเสียดายเราก็ฝืนคบต่อแล้วก็คิดว่าเตือนเขาแล้วเขาคงจะดีขึ้น และเขาก็ดีขึ้นไม่นาน และจริงๆที่เขาฟังเราเพราะเรายังมีผลประโยชน์ต่อเขาพอเริ่มหมดผลประโยชน์เก็เริ่มไม่แคร์ว่าเราเจอปัญหาอะไรไม่แคร์ว่าเราเคยแบกอะไรไม่แคร์ว่าเราเคยช่วยอะไรแถมทวงบุญคุณเราสารพัด ทั้งที่บางทีเราก็งงว่าใครควรจะทวงใคร จริงๆมันผิดตั้งแต่เขาจะทำงานที่เขาชอบแต่จะให้เราแบกภารแล้ว กว่าเราจะตาสว่าง ก็จนเราหมดผลประโยชน์กับเขา จนเขาอยากจะเลิกกับเรา ที่เขาเคยมาง้อไม่ยอมเลิกมาตลอด เพราะตอนนั้นเราแค่มีผลประโยชน์กับเขาอยู่ ไม่ใช่เพราะเขารักเราจริงๆ คนแบบนี้ย้อนคิดแล้วเป็นเพื่อนก็คงไม่ได้ แฟนยิ่งไม่ได้ ไปใหญ่ ก็มาเล่าให้ฟังค่ะ