เรื่องของเรื่องคือเรามีพี่สาว พี่สาวแต่งงานแล้ว จดทะเบียนสมรสแล้ว คบกันมาหลายปี จนตอนนี้กำลังท้อง ขอแทนสามีพี่เขาว่าแฟนพี่
ย้อนไปก่อนหน้าที่ที่รู้ว่าท้องใหม่ๆ พี่เราทะเลาะกับแฟนเขาในเรื่องของแม่แฟน อดทนกันมามากมาย วันหนึ่งพี่สาวให้สามีเขาเลือกว่าจะเลือกแม่หรือเมีย แฟนเขาเอนเอียงไปทางแม่ พี่สาวเราเลยเลือกจะตัดเองเพราะทนกับแม่แฟนไม่ได้แล้ว คืนที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายคือทะเลาะกันจนผู้ชายพูดว่า กูไม่ได้รักแล้ว เพราะถึงทำให้กูทะเลาะกับแม่กู น้องกู กูไม่ได้รักแล้ว ทีนี้มีการจิกหัวพี่เรา ผลักพี่เราและบอกให้พี่เราออกไปจากคอนโด แต่พี่เราไม่มีทางไปเลยขอว่าขอเป็นคนอยู่คอนโดต่อได้ไหม แฟนเขาเลยบอกว่ากราบกูสิ เผื่อกูจะใจอ่อน พี่เราก็ยอมกราบและแฟนพี่เราเป็นคนออกไปจากห้องคืนนั้นเลย (เรารับไม่ได้ตั้งแต่ทำร้ายร่างกายพี่เรา) เช้าวันต่อมาแม่แฟนโทรมาหาพี่ว่าให้พี่จ่ายค่าคอนโดคืนลูกชายเขา และเดี๋ยวลูกชายเขาจะเข้ามาเก็บของในห้องตอนพี่เราออกไปทำงาน ปรากฏว่าเก็บของของเขาคือ เก็บจริงๆเก็บเสร็จไปแจ้งนิติด้วยว่าห้องที่เขาอยู่ เขาจะออกแล้ว ถ้าพี่เรายังอยู่ให้เปลี่ยนสัญญาและไปเก็บมัดจำใหม่กับพี่เราเอง เขาจะไม่รับผิดชอบค่าอะไรในคอนโดอีก พร้อมกับถอนคีย์การ์ดเข้าคอนโด เอาเงินมัดจำคืน พี่เรากลับมาคอนโดตอนตี 4 เพราะออกเวรดึกและวันนั้นฝนตก กลายเป็นว่าพี่เรานั่งเปียกอยู่ล๊อบบี้จนถึง 9 โมงเพราะขึ้นข้างบนไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นในตอนพี่เราท้อง 2 เดือนกว่า แฟนพี่เขาก็รู้ว่าท้องอยู่ พี่เราจัดการทุกอย่างแบบทุลักทุเลแต่ก็จัดการนัดวันหย่าให้มาหย่า ตั้งใจอย่างหนักแน่นว่าถ้าลูกจะไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร พอถึงวันนัดหย่าปรากฏว่าผู้ชายไปบวชและไม่มาตามนัด จึงเกิดการฟ้องหย่าขึ้น วันที่ศาลนัดกลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้ที่ทำร้ายพี่เรา บอกกับศาลว่าไม่ต้องการหย่า เพราะไม่ได้หนีและพร้อมรับผิดชอบลูกและเมียทุกอย่าง เหตุผลที่ไม่สมควรหย่าคือ เขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยพี่เราเลี้ยงลูกได้ ลูกก็ลูกเขา พี่เรานอกจากเราก็ไม่มีใครแล้ว (พ่อแม่เสียหมดแล้ว)เพราะฉะนั้นเขาต้องการโอกาสที่จะมาดูแลพี่เรา ซึ่งศาลก็มีคำสั่งยังไม่ให้หย่าแต่ให้กลับไปคุยและรอลูกคลอดออกมาเพื่อตกลงกันอีกครั้ง แต่เรารู้สึกขยะแขยงผู้ชายคนนี้ไปแล้ว เรารังเกียจเขาที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นกับพี่เราแต่ก็ยอมรับในคำตัดสิน จนเวลาผ่านมาตอนนี้พี่เราท้องได้ 7-8 เดือน ในระหว่างการท้องพี่เราไปหาหมอเขาจะไปคนเดียวแต่ขอเงินค่าหาหมอจากแฟนซึ่งทุกครั้งมันไม่พอจ่ายแต่พี่เราเลือกจะไม่ขอเพิ่มเพราะทุกครั้งที่ขอผู้ชายคนนี้จะขอพี่เราคืนดีด้วย โดยการบอกว่าขอกลับมาอยู่ด้วยได้ไหม จะไม่ทำให้ลำบากแบบนี้อีก ถ้าอยากได้อะไร อะไรต้องจ่ายก็จะทำให้สบายเหมือนเดิมแต่พี่เราปฏิเสธมาตลอด จะให้รับผิดชอบแค่ลูกแต่ก็ไม่กล้าขอเงินใช้ตลอด และสิ่งที่เรากลัวก็มาถึงคือวันที่เราคิดว่าวันนึงพี่เราน่าจะยอมกลับไปคืนดีด้วยซึ่ง ณ วันนี้มันยังไม่ถึงตอนนั้นหรอกแต่เราก็ดูออกว่าพี่เรากำลังจะใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เราไม่สบายใจจนเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อน เราคิดว่าเรารับพฤติกรรมที่ผ่านมาไม่ได้ของผู้ชายคนนี้ ถ้าพี่เราจะกลับไปคืนดีด้วย เราก็คงรับไม่ได้ เพื่อนเราพูดประโยคนึงเพื่อเตือนสติว่า "นั่นมันชีวิตพี่เขา เรื่องของเขา ในท้องก็ลูกของเขา ถ้าเงินไม่พอแล้วพี่เราจะกล้าหรือไม่กล้าบอกพ่อของลูก หรือ พ่อมันจะไม่ถามสักคำว่าเงินพอหรือไม่พอนั่นมันก็ลูกของเขา" เป็นประโยคที่เราฟังแล้วหน้าชาเพราะจริงๆมันก็เรื่องของเขา ทำให้ฉุดคิดได้ว่าหรือเราจะก้าวก่ายมากเกินไปจริงๆ แต่พอเรากลับมาคิดทบทวนเราก็ไม่สามารถจะรับผู้ชายคนที่ทำร้ายพี่เราได้ขนาดนั้นมาเป็นพี่เขยเราได้อีก แต่ถ้าเขากลับมาดีกันจนลูกคลอด เราจะจัดการความคิด ความรู้สึกของตัวเองยังไงดี ที่ต้องเห็นผู้ชายคนที่เคยให้พี่เรากราบเท้าแต่สุดท้ายมันก็บีบพี่เราให้ออกจากคอนโดที่เช่าด้วยกัน กลับมาดูแล กลับมาอยู่กับพี่เรา หลานเรา เอาดีดีแค่คิดเราก็รับไม่ได้แล้ว เราเกลียด
ทำใจไม่ได้ถ้าแฟนเก่าของพี่จะกลับมาคืนดีกัน
ย้อนไปก่อนหน้าที่ที่รู้ว่าท้องใหม่ๆ พี่เราทะเลาะกับแฟนเขาในเรื่องของแม่แฟน อดทนกันมามากมาย วันหนึ่งพี่สาวให้สามีเขาเลือกว่าจะเลือกแม่หรือเมีย แฟนเขาเอนเอียงไปทางแม่ พี่สาวเราเลยเลือกจะตัดเองเพราะทนกับแม่แฟนไม่ได้แล้ว คืนที่เป็นฟางเส้นสุดท้ายคือทะเลาะกันจนผู้ชายพูดว่า กูไม่ได้รักแล้ว เพราะถึงทำให้กูทะเลาะกับแม่กู น้องกู กูไม่ได้รักแล้ว ทีนี้มีการจิกหัวพี่เรา ผลักพี่เราและบอกให้พี่เราออกไปจากคอนโด แต่พี่เราไม่มีทางไปเลยขอว่าขอเป็นคนอยู่คอนโดต่อได้ไหม แฟนเขาเลยบอกว่ากราบกูสิ เผื่อกูจะใจอ่อน พี่เราก็ยอมกราบและแฟนพี่เราเป็นคนออกไปจากห้องคืนนั้นเลย (เรารับไม่ได้ตั้งแต่ทำร้ายร่างกายพี่เรา) เช้าวันต่อมาแม่แฟนโทรมาหาพี่ว่าให้พี่จ่ายค่าคอนโดคืนลูกชายเขา และเดี๋ยวลูกชายเขาจะเข้ามาเก็บของในห้องตอนพี่เราออกไปทำงาน ปรากฏว่าเก็บของของเขาคือ เก็บจริงๆเก็บเสร็จไปแจ้งนิติด้วยว่าห้องที่เขาอยู่ เขาจะออกแล้ว ถ้าพี่เรายังอยู่ให้เปลี่ยนสัญญาและไปเก็บมัดจำใหม่กับพี่เราเอง เขาจะไม่รับผิดชอบค่าอะไรในคอนโดอีก พร้อมกับถอนคีย์การ์ดเข้าคอนโด เอาเงินมัดจำคืน พี่เรากลับมาคอนโดตอนตี 4 เพราะออกเวรดึกและวันนั้นฝนตก กลายเป็นว่าพี่เรานั่งเปียกอยู่ล๊อบบี้จนถึง 9 โมงเพราะขึ้นข้างบนไม่ได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นในตอนพี่เราท้อง 2 เดือนกว่า แฟนพี่เขาก็รู้ว่าท้องอยู่ พี่เราจัดการทุกอย่างแบบทุลักทุเลแต่ก็จัดการนัดวันหย่าให้มาหย่า ตั้งใจอย่างหนักแน่นว่าถ้าลูกจะไม่มีพ่อก็ไม่เป็นไร พอถึงวันนัดหย่าปรากฏว่าผู้ชายไปบวชและไม่มาตามนัด จึงเกิดการฟ้องหย่าขึ้น วันที่ศาลนัดกลายเป็นว่าผู้ชายคนนี้ที่ทำร้ายพี่เรา บอกกับศาลว่าไม่ต้องการหย่า เพราะไม่ได้หนีและพร้อมรับผิดชอบลูกและเมียทุกอย่าง เหตุผลที่ไม่สมควรหย่าคือ เขาเป็นคนเดียวที่จะช่วยพี่เราเลี้ยงลูกได้ ลูกก็ลูกเขา พี่เรานอกจากเราก็ไม่มีใครแล้ว (พ่อแม่เสียหมดแล้ว)เพราะฉะนั้นเขาต้องการโอกาสที่จะมาดูแลพี่เรา ซึ่งศาลก็มีคำสั่งยังไม่ให้หย่าแต่ให้กลับไปคุยและรอลูกคลอดออกมาเพื่อตกลงกันอีกครั้ง แต่เรารู้สึกขยะแขยงผู้ชายคนนี้ไปแล้ว เรารังเกียจเขาที่ทำพฤติกรรมแบบนั้นกับพี่เราแต่ก็ยอมรับในคำตัดสิน จนเวลาผ่านมาตอนนี้พี่เราท้องได้ 7-8 เดือน ในระหว่างการท้องพี่เราไปหาหมอเขาจะไปคนเดียวแต่ขอเงินค่าหาหมอจากแฟนซึ่งทุกครั้งมันไม่พอจ่ายแต่พี่เราเลือกจะไม่ขอเพิ่มเพราะทุกครั้งที่ขอผู้ชายคนนี้จะขอพี่เราคืนดีด้วย โดยการบอกว่าขอกลับมาอยู่ด้วยได้ไหม จะไม่ทำให้ลำบากแบบนี้อีก ถ้าอยากได้อะไร อะไรต้องจ่ายก็จะทำให้สบายเหมือนเดิมแต่พี่เราปฏิเสธมาตลอด จะให้รับผิดชอบแค่ลูกแต่ก็ไม่กล้าขอเงินใช้ตลอด และสิ่งที่เรากลัวก็มาถึงคือวันที่เราคิดว่าวันนึงพี่เราน่าจะยอมกลับไปคืนดีด้วยซึ่ง ณ วันนี้มันยังไม่ถึงตอนนั้นหรอกแต่เราก็ดูออกว่าพี่เรากำลังจะใจอ่อนให้ผู้ชายคนนี้อีกครั้ง เราไม่สบายใจจนเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาเพื่อน เราคิดว่าเรารับพฤติกรรมที่ผ่านมาไม่ได้ของผู้ชายคนนี้ ถ้าพี่เราจะกลับไปคืนดีด้วย เราก็คงรับไม่ได้ เพื่อนเราพูดประโยคนึงเพื่อเตือนสติว่า "นั่นมันชีวิตพี่เขา เรื่องของเขา ในท้องก็ลูกของเขา ถ้าเงินไม่พอแล้วพี่เราจะกล้าหรือไม่กล้าบอกพ่อของลูก หรือ พ่อมันจะไม่ถามสักคำว่าเงินพอหรือไม่พอนั่นมันก็ลูกของเขา" เป็นประโยคที่เราฟังแล้วหน้าชาเพราะจริงๆมันก็เรื่องของเขา ทำให้ฉุดคิดได้ว่าหรือเราจะก้าวก่ายมากเกินไปจริงๆ แต่พอเรากลับมาคิดทบทวนเราก็ไม่สามารถจะรับผู้ชายคนที่ทำร้ายพี่เราได้ขนาดนั้นมาเป็นพี่เขยเราได้อีก แต่ถ้าเขากลับมาดีกันจนลูกคลอด เราจะจัดการความคิด ความรู้สึกของตัวเองยังไงดี ที่ต้องเห็นผู้ชายคนที่เคยให้พี่เรากราบเท้าแต่สุดท้ายมันก็บีบพี่เราให้ออกจากคอนโดที่เช่าด้วยกัน กลับมาดูแล กลับมาอยู่กับพี่เรา หลานเรา เอาดีดีแค่คิดเราก็รับไม่ได้แล้ว เราเกลียด