สวัสดีค่ะวันนี้อยากจะมาเขียนรีวิวและมาช่วยเตือนทุกคนจากภัยภายใต้คลีนิคดังที่มีหลายร้อยรีวิว

เริ่มจากที่เราก็สนใจการกำจัดขนเป็นส่วนตัวอยู่แล้วจึงเริ่มหาข้อมูล ในเฟสบุ๊คจึงขึ้นโฆษณามาเยอะมาก จนเราได้มาเจอกับโปรโมชั่นหนึ่งที่ราคาดีมาก พอเราเห็นแน่นอนว่าเราก็พยายามหาข้อมูลของคลีนิคนี้ ในหน้าเว็บก็มีรีวิวซึ่งเป็นภาพของคนที่ทำจริงภายใต้ลิขสิทธิ์ของทางคลีนิคเอง ใน Google maps(ของสาขาที่เราไป) ขึ้นได้ 4.9 ดาวจากคนรีวิว 1,500++ ส่วนในพันทิปเราก็หา ซึ่งหน้าเว็บก็ขึ้นเขียนรีวิวต่างๆไว้แต่ไม่ได้ขึ้นชื่อของคลีนิคนี้เราเลยปล่อยไป ซึ่งเราพลาดเองที่เราละเลยข้อมูลส่วนนี้ไป เราเลยตัดสินใจโอนเงินไปและเริ่มการนัดวันทำกับทางคลีนิค

เราก็ไปถึงก็มีพี่พนักงานเข้าใจคุยค่ะ ให้เรากรอกข้อมูลต่างๆ และเซ็นเอกสาร พอเราเขียนเสร็จ เราก็นึกว่าจะได้เริ่มทำเลยเพราะไปถึงตรงเวลาที่จองไว้พอดี แต่พี่เขาก็พาเดินเข้าไปที่ห้องหนึ่ง เขียนว่าห้องรับรอง ที่มีแต่โซฟา จากนั้นพี่เขาก็เริ่มถามเกี่ยวกับว่ามาครั้งแรกหรอ กังวลเรื่องต่างๆมั้ย เช่น ผิวด่างดำ ต่างๆ เราก็นึกว่านี่คือการคุยเตรียมพร้อมก่อนที่จะเริ่มทำ แต่เปล่าเลย พี่เขาถามไปเรื่อยๆ จนเล่าเรื่องว่า ‘มีลูกค้าเคยทำแล้วเกิดผิวพุพัง ในจุดของน้องสาว ผิวหนังเหี่ยวย่น ไม่สามารถยืนหรือนั่งได้จนต้องได้รับการรักษาที่สถาบันโรคผิวหนัง เนื่องจากทำวิธีการเลเซอร์แบบธรรมดาและไม่ได้รับการบำรุงควบคู่ที่ดี เพราะถ้าเราเลเซอร์อย่างเดียวน้องสาวมีโอกาสที่จะดำคล้ำและเกิดตุ่มหนังไก่ได้’ ‘ทางร้านเราจะมีตัว super nano บำรุงที่สามารถทำควบคู่กันไปด้วยได้ ที่จำช่วยทำให้ผิวขาวกระจ่างใสและไม่เป็นหนังไก่‘

เท่านั้นแหละค่ะ !!!
เรารู้แล้วว่าราคาที่เราซื้อมาจะต้องมีการโดนขายคอร์สเพิ่ม

พี่เขาก็เล่าต่อไปว่ามันดีขนาดไหน และควรที่จะซื้อไปควบคู่กันเพื่อไม่ให้เกิดผิวที่คล้ำและหนังไก่

การเอาชีวิตรอดครั้งที่ 1 
เราเลยถามออกไปตรงๆเลยว่า แล้วที่พี่พูดมาหนูต้องซื้อเพิ่มใช่ไหมคะ แล้วมันราคาเท่าไหร่
พี่เขาก็เปิดตัวแฟ้มที่ถือมาและวงราคาให้เราดู ราคาตกครั้งละ 2,200 บาท ต่อครั้ง! ขอเกริ่นก่อนว่าเราซื้อคอร์สมาสองจุดคือรักแร้และน้องสาว ทั้งสองตำแหน่ง 12 ครั้ง ในราคา 3,280 บาท แต่ถ้าซื้อตัวบำรุงนี้ควบคู่กับคอร์สที่เราทำในทุก 12 ครั้ง 2 ตำแหน่ง ลองคำนวนเล่นๆกันดูค่ะ 

ทั้งหมดต้องจ่ายเพิ่มในราคา 48,000 บาท!!!

เรานั่งชอคเลยค่ะ อยากคิดว่าตัวเองอยู่ในตระกูลในสืบสันดานเนอะ จะได้จ่ายไปได้เลยแบบไม่ต้องคิด แต่ไม่ใช่ค่ะ พอพี่เขาเห็นหน้าเราเขาก็คิดเครื่องคิดเลขแล้วบอกว่าเดี๋ยวพี่ขอราคาพนักงานให้ แล้วบอกว่าพี่ลดให้ได้เหลือ 40,000 บาท เราไม่โอเคอยู่แล้วค่ะ เราก็พูดไปเลยว่า รวมกับที่จ่ายมาหนูต้องจ่ายทั้งหมด 43,280 บาทเลยนะคะ พี่เขาก็ตอบว่า แต่มันคุ้มมากเลยนะคะ สามารถใช้มาบำรุงผิวหน้าได้ด้วยค่ะ เพราะหน้าน้องดูมีจุดด่างดำ เราก็ไม่โอเคค่ะ จนราคาลงไปเรื่อยๆ ลดคอร์ส จ่ายราคามัดจำ ลดเป็นราคาพนักงาน 20,000 … 16,000 … 12,000 บาท เป็นการคุยที่ลากยาวมาก เกือบชม. เรายังก็ไม่โอเค บอกจะขอกลับบ้านแล้วไปคิดก่อน พี่เขาก็ขอออกจากห้องไปคุยกับหัวหน้าให้

การเอาชีวิตรอดครั้งที่ 2

พี่เค้ากลับเข้ามาแล้วก็บอกให้เราเดินตามมาเพื่อที่จะไปรอหน้าห้องทำเลเซอร์ค่ะ! ตอนนั้นเราก็คิดว่าเออพี่เขาคงไปคุยราคามาให้แล้ว และคิดว่าเราโอเคเลยจะมาให้เตรียมตัวทำ เราก็เปลี่ยนรองเท้าเข้ามานั่งในอีกห้องหนึ่งที่จะเห็นเตียง ห้องน้ำต่างๆ จากนั้นพี่เขาก็นั่งคุยกับเราอีกครั้งบอกว่า ถ้างั้นน้องทำ 6 ครั้งก่อนก็ได้แล้วจ่ายมัดจำก่อน ก็คือเป็นเงิน 6,000 บาท จนเราโดนจี้แล้วจี้อีก เราเลยขอโทรปรึกษาคนอื่นค่ะ เราเลยโทรไปหาเพื่อน ซึ่งแน่นอนมันตอบว่าเราโดนหลอกแล้ว นางถามเราว่าทำไมเราซื้อมาในราคา 3พันแต่เราต้องเสียเงินเพิ่มอีกถึงหลายเท่าของราคาที่จ่ายมา ซึ่งเราขอชี้แจงตรงนี้เลยว่า เราถามทางร้านมาก่อนแล้ว ร้านบอกไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมค่ะ มีแค่ค่าบริการโกนขน 50 บาท สามารถดูได้จากในแชทที่แนบมาเลยค่ะ จนสุดท้ายเราบอกว่าเพื่อนมารับแล้วค่ะ จะขอออกไปแล้วกลับแล้ว

การเอาชีวิตรอดครั้งที่ 3

เราเตรียมเดินออกจากห้องเพื่อที่จะกลับแล้วค่ะ เพราะกำลังมีคนมารับ แต่ก็มีพี่พนักงานอีกคนเดินเข้ามา บอกว่าเราสามารถทำได้เลยนะตอนนี้ ห้องเพิ่งว่าง และเปิดเตรียมเครื่องไว้แล้ว แล้วพยายามจะเข้ามาจับตัวเราให้เราถ่ายรูปคู่กับบัตรลูกค้า แต่พี่อีกคนหนึ่งก็เข้ามาห้ามไว้บอกว่าน้องยังไม่สบายใจ ตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกอึกอัดมากๆแล้วน้ำตาคลอแล้วค่ะ อยากออกไปจากตรงนี้แล้ว พี่เค้าก็คุยอีกว่าซื้อตัวบำรุงแค่ครั้งเดียวก็ได้ค่ะ ทำแค่ครั้งนี้ไปก่อน เราที่เสียดายเงินที่จ่ายไปเราอยากได้คืน เพราะคิดแล้วแน่ๆว่าไม่อยากที่จะกลับมาทำที่นี้อีก เราถามออกไปว่าถ้าอย่างงั้นเราไม่ทำแล้วขอเงินคืนเลยได้ไหมคะ พี่อีกคนก็ขึ้นเสียงมาเลยว่า ‘มันจะไปคืนเงินได้ยังไงคะ‘ เรากลัวมากเราเลยบอกงั้นไม่เป็นไรค่ะ แล้วรีบเดินออกมาจากตรงนั้น ในใจคือยอมทิ้งเงิน 3พันทั้งหมดนั้นไปแล้ว จนออกมาตรงด้านหน้าร้านแล้วค่ะ

การเอาชีวิตรอดครั้งที่ 4

มีพี่พนักงานอีกคนค่ะ บอกให้เรานั่งรอตรงนี้ก่อน แล้วเขาก็เข้ามาถามค่ะ โดยมีพนักงานหลายๆคนยืนรุมดูเรา เขาถามว่าน้องพนักงานที่เข้ามาคุยเป็นยังไงบ้าง น้องขายแรงไปรึเปล่า มีอะไรที่ไม่โอเคไหม พี่จะได้เอาไปปรับปรุง ไม่ได้จะถามความรู้สึกเรานะคะ จะถามเกี่ยวกับการขายค่ะว่าทำไมขายเราไม่ได้ พอเราบอกไปว่าเราไม่โอเคกับการที่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เราด้วยน้ำตาคลอเบ้าพร้อมจะร้องไห้แล้วค่ะ แต่พี่เค้าก็ยังจะบอกว่าไม่ต้องบำรุงก็ได้ค่ะ สามารถทำได้เลยค่ะ แล้วก็ยื้อให้เราทำให้ได้ แต่ใครจะยอมเสี่ยงผิวดำและหนังไก่คะ เราเลยบอกต้องกลับแล้ว และเดินออกมาค่ะ

สุดท้ายแล้ว เราก็ไม่ยอมจะเอาเงินคืนให้ได้ค่ะ เราเลยไปศึกษาข้อการค้าขายตรงนี่มาว่าทางร้านผิดไหมที่ขายเราแบบนี่ สรุปคือผิดนะคะ ทางร้านแจ้งมาอย่างชัดเจนว่าไม่มีรายการใดๆเพิ่มเติม แต่พอเรามาถึงร้านเราได้ทราบถึงรายการจ่ายที่จำเป็นจะต้องจ่ายเพิ่ม แสดงว่าทางร้านหมกเม็ดและไม่แจงรายละเอียดให้ครบถ้วนอย่างที่ควรแต่แรก

สุดท้ายนี้เราได้เงินคืนมาค่ะ
ใครมีข้อสงสัยใดๆเพิ่มเติม หรืออยากได้คำแนะนำใดๆสามารถทิ้งคอมเม้นไว้ได้ค่ะ