เราต้องการให้แม่หย่ากับพ่อค่ะ ส่วนเหตุผลนะคะ
1.พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่เคยตีแม่ เมื่อต้องการให้ช่วยอะไรก็จะโวยวายขึ้นมาแล้วแม่ก็จะไปดู และไปช่วยทำงาน ถ้าหาของไม่เจอก็จะโวยวายและแม่จะมาหาของให้
2.ถ้าแม่ให้ช่วยทำอะไรก็จะไม่ค่อยอยากทำ หรือถ้าทำก็ทำแบบประชด พร้อมกับอารมณ์ร้อน ถ้าแม่ถามว่าของที่ซื้อมาเอาวางไว้ตรงไหน ก็จะขึ้นเสียงแล้วบอกว่าไม่รู้ จะไปรู้ได้ยังไงไม่ใช่คนเก็บ
3.งานบ้านไม่เคยช่วยแม่ทำ แม่เป็นคนหาเงินเข้าบ้านเป็นหลัก ตื่นตั้งแต่ 4โมงเช้า มาทำกับข้าวเตรียมไว้มื้อเช้า-กลางวัน ออกบ้านตอน 5 โมง กลับถึงบ้าน 6 โมงเย็น (แม่เป็นแม่ค้า) ตอนเย็นหลังเลิกงานก็การทำกับข้าว หยุดเฉพาะวันเสาร์ มาทำงานบ้าน ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน
4.เวลาที่พ่อเมาแล้วไปรับแม่ที่ตลาด มีหลายครั้งที่รถเกือบชนเพราะขับรถทับเส้นเหลืองกลางถนน (เราก็อยู่ด้วย) และเป็นมาหลายครั้งโชคดีที่ไม่ประสบอุบัติเหตุจริงๆ แล้วแม่จะด่า แต่ก็โดนขึ้นเสียงกลับมา
5.ทุกครั้งที่พ่อขึ้นเสียงแม่เลือกจะเงียบ และแอบไปร้องไห้ทุกครั้ง ถ้าเรามาเห็นก็จะทำเป็นไม่ได้ร้อง
6.พ่อทำไร่ทำนา ปลูกข้าวจ้างคนปลูก ใส่ปุ๋ยจ้าง ตัดหญ้าที่นาจ้าง ลอกคลองจ้าง พัฒนาหมู่บ้านจ้าง หน้าที่หลักคือไปรับส่งแม่ที่ตลาด เช้า-เย็น (แม่ขับรถยนต์เป็น แต่พ่อไม่ให้แม่ขับ แม้จะเมาแค่ไหน เดินยังไม่ตรงแต่ก็ไม่ยอมให้แม่ขับ จนเกือบเกิดอุบัติเหตุหลายรอบ)
7.ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านแม่เป็นคนออก ทั้งค่าน้ำมันรถ ค่าแก๊ส ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าประกันสุขภาพ
เราเคยคุยกับแม่ว่าทำไมไม่หย่าทนอยู่ทำไม ถ้าทนเพื่อลูกไม่ต้องทน หรือทนเพราะกลัวคนเอาไปนินทา (เราอยู่เป็นหมู่บ้านในชนบทบ้านทุกหลังรู้จักกัน เป็นญาติกันแทบทั้งหมู่บ้าน ถ้าผู้หญิงคนไหนมีสามีหลายคนจะโดนนินทา เป็นผู้หญิงไม่มีค่า) แล้วคำตอบของแม่ก็คือการร้องไห้ เราก็เลยไม่ถามต่อ จนตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว พ่อก็แย่กว่าเดิมขึ้นเสียงกับแม่ได้ทุกเรื่อง ไม่ช่วยงาน กินเหล้าทุกวัน วันละเกินครึ่งขวด ค่าใช้จ่ายต่างๆก็เป็นแม่ก็ต้องจ่าย เดี๋ยวนี้มีสั่งของออนไลน์ก็สั่งไปลงที่ตลาดให้แม่จ่ายเงินให้
เมื่อไหร่แม่จะหย่ากับพ่อ
1.พ่อเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ไม่เคยตีแม่ เมื่อต้องการให้ช่วยอะไรก็จะโวยวายขึ้นมาแล้วแม่ก็จะไปดู และไปช่วยทำงาน ถ้าหาของไม่เจอก็จะโวยวายและแม่จะมาหาของให้
2.ถ้าแม่ให้ช่วยทำอะไรก็จะไม่ค่อยอยากทำ หรือถ้าทำก็ทำแบบประชด พร้อมกับอารมณ์ร้อน ถ้าแม่ถามว่าของที่ซื้อมาเอาวางไว้ตรงไหน ก็จะขึ้นเสียงแล้วบอกว่าไม่รู้ จะไปรู้ได้ยังไงไม่ใช่คนเก็บ
3.งานบ้านไม่เคยช่วยแม่ทำ แม่เป็นคนหาเงินเข้าบ้านเป็นหลัก ตื่นตั้งแต่ 4โมงเช้า มาทำกับข้าวเตรียมไว้มื้อเช้า-กลางวัน ออกบ้านตอน 5 โมง กลับถึงบ้าน 6 โมงเย็น (แม่เป็นแม่ค้า) ตอนเย็นหลังเลิกงานก็การทำกับข้าว หยุดเฉพาะวันเสาร์ มาทำงานบ้าน ซักผ้า ทำความสะอาดบ้าน
4.เวลาที่พ่อเมาแล้วไปรับแม่ที่ตลาด มีหลายครั้งที่รถเกือบชนเพราะขับรถทับเส้นเหลืองกลางถนน (เราก็อยู่ด้วย) และเป็นมาหลายครั้งโชคดีที่ไม่ประสบอุบัติเหตุจริงๆ แล้วแม่จะด่า แต่ก็โดนขึ้นเสียงกลับมา
5.ทุกครั้งที่พ่อขึ้นเสียงแม่เลือกจะเงียบ และแอบไปร้องไห้ทุกครั้ง ถ้าเรามาเห็นก็จะทำเป็นไม่ได้ร้อง
6.พ่อทำไร่ทำนา ปลูกข้าวจ้างคนปลูก ใส่ปุ๋ยจ้าง ตัดหญ้าที่นาจ้าง ลอกคลองจ้าง พัฒนาหมู่บ้านจ้าง หน้าที่หลักคือไปรับส่งแม่ที่ตลาด เช้า-เย็น (แม่ขับรถยนต์เป็น แต่พ่อไม่ให้แม่ขับ แม้จะเมาแค่ไหน เดินยังไม่ตรงแต่ก็ไม่ยอมให้แม่ขับ จนเกือบเกิดอุบัติเหตุหลายรอบ)
7.ค่าใช้จ่ายทุกอย่างในบ้านแม่เป็นคนออก ทั้งค่าน้ำมันรถ ค่าแก๊ส ค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าประกันสุขภาพ
เราเคยคุยกับแม่ว่าทำไมไม่หย่าทนอยู่ทำไม ถ้าทนเพื่อลูกไม่ต้องทน หรือทนเพราะกลัวคนเอาไปนินทา (เราอยู่เป็นหมู่บ้านในชนบทบ้านทุกหลังรู้จักกัน เป็นญาติกันแทบทั้งหมู่บ้าน ถ้าผู้หญิงคนไหนมีสามีหลายคนจะโดนนินทา เป็นผู้หญิงไม่มีค่า) แล้วคำตอบของแม่ก็คือการร้องไห้ เราก็เลยไม่ถามต่อ จนตอนนี้ผ่านมาหลายปีแล้ว พ่อก็แย่กว่าเดิมขึ้นเสียงกับแม่ได้ทุกเรื่อง ไม่ช่วยงาน กินเหล้าทุกวัน วันละเกินครึ่งขวด ค่าใช้จ่ายต่างๆก็เป็นแม่ก็ต้องจ่าย เดี๋ยวนี้มีสั่งของออนไลน์ก็สั่งไปลงที่ตลาดให้แม่จ่ายเงินให้