เราเป็นเด็กจบใหม่ ที่เข้ามาทำงานในตำแหน่งเลขาได้ประมาณ 3 เดือน ซึ่งเงินเดือนค่อนข้างดีเลยสำหรับเด็กจบใหม่ ระหว่างเรียนเราทำงานมาเยอะมาก ไม่เคยรู้สึกไม่ชอบงานที่ทำเลย จนกระทั่งเรียนจบแล้วมาทำงานประจำในตำแหน่งเลขา เราบอกตัวเองว่า ลองอีกสักเดือนมาจนถึงเดือนนี้ เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ทุกอย่างดีหมดเลย หัวหน้าดีกับเรามาก เพื่อนร่วมงานก็โอเค เงินก็ดี เนื้องานก็พอทำได้ แต่เราไม่ชอบเนื้องานเลย ไม่ชอบที่ต้องคุยกับหัวหน้าตลอดเวลา ซึ่งเราเข้าใจในตัวงานดี ว่าเลขาคือต้องทำทุกอย่าง รวมถึงการรายงานต่างๆให้หัวหน้ารับทราบ ดูแลทุกๆอย่างในองค์กร (เป็นองค์กรที่เล็กมากๆนะคะ) มีปัญหาเข้ามาไม่ซ้ำอย่างให้เราจัดการ ซึ่งตัวเราไม่ชอบงานแบบนี้เลย วันหยุดที่ตกลงคือเสาร์อาทิตย์ (ซึ่งวันหยุดเราก็ทำงานอยู่ห้องแทบตลอด) ตอนนี้กลายเป็นว่า ให้เรามาทำงานในวันอาทิตย์อีกครึ่งวันเช้า ไม่ได้เงินเพิ่ม เสียค่าเดินทางเพิ่มอีก ทั้งที่เราเข้ามาทำที่นี่เพราะได้หยุดเสาร์อาทิตย์ เราถามตัวเองซ้ำๆว่าเราไม่โอเคตรงไหน คำตอบที่ได้คือ เราไม่โอเคที่เนื้องานมันกินเวลาส่วนตัวเรามากเกินไป มันมีคนที่ทำตรงนี้ได้ดีค่ะเราทราบ ซึ่งมันไม่ใช่เราแล้วตอนนี้ อึดอัดมาก ไม่อยากตื่นไปทำงานเลย รู้สึกไม่มีความสุข ในช่วงเดือนเรากลับไปร้องไห้ทุกวัน เดือนที่2เราต้องไปพบจิตแพทย์ ต้องกินยาอยู่ตลอด จะาออกเราก็ไม่กล้า เพราะถ้าออกเราก็ต้องหาคนมาทำแทนให้เขาด้วย ตำแหน่งเราไม่มีเพื่อนร่วมงานนะคะ มีแค่พนักงานในร้าน 2 คน ส่วนเราเป็นฟีลเลขาและผู้จัดการร้านไปด้วย ไม่มีใครให้ปรึกษา เราควรทำยังไงดีคะ เรากลัวการแจ้งลาออกมากๆ เพราะมันต้องแจ้งล่วงหน้า 1 เดือน ยังต้องติดต่อกับหัวหน้า เรากลัวไปหมดเลยค่ะ เราเป็นคนวิตกกังวลง่ายมากๆ เพื่อนๆพี่ๆที่มีประสบการณ์มาแชร์กันได้นะคะ อยากหาทางออกมากๆ
ทำงานได้ 3 เดือน อยากลาออก แต่ไม่กล้าบอกหัวหน้า