สวัสดีค่ะ เข้าประเด็นเลยนะคะ
คือ เราไม่ค่อยอยากคุยหรืออยู่กับครอบครัวหรือญาติสักเท่าไหร่ค่ะ เวลามีแฟน มีปัญหาชีวิต ปัญหาที่ทำงาน อุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆต่างๆ หรือเวลาที่มีความสุข หรือไม่มีก็ไม่ค่อยอยากเล่า มันดูอกตัญญูรึป่าวคะ? ควรแก้ยังไง?
ย้อนความไปตอนเด็ก
ตั้งแต่เด็กๆประมาณ8-9ขวบ พ่อเสียค่ะ แม่ก็ทำงานคนเดียว มีพี่1คนกำลึงขึ้นม.ปลายด้วยแหละค่ะ ฐานะยากจน ก็เลยตัดสินใจด้วยตนเองไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด เป็นลุงกับป้า ป้าเป็นพี่สาวแท้ๆของแม่เรา แต่ลุงป้าต่างก็ไม่เคยมีลูก เราก็เหมือนเป็นลูกแกไปโดยปริยาย ความรักของลุงป้าก็ออกจะตามใจ ใจดี แต่ไม่ทุกเรื่องค่ะ ป้า ใจดีมาก ตลก ขี้น้อยใจ ยอมลุงตลอด เพราะลุงใหญ่ที่สุดในบ้าน ส่วนลุง แกจะเข้มงวดมาก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผีเข้าผีออก ชอบทำหน้าใหญ่ ทำตัวดูมีเงินแต่จริงๆมีแต่หนี้ก้อนโต ดูพ่อพระอยู่ในศีลธรรม เข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ คือ50%ใจดี อีกที่เหลือก็...
อยู่ที่นี่เหมือนโดนกักบริเวณตลอดเวลา ชอบให้อยู่แต่ในกรอบ อยู่แต่ในบ้าน ตั้งแต่ประถมยันม.ปลายออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนไม่ได้ แค่เลิกเรียนแวะไปห้างซึ่งไม่ไกล และไปกับเพื่อนผู้หญิงจริงๆ เขาก็หาว่าเถลไถล ชีวิตวัยรุ่นที่คนอื่นไปเที่ยวเล่นกัน เราอิจฉาค่ะ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสนั้น จนเราปลงเราเลยอยู่แต่บ้าน เวลาเพื่อนชวนไปเที่ยว ขอลุงค่อนข้างยากค่ะ เลยไม่ไป เราเลยเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว เหงาเก่งค่ะ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าลุงป้าแม่จะพยายามทำตัวร่าเริงนะคะ พอเวลามีแฟน คือแอบมี แต่พอจับได้ลุงก็ไม่พอใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อารมณ์แบบหึงหวงค่ะ แล้วขอยอมรับตรงนี้ว่าเราเคยโดนขืนใจ เคยโดนล่วงละเมิดแบบภายนอก จากผู้เป็นลุงตั้งแต่เด็กเลย บางครั้งเรารู้สึกดีค่ะ ยอมรับว่าไม่ดี แต่โตขึ้นมาหน่อยเรารู้สึกขยะแขยงตัวเองมากๆ และเฟดตัวเองออกมาทุกครั้ง จะไม่พยายามอยู่กัน2ต่อ2 เราก็ไม่กล้าบอกใครไปตรงๆค่ะ คือมันละอายปาก ละอายใจมาก ไม่มีใครเป็นพื้นที่เซฟโซนให้เราขนาดนั้นค่ะ ป้าก็เหมือนรู้นะคะ เพราะป้าไม่ค่อยทำการบ้านกับลุงด้วยปัญหาสุขภาพ เราก็พยายามบอกป้าแต่ก็ไม่ได้เรื่องอะไรค่ะ ทุกวันนี้ก็คือรอชดใช้บาปจากเรื่องนี้อย่างเดียวค่ะ เรารู้สึกเกลียดลุงแต่ถ้าไม่มีเขา ก็คงไม่มีเราตอนนี้ ส่วนแม่เราเครียดกับชีวิตมากพออยู่แล้วค่ะ เราเลยไม่กล้าบอกกับแม่ เอาเป็นว่ามาเล่าเป็นอุทาหรณ์ด้วยค่ะ สำหรับใครที่เจอแบบนี้ก็อยากให้รีบบอกคนในครอบครัวให้รู้เร็วที่สุดยิ่งดี อย่าปล่อยให้ยืดเยื้อ เฟดตัวเองออกมา ระมัดระวังตัวเองเสมอ เพราะมันจะฝังในใจเราไปจนตาย สำหรับเราเรื่องนี้เราแก้อะไรไม่ได้แล้วค่ะ ทำปัจจุบันให้ดีก็พอ อย่าพลาดอีก
จนมาถึงตอนนี้เราเรียนจบมหาลัยแล้วค่ะ ตอนเรียนมหาลัยเราเลือกที่ไกลๆ กู้เงินกยศเรียนและทำพาร์ทไทม์ไปด้วย อยู่ห่างครอบครัวและญาติ ไม่ค่อยได้ติดต่อไป แม่ ลุงป้าก็น้อยใจมากๆที่เราไม่ค่อยโทรหา แล้วตอนนี้เราอยู่หอกับแฟน เราก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนแฟนให้ครอบครัวรู้โต้งๆค่ะ เคยบอกแม่ไปแว๊บๆ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ดูแกก็ไม่ค่อยอยากให้มีแฟนค่ะ เวลาอยู่กับแฟนมันเป็นสิ่งที่เซฟโซนที่สุดแล้วค่ะ เวลาเราเจออะไรแย่ๆที่ทำงาน เราคิดมาก เราทำพลาด แฟนจะพร้อมโอบกอดเราและด่าเราไปด้วย แต่ไม่ใช่เชิงไม่ดีนะคะ เชิงให้กำลังใจตลกๆมากกว่า แฟนเราก็คอยช่วยเหลือการเงินเรา ทางครอบครัวแฟนก็ใจดีค่ะ ความที่ครอบครัวเรามันไม่ได้เซฟโซนขนาดนั้นค่ะ เราเลยไม่ค่อยติดต่อครอบครัวแบบบ้านอื่นเขา เพราะมีแฟนอยู่ด้วย เวลาที่เราจำเป็นต้องโทรหาเพราะคิดว่าไม่ได้ติดต่อมาหลายเดือนแล้วเขาจะสงสัยรึป่าว เราต้องวางแผนว่าต้องโทรตอนที่แฟนไม่อยู่หรือเวลาว่างจากทำงานค่ะ มันดูลำบากรุงรังชีวิตมาก แต่ถ้าเปิดเผยไปโต้งๆก็ไม่รู้ว่าจะโดนเรียกกลับไปบ้านลุงป้ารึป่าว เพราะเขาเริ่มแก่แล้ว และอยากส่งต่อธุรกิจส่วนตัวที่เขาทำอยู่ให้เราสานต่อ แต่เราไม่อยากทำและไม่อยากอยู่ด้วยเลย
คำถามอีกรอบนะคะ
เราควรจัดการปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวทางไกลยังไงดี?
//หากแท็กห้องผิดพลาด พิมวกวน งงๆ ยืดยาวต้องขออภัยด้วยนะคะ
เราควรจัดการปัญหาเกี่ยวกับครอบครัวทางไกลยังไงดี?
คือ เราไม่ค่อยอยากคุยหรืออยู่กับครอบครัวหรือญาติสักเท่าไหร่ค่ะ เวลามีแฟน มีปัญหาชีวิต ปัญหาที่ทำงาน อุบัติเหตุเล็กๆน้อยๆต่างๆ หรือเวลาที่มีความสุข หรือไม่มีก็ไม่ค่อยอยากเล่า มันดูอกตัญญูรึป่าวคะ? ควรแก้ยังไง?
ย้อนความไปตอนเด็ก
ตั้งแต่เด็กๆประมาณ8-9ขวบ พ่อเสียค่ะ แม่ก็ทำงานคนเดียว มีพี่1คนกำลึงขึ้นม.ปลายด้วยแหละค่ะ ฐานะยากจน ก็เลยตัดสินใจด้วยตนเองไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด เป็นลุงกับป้า ป้าเป็นพี่สาวแท้ๆของแม่เรา แต่ลุงป้าต่างก็ไม่เคยมีลูก เราก็เหมือนเป็นลูกแกไปโดยปริยาย ความรักของลุงป้าก็ออกจะตามใจ ใจดี แต่ไม่ทุกเรื่องค่ะ ป้า ใจดีมาก ตลก ขี้น้อยใจ ยอมลุงตลอด เพราะลุงใหญ่ที่สุดในบ้าน ส่วนลุง แกจะเข้มงวดมาก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผีเข้าผีออก ชอบทำหน้าใหญ่ ทำตัวดูมีเงินแต่จริงๆมีแต่หนี้ก้อนโต ดูพ่อพระอยู่ในศีลธรรม เข้าวัดเข้าวาเป็นประจำ คือ50%ใจดี อีกที่เหลือก็...
อยู่ที่นี่เหมือนโดนกักบริเวณตลอดเวลา ชอบให้อยู่แต่ในกรอบ อยู่แต่ในบ้าน ตั้งแต่ประถมยันม.ปลายออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนไม่ได้ แค่เลิกเรียนแวะไปห้างซึ่งไม่ไกล และไปกับเพื่อนผู้หญิงจริงๆ เขาก็หาว่าเถลไถล ชีวิตวัยรุ่นที่คนอื่นไปเที่ยวเล่นกัน เราอิจฉาค่ะ เพราะไม่ค่อยมีโอกาสนั้น จนเราปลงเราเลยอยู่แต่บ้าน เวลาเพื่อนชวนไปเที่ยว ขอลุงค่อนข้างยากค่ะ เลยไม่ไป เราเลยเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว เหงาเก่งค่ะ แต่เวลาอยู่ต่อหน้าลุงป้าแม่จะพยายามทำตัวร่าเริงนะคะ พอเวลามีแฟน คือแอบมี แต่พอจับได้ลุงก็ไม่พอใจ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จนมาถึงตอนนี้เราเรียนจบมหาลัยแล้วค่ะ ตอนเรียนมหาลัยเราเลือกที่ไกลๆ กู้เงินกยศเรียนและทำพาร์ทไทม์ไปด้วย อยู่ห่างครอบครัวและญาติ ไม่ค่อยได้ติดต่อไป แม่ ลุงป้าก็น้อยใจมากๆที่เราไม่ค่อยโทรหา แล้วตอนนี้เราอยู่หอกับแฟน เราก็ไม่ได้เปิดเผยตัวตนแฟนให้ครอบครัวรู้โต้งๆค่ะ เคยบอกแม่ไปแว๊บๆ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรแต่ดูแกก็ไม่ค่อยอยากให้มีแฟนค่ะ เวลาอยู่กับแฟนมันเป็นสิ่งที่เซฟโซนที่สุดแล้วค่ะ เวลาเราเจออะไรแย่ๆที่ทำงาน เราคิดมาก เราทำพลาด แฟนจะพร้อมโอบกอดเราและด่าเราไปด้วย แต่ไม่ใช่เชิงไม่ดีนะคะ เชิงให้กำลังใจตลกๆมากกว่า แฟนเราก็คอยช่วยเหลือการเงินเรา ทางครอบครัวแฟนก็ใจดีค่ะ ความที่ครอบครัวเรามันไม่ได้เซฟโซนขนาดนั้นค่ะ เราเลยไม่ค่อยติดต่อครอบครัวแบบบ้านอื่นเขา เพราะมีแฟนอยู่ด้วย เวลาที่เราจำเป็นต้องโทรหาเพราะคิดว่าไม่ได้ติดต่อมาหลายเดือนแล้วเขาจะสงสัยรึป่าว เราต้องวางแผนว่าต้องโทรตอนที่แฟนไม่อยู่หรือเวลาว่างจากทำงานค่ะ มันดูลำบากรุงรังชีวิตมาก แต่ถ้าเปิดเผยไปโต้งๆก็ไม่รู้ว่าจะโดนเรียกกลับไปบ้านลุงป้ารึป่าว เพราะเขาเริ่มแก่แล้ว และอยากส่งต่อธุรกิจส่วนตัวที่เขาทำอยู่ให้เราสานต่อ แต่เราไม่อยากทำและไม่อยากอยู่ด้วยเลย
คำถามอีกรอบนะคะ