ด้านมืดของคนไทยในออสเตรเลียกับนักเรียนทุนLGBTQ

สวัสดีทุกคนวันนี้เราจะมาบอกเล่าถึงด้านมืดของคนไทยในออสเตรเลีย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่เมืองทาวส์วิลล์ เมืองที่มีสงบอากาศดี ผู้คนน่ารักเป็นที่ตื่นตาตื่นใจของนักเรียนทุนที่ได้มาสัมผัสกับอากาศของเทศนี้ ทั้งวัฒนธรรม ผู้คน รวมถึงคนไทยในทาวส์วิลล์ด้วย แต่ความสวยงามในใจของนักเรียนหญิงที่เป็นLGBTQ คนนี้ต้องดับลงเพราะคนเลวคนนึงที่เป็นคนไทยด้วยกันเอง
ต้องบอกก่อนว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับแฟนของเราเอง เราสองคนเป็นLGBTQ ซึ่งเราสองคนแต่งงานกัน มีสักขีพยานมากมาย ซึ่งที่ต้องเกริ่นตรงนี้เพื่อให้ทราบว่าคนไทยและต่างชาติ ทั้งที่ประเทศไทยและเมืองทาวส์วิลล์ ประเทศออสเตรเลียทราบอยากแน่นอนว่า เเฟนเราเป็นLGBTQ เราสองคนใช้ชีวิตที่ไกลกันแบบนี้ผ่านการวิดีโอคลอ แทบจะ24ชม. แฟนเรามีกำหนดในการเรียนคือ2ปี และตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่4 เดือนจะเรียนจบและกลับประเทศไทย  จากนี้ไปเราขอให้ทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่านเรื่องนี้ให้เกียรติในการคอมเม้นด้วยนะ เพราะเหตุการณ์นี้มันเป็นฝันร้ายในใจของเราและแฟนอย่างมาก  
เริ่มต้นวันสุดสัปดาห์ของอาทิตย์แรกของเดือนสิงหาคม 2567 แฟนของเราออกจากบ้านด้วยความสดใส พร้อมรอยยิ้ม และไม่ลืมทำกิจวัตรที่เค้าจะทำเสมอคือถ่ายรูปตัวเองยืนยิ้มหน้ากระจกส่งไลน์มาให้เราทุกวันว่า ''กำลังออกไปมหาลัยนะคับที่รัก'' เราทำแบบนี้กันทุกวันแม้ในขณะที่ส่งไลน์มานั้นเราทั้งคู่จะยังคงคาสายวิดีโอคลอจากmessenger อยู่ก็ตาม  และวันนี้เป็นวันที่เราส่งตอบแฟนเราไปว่า ''ทำไมวันนี้หล่อจัง'' วันนี้แฟนเราแต่งตัวด้วยเชิ้ตแขนยาวขนาดพอดีตัว ติดกระดุมครบทุกเม็ด กางเกงขาสั้นเสมอเข่า รองเท้าผ้าใบ พร้อมกระเป๋าโน๊ตบุ๊คตัวหนักอีกหนึ่งใบ พร้อมปั่นจักรยานออกไปมหาลัย และนี่คือรอยยิ้มสุดท้ายในวันที่สดใส กับเมืองที่น่าอยู่ ท้องฟ้าที่สดใสกำลังจะมืดดำไม่สวยงาม เหมือนที่ผ่านมา   
แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ที่เมืองทาวส์วิลล์ ลับขอบฟ้าไปแล้วคงไว้แต่แสงไฟ และความมืด สามีเราปั่นจักรยานกลับบ้านด้วยความรีบผ่านป่าที่มืด เส้นทางที่ค่อนข้างเปลี่ยวในยามค่ำคืนของที่เมืองนี้ ดูธรรมดาไปเลยถ้าเทียบกับคืนนี้   ''ไอ้หนู'' ไอ้หนูกลับมาแล้วหรอกลับดึกหรอ? สิ้นเสียงนี้แฟนเริ่มเบาเสียงไอแพดที่กำลังดูเราไลฟ์สดขายของอยู่ และย่อจอที่คลอวีโอเราอยู่ด้วยนั้นไว้มุมซ้ายของไอแพด และด้านหน้าจอไอแพดโดนปัดตต.ที่เราไลฟ์ออกเพราะเสียงมันดัง กลัวว่าเสียงจะแทรกตอนคุยกับน้าผู้ชายเจ้าของบ้านที่เป็นคนไทย ที่แฟนมาเช่าอยู่ แต่ในมุมซ้ายยังคงไว้ที่วิดีโอคลอที่เห็นเรายืนไลฟ์สดและเราก็เห็นแฟนเราผ่านวิดีโอคลอในโน๊ตบุ๊คเช่นกัน  ณ ตอนนี้น้าผู้ชายเจ้าของบ้านได้ยืนอยู่หน้าห้องที่แฟนนอนอยู่แล้ว แฟนเดินออกไปคุยกับชายเจ้าของบ้านคนนี้ตามปกติที่เคยคุย  ชายเจ้าของบ้านกำลังจะออกไปทำงานซึ่งเขาทำงานเป็นคนขับรถ Uber(ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดังแห่งหนึ่งในเมืองทาวส์วิลล์และขายกิจการไปแล้ว) แฟนเราพูดคุยกับเขาตามปกติถึงการเรียนว่าช่วงนี้ เริ่มฝึกงานและถ้าแฟนเราเรียนจบในปลายปีนี้การกลับไทยของแฟนเราหลังจากเรียนจบ แฟนเราจะต้องกลับไปทำงานที่หน่วยงานเดิมซึ่งงานอาจจะหนักขึ้นและการเดินทางไกลมากขึ้นเนื่องจากบ้านของพวกเราอยู่ไกลจากที่ทำงานแฟนมากๆ ชายเจ้าของบ้านจึงบอกว่าจะดูลายมือให้ซึ่งปกติแฟนเราไม่ชอบดูลายมือ แต่ด้วยความเกรงใจ และเคารพนับถือเขาเปรียบเสมือนว่าเขาเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งจึงยอมให้เขาดูลายมือ และเขาก็เริ่มจับมือของแฟนเรา เมื่อยืนดูลายมือบริเวณหน้าห้องเสร็จแล้ว ผู้ชายเจ้าของบ้านก็บอกว่าจะปัดเป่าสิ่งไม่ดีให้แฟนเรา แฟนเราไม่เชื่อเช่นเคยแต่ก็ยอมทำตามที่ผู้ชายเจ้าของบ้านบอก เพื่อจะได้จบและแฟนเราจะได้กลับเข้าห้องเพื่อมาดูเราขายของต่อ การปัดเป่าสิ่งไม่ดีของชายเจ้าของบ้าน คือการให้แฟนเรายืนหันหลังให้เขาแล้วชายเจ้าของบ้าน ก็เริ่มลูบหลังไล่ขึ้นมาที่คอแฟนเรา จนไปจบที่ปลายมือซึ่งก่อนหน้า ชายเจ้าของบ้านได้เข้ามาจับข้อมือ จับใบหน้าเปิดผมด้านหลังของแฟนเรา เพื่อดูลำคอและหาไฝขี้แมงวันตามจุดต่างๆเมื่อลูบไล้ ปัดเป่าสิ่งไม่ดีเสร็จจากนั้นที่บริเวณหน้าห้องชั้น 2 นั่นเองชายเจ้าของบ้านบอกให้แฟนก้าวลงบันไดไป 1 ก้าวในขณะที่เขายืนอยู่บันไดขั้นบนสุดแล้วเขาก็นำมือ มาโอบแฟนเราจากด้านหลังมือและแขนทั้งสองข้างของเขาโอบรัดบริเวณหน้าอกของแฟนเรา อย่างแน่นหลังจากนั้น ชายเจ้าของบ้านจึงยกตัวของแฟนเรา ลอยขึ้นเหนือบันไดแฟนเราตกใจมากจากการโดนโอบรัดหน้าอกและการเอาลำตัวมาแนบจากชายเจ้าของบ้าน นอกจากนี้แฟนเรายังเคยเข้ารับการผ่าตัดบริเวณหลังถ้าหากว่าชายเจ้าของบ้านปล่อยมือ แฟนเราอาจจะตกจากบันไดทันทีและได้รับบาดเจ็บเป็นอันตรายแน่นอนหลังจากนั้น แฟนเราขอให้ชายเจ้าของบ้าน ปล่อยตัวแฟนเราลงที่พื้น ซึ่งแฟนเรากำลังอยู่ในอาการตกใจ ยังไม่ทันที่แฟนจะได้ตกใจเสร็จชายเจ้าของบ้านยังล็อคแขนจากด้านหลังและยกตัวขึ้นครั้งที่2 พร้อมบอกว่าจะยืดหลังให้ แฟนเราร้องขอให้ชายเจ้าของบ้านปล่อยลงเพราะว่าตอนนั้นแฟนเรากลัวอันตราย จนในที่สุดชายเจ้าของบ้านยอมปล่อยแฟนเราลงแต่สั่งให้แฟนเราไปนอนข้างบนเตียง เดี๋ยวจะนวดหลังให้!!!! มาถึงตรงนี้ทุกคนอาจมีข้อสงสัยว่าทำไมแฟนเราถึงไม่ร้องให้คนช่วย หรือหนีออกมา เหตุการณ์ตอนนั้นแฟนเราขวัญกระเจิงไปหมดแล้ว และไม่มีคนอยู่บ้านเลยสักคนทั้งภรรยาของชายเจ้าของบ้าน ลูกชาย ลูกสะใภ้ และมันก็บังเอิญที่แฟนย่อวิดีโอของเราไว้ เพราะในตอนแรกดูไลฟ์สดจอใหญ่ ไปด้วย ชายเจ้าของบ้านไม่รู้ว่าเราเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันคิดว่าเราไม่ได้วิดีโอคลอกับแฟน คิดว่าคงไม่มีใครเห็นความเลวที่มันทำ เหตุการณ์มันเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสิ้นเสียงดังพร้อมออกคำสั่งจากชายเจ้าของบ้าน  ''ไปนอนคว่ำบนเตียงจะนวดหลังให้'' แฟนเราด้วยความกลัวจำเป็นต้องยอมเดินไปนอนคว่าลงบนเตียง ตามคำสั่งของไอ้คนชั่ว โดยมันให้แฟนเราหันหัวมาทางปลายเตียงในขณะนั้นห้องของแฟนเรา เปิดประตูไว้เปิดไฟสว่างเปิดผ้าม่านเปิดหน้าต่างสามารถมองเห็นได้จากภายนอก แต่ปัจจัยเหล่านี้มันไม่ได้ทำให้ ไอ้คนชั่วคนนี้กลัวเลยว่าจะมีใครห็น มันเริ่มเอามือมานวดที่บริเวณลำคอและบ่าของแฟนเรา แต่สิ่งที่แฟนเราเริ่มรู้สึกขยะแขยงคือเป้ากางเกงของมัน ในขณะที่กาลังนวดเอามาชนที่หัวของแฟนเรา ซึ่งแฟนเราได้แต่ก้มหน้าอยู่ด้วยความกลัว และเหมือนโชคร้ายที่แฟนเราปิดไมโครโฟนของแฟนเราที่กำลังวิดีโอคอลกับเราอยู่ เพราะกลัวเสียงรบกวนเราตอนไลฟ์ก่อนหน้านี้ และเบาเสียงวิดีโอของเราไว้ เพราะอย่างที่บอกว่าเกรงใจชายเจ้าของบ้านในตอนแรกที่มาคุยเรื่องเรียน ทำให้ เราเรียกแฟนยังไงแฟนก็ไม่ได้ยิน ในเวลานี้โลกของแฟนเริ่มหยุดหมุน ช็อคและกลัวกับสิ่งที่โดนกระทำเหมือนเป็นการขู่เอาชีวิตบริเวณหน้าห้องตรงบันได จากนั้นไอ้คนชั่วมันสั่งให้แฟนเรานอนหงายจะได้นวดกล้ามเนื้อบริเวณด้านหน้าของไหล่ได้ดี (คำพูดของมันดูดีใช่ไหมหล่ะ สวยหรูไหมกับวงศ์ตระกูลที่บอกว่ามีชื่อเสียงนักหนาในไทย มีอำนาจในเมืองทาวน์สวิลล์เพราะอยู่ที่นี่มาหลายสิบปี) สิ้นเสียงนี้ลง มืออันน่าสกปรกของมันเริ่มพยายามปลดกระดุมเสื้อของแฟนเรา และล้วงเข้ามาเพื่อบีบจับหน้าอก แฟนเรายกมือขึ้นมาปัดป้องมาปิดเอาไว้แต่ด้วยพละกาลังของไอ้คนชั่ว มันดึงมือของแฟนเราออกและเอามือมาบีบหน้าอกของแฟนเราต่อ พร้อมกับบอกว่า
''นี่เป็นการนวดจัดทรงทำให้หน้าอกได้รูปรู้ไหมว่าเขานวดกันแบบนี้ต้องจ่าย 600 ดอลล่าเชียวนะ' น่ารังเกียจมากทั้งคำพูดและการกระทำแฟนเรา ในขณะนั้นคิดว่าจะออกจากสถานการณ์นี้ได้ยังไง ไม่ต้องการให้มันมายุ่งกับหน้าอกของแฟนเรา  ทั้งพยายามปัดป้องและยกผ้ามาปิด ด้วยกำลังของมัน แฟนคิดว่าสู้ไม่ได้แน่มันกดแขนแฟน แต่ในหัวของแฟนถ้าสู้มันอาจจะฆ่า หรือต่อยจนสลบได้ต้องหาวิธีที่ประนีประนอมเกี้ยกล่อมยังไงให้มันยอมหยุดการกระทำตรงนี้ แฟนจึงแกล้งขอเปลี่ยนเป็นนอนคว่ำแทนเพื่อเอาจังหวะนั้นลุกหนี แต่ผิดคลาดมันขึ้นมาคล่อมจากด้านหลังทันที จังหวะนรกที่สุด มันเอามือที่สกปรกของมันลูบไล้ขยำตั้งแต่บริเวณลำคอ หลัง บริเวณด้านข้างหน้าอก ขย้ำไปถึงก้นและปลายเท้า แล้ววนกลับมานวดที่คอ หนีก็หนีไม่ได้ แรงผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกันมาก ''เสื้อมันติด นวดไม่ถึง ปลดกระดุมออกได้ไหม'' เสียงของสัตว์ร้ายมันไม่ยอมหยุดมันยังคงออกกำสั่งต่อ  แฟนเราบอกว่า ''พอแล้วอา....  พอแล้วอา... (พูดชื่อไอ้สารเลวคนนี้) แต่ไอ้ชั่วมันไม่หยุด ไม่ฟังเสียงร้องขอของแฟนเราเลย (มาถึงตรงนี้เราแทบจะพิมพ์ต่อไม่ไหว น้ำตามันไหลเต็มหน้าตาพล่าไปหมด แต่ความเลวของไอ้คนไทยชั่วคนนี้ ชื่อเสียงที่ดังอิทธิพลที่มีในเมืองทาวน์สวิลล์ ประเทศออสเตรเลีย ทุกคนต้องได้รู้ว่าแท้จริงแล้วมันเป็นคนเลวแค่ไหน และจะต้องไม่มีใครตกเป็นเหยื่อรายต่อไป  เปิดบ้านพักรับนักศึกษาไทยที่มาเรียนในทาวน์สวิลล์ เพื่ออะไร ต้องมีคนบอบช้ำ มีตราบาปในชีวิตอีกแค่ไหน) 
เหตุการณ์เลวร้ายยังคงดำเนินต่อ มันยังพยายามเอามือล้วงเข้ามาเพื่อปลดกระดุมเสื้อของแฟนเรา ออกและเอามือล้วงจากด้านหลังจะเข้าไปจับหน้าอกของแฟนเราให้ได้  แฟนฉันเลยโพล่งขึ้นมาว่า ''หลังหนูผ่าตัดต้องระวังอย่างมากหมอห้ามกระทบกระเทือน อย่านั่งทับหลังของหนูแบบนั้น'' แฟนเราพูดอยู่หลายครั้งจนเหมือนมันจะลังเลและยอมลุกออกจากเตียง แฟนรีบฉวยโอกาสนี้รีบลุกขึ้นแล้วติดกระดุมเสื้อและรีบไปที่ iPad แล้วบอกกับไอ้ชั่วนี้ว่า หนูจะต้องคุยกับภรรยาแล้ว !!! หนูจะดูภรรยาขายของหนูจะช่วยภรรยาขายของ ซึ่ง ณ ตอนนั้น ไอ้ชั่วมันไม่รู้ว่าเราเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด มันยังมีหน้ามาพูดว่าเดี๋ยวลงนะให้ แฟนเราตอนนั้นคือยืนตัวแข็งทื่อเหมือนช็อคไปแล้ว มันยังเอามือสกปรกของมันมาลูบหน้าตัวหัวแฟนเราก่อนจะออกไปขับรถ  ใจเราแทบจะขาดจะช่วยแฟนยังไง ภาษาอังกฤษก็พูดไม่เป็น จะโทรหาตำรวจยังไงจะสื่อสารยังไง เราอยู่ไทยจะทำยังไง สุดท้ายแล้วเราต้องโทรหาพี่คนไทยที่เคยมาเรียนที่นี้ช่วยติดต่อพี่คนไทยอีกคนที่ยังอยู่ที่เมืองทาวน์สวิลล์ให้เข้าไปช่วย ช่วงเวลานั้นยอมรับว่ทุกคนตกใจกับเหตุการณ์นี้มาก ช่วงเวลาที่โหดร้ายของคนที่จากบ้านจากเมืองไทยมาเรียนต่างประเทศ แต่กลับโดนคนไทยด้วยกันเองทำร้ายและสร้างตราบาปนี้ให้กับคนคนนึง  มันสมควรแล้วหรอที่คนชั่วคนนี้จะลอยนวล มันสมควรหรอที่นักเรียนที่ได้ทุนรัฐบาลมาจะเจอแบบนี้ มีอะไรที่คุ้มครองเราได้บ้าง มีใครที่ช่วยเราได้บ้างคำตอบคือ ยังไม่มี เราขอความช่วยเหลือไปยังไม่มีใครช่วยเลย แล้วยังไงเรื่องนี้จะถูกลืมไป คนชั่วใช้ชีวิตต่อ แต่เหยื่อมีตราบาปติดตัวตลอดชีวิต ถามว่าทำไมแฟนถึงไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ เพราะแฟนเคารพรักมันเหมือนพ่อ เพราะความไว้ใจ แฟนอยู่บ้านหลังนี้มาจะ2ปี ความสนิท ความนับถือ ความไว้ใจค่อนข้างมีมากเลยไม่คิดว่าคนที่เราเคารพรักจะทำร้ายขนาดนี้ เรากับแฟนยังสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิของพวกเราอยู่พวกเราจะไม่ปล่อยผ่าน และจะต้องไม่มีเหยื่ออีก    เราจะสู้กับอิทธิพลคนไทยในต่างแดนได้ไหม และอีกสิ่งที่เรา2คนได้รู้มาคือคนไทยในทาวน์สวิลล์ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าคนไทยบ้านนี้เค้าอยู่มานานมีอิธิพลและบ้านเค้าไม่เคยมีชื่อเสียงเสียหาย ด่างพร้อย  แล้วเราต้องเป็นเหยื่อหรอนั่นคือคำถาม  ''เราจะไม่ยอมเป็นเหยื่อ'' และจะไม่มีนักเรียนไทยคนไหนต้องโดนแบบเรา  เดี๋ยวจะมาเล่าต่อหลังจากนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่