Trap: แทร็ป
กำกับโดย M. Night Shyamalan
กลับมาอีกครั้งกับ
Trap (2024) ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ
M. Night Shyamalan ในฐานะคนที่ติดตามฟอร์มแกมาหลายเรื่อง ก็อยากมาตามดูว่า ฟอร์มแกจะกลับมาปังหรือไม่
เรื่องย่อ
Trap แทร็ป - Official Trailer
"Cooper Adams" ได้พาลูกไปชมคอนเสิร์ตของศิลปินดัง ทว่าเขากลับค้นพบว่า คอนเสิร์ตนี้ถูกซ้อนด้วยปฏิบัติการล้อมจับฆาตกรชื่อดังของเมือง นั่นทำให้เขากระวนกระวายและต้องหาทางเอาตัวรอดจากตำรวจ
เนื่องจากเขาก็คือ
"ฆาตกรชื่อดัง" คนนั้นนั่นเอง
ความรู้สึกหลังชม
- จุดแรกที่ชอบ คือ
"การสร้าง Tension และอารมณ์ทริลเลอร์" อันเป็นเอกลักษณ์ของ
M. Night Shyamalan
M. Night อาจจะไม่ใช่ผู้กำกับที่ Build อารมณ์ทริลเลอร์ด้วยความฉูดฉาด แกเป็นสายค่อย ๆ ปูเรื่อง ค่อย ๆ บดคนดูทีละเล็กละน้อย พร้อมกับหาทางเฉลยหรือปล่อยจุด Twist สำคัญในช่วงท้าย (บดสำเร็จหรือเซอร์ไพร์สหรือไม่ ขึ้นกับฟอร์มการกำกับในเวลานั้น)
สำหรับ Trap (2024) คาแรคเตอร์หนังมาในโหมดหนังทริลเลอร์คลาสสิค กล่าวคือ เป็นหนังทริลเลอร์ที่ดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาและเหตุการณ์เท่าที่จำเป็น ผสมกับมุมกล้อง การให้แสง และความสามารถของนักแสดงในการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับหนัง (สังเกตว่าจะเห็นฉากโคลสอัพหน้านักแสดงค่อนข้างบ่อย)
ส่วนตัวมองว่า หนังเล่าเรื่องและสร้างบรรยากาศได้ดี แม้จะไม่ได้มีจุดพีคเซอร์ไพร์สตกเก้าอี้หรือลุ้นระทึกในระดับที่นั่งไม่ติด แต่หนังก็ค่อย ๆ บดคนดู ทำให้เราอยากติดตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นไปจนจบว่าจะลงเอยอย่างไร
จึงถือว่าเป็นหนังทริลเลอร์ Old School ที่นับว่าสนุกและน่าสนใจ
- จุดถัดมาที่ประทับใจ คือ การสร้างคอนเซปต์ของหนังด้วยไอเดีย
"Trap" (กับดัก)
Trap มาด้วยลักษณะ
"หนังเงื่อนไข" Condition ต่าง ๆ เกิดจากการวางแผนของตำรวจ และค่อย ๆ บีบตัวละคร เหมือนกับ
"กับดัก"
เราจะได้เห็นกับดักในแต่ละชั้น ซึ่งมีหลายเลเวลที่ถูกดีไซน์มาเพื่อจับฆาตกรรายนี้โดยเฉพาะ
ต้องชมว่า ผู้กำกับสร้างหนังด้วยคอนเซปต์ "กับดัก" ได้สวย พาให้เราต้องไปลุ้นกันว่า "กับดักในเรื่องจะทำงานสำเร็จไหม"
- พาร์ทงานภาพ มุมกล้อง การให้แสง เป็นอีกส่วนที่ทำได้ดี โดยเป็นผลงานของ
"คุณสยมภู มุกดีพร้อม" ที่เคยกำกับภาพให้กับเรื่อง
Call Me by Your Name (2017) และ
Challengers (2024)
ขณะที่ส่วน Production ที่มีการทำคอนเสิร์ตก็เนียนตา มีบรรยากาศและรีแอคชั่นคล้ายกับคอนเสิร์ตจริง
- พาร์ทนักแสดง
Josh Hartnett ที่รับบทเป็น
"อดัม คูเปอร์" แสดงได้เยี่ยม เอาอยู่ ไม่ว่าจะสีหน้าท่าทาง รวมถึงการใช้สายตา ช่วยแบกหนังได้เยอะทีเดียว
- ข้อเสียก็มีบ้าง เช่น แบ็คกราวน์ตัวละครที่ไม่ได้เคลียร์ และมีความไม่สมเหตุสมผล / พล็อตหลวมบางจุด เพื่อให้เรื่องราวบางส่วนไปต่อและคลี่คลายได้
นอกจากนี้ จุด Twist ในเรื่องก็ไม่ได้ถึงขั้นเซอร์ไพร์สเกินคาด บางคนที่คาดหวังไว้เยอะ ก็อาจผิดหวังได้
สรุป
เป็นหนังทริลเลอร์สไตล์คลาสสิคที่ทำงานกับคนดูได้ดี มีเสน่ห์ ไม่น่าเบื่อ นอกจากนี้วิธีการเล่าเรื่องของหนังดูมีลายเซ็นต์น่าศึกษา
อย่างไรก็ตาม ตัวหนังอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนหนังยุคพีคของ M. Night และคะแนนรีวิวสายนักวิจารณ์ดูจะไม่สู้ดีเท่าไร
ส่วนตัวยังรู้สึกค่อนข้างชอบ แต่มองว่า อาจจะไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกคน เพราะ หนังมีลายเซ็นต์เฉพาะทางพอสมควร (นึกถึงภาพเรื่อง
Knock at the Cabin)
ใครสนใจแนะนำเลย !
____________________________________
ป.ล. อีกหนึ่งช่องทางการติดต่อทาง Facebook เผื่อสนใจอยากพูดคุยติดต่อ
Lemon8: BENJI Review
IG: benjireview
Trap (2024) - กับดักจับฆาตกรของ M. Night Shyamalan
กลับมาอีกครั้งกับ Trap (2024) ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ M. Night Shyamalan ในฐานะคนที่ติดตามฟอร์มแกมาหลายเรื่อง ก็อยากมาตามดูว่า ฟอร์มแกจะกลับมาปังหรือไม่
เรื่องย่อ
เนื่องจากเขาก็คือ "ฆาตกรชื่อดัง" คนนั้นนั่นเอง
ความรู้สึกหลังชม
- จุดแรกที่ชอบ คือ "การสร้าง Tension และอารมณ์ทริลเลอร์" อันเป็นเอกลักษณ์ของ M. Night Shyamalan
M. Night อาจจะไม่ใช่ผู้กำกับที่ Build อารมณ์ทริลเลอร์ด้วยความฉูดฉาด แกเป็นสายค่อย ๆ ปูเรื่อง ค่อย ๆ บดคนดูทีละเล็กละน้อย พร้อมกับหาทางเฉลยหรือปล่อยจุด Twist สำคัญในช่วงท้าย (บดสำเร็จหรือเซอร์ไพร์สหรือไม่ ขึ้นกับฟอร์มการกำกับในเวลานั้น)
สำหรับ Trap (2024) คาแรคเตอร์หนังมาในโหมดหนังทริลเลอร์คลาสสิค กล่าวคือ เป็นหนังทริลเลอร์ที่ดำเนินเรื่องด้วยบทสนทนาและเหตุการณ์เท่าที่จำเป็น ผสมกับมุมกล้อง การให้แสง และความสามารถของนักแสดงในการสร้างอารมณ์ร่วมให้กับหนัง (สังเกตว่าจะเห็นฉากโคลสอัพหน้านักแสดงค่อนข้างบ่อย)
จึงถือว่าเป็นหนังทริลเลอร์ Old School ที่นับว่าสนุกและน่าสนใจ
Trap มาด้วยลักษณะ "หนังเงื่อนไข" Condition ต่าง ๆ เกิดจากการวางแผนของตำรวจ และค่อย ๆ บีบตัวละคร เหมือนกับ "กับดัก"
เราจะได้เห็นกับดักในแต่ละชั้น ซึ่งมีหลายเลเวลที่ถูกดีไซน์มาเพื่อจับฆาตกรรายนี้โดยเฉพาะ
ต้องชมว่า ผู้กำกับสร้างหนังด้วยคอนเซปต์ "กับดัก" ได้สวย พาให้เราต้องไปลุ้นกันว่า "กับดักในเรื่องจะทำงานสำเร็จไหม"
- ข้อเสียก็มีบ้าง เช่น แบ็คกราวน์ตัวละครที่ไม่ได้เคลียร์ และมีความไม่สมเหตุสมผล / พล็อตหลวมบางจุด เพื่อให้เรื่องราวบางส่วนไปต่อและคลี่คลายได้
นอกจากนี้ จุด Twist ในเรื่องก็ไม่ได้ถึงขั้นเซอร์ไพร์สเกินคาด บางคนที่คาดหวังไว้เยอะ ก็อาจผิดหวังได้
สรุป
อย่างไรก็ตาม ตัวหนังอาจจะไม่ได้ยอดเยี่ยมเหมือนหนังยุคพีคของ M. Night และคะแนนรีวิวสายนักวิจารณ์ดูจะไม่สู้ดีเท่าไร
ส่วนตัวยังรู้สึกค่อนข้างชอบ แต่มองว่า อาจจะไม่ใช่หนังที่เหมาะกับทุกคน เพราะ หนังมีลายเซ็นต์เฉพาะทางพอสมควร (นึกถึงภาพเรื่อง Knock at the Cabin)
ใครสนใจแนะนำเลย !