1. เข้าใจว่าต้องหินมีหินอยู่ข้างในตา
จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ
โรคต้อหินไม่ได้มีหินอยู่ข้างในตาค่ะ เป็นแค่เพียงแค่ชื่อเรียกของโรคตาเท่านั้น แต่โรคต้อหินเกิดจาก เส้นประสาทตาถูกทำลายทำให้ลานสายตาของเราค่อยๆ แคบลง โดยจะสัมพันธ์กับความดันลูกตาที่สูงขึ้น โดยโรคต้อหินนี้เรียกว่า โรคต้อหิน ก็เพราะว่า คนเป็นต้อหินจะมีความดันลูกตาสูง
มากๆ เมื่อเราไปจับลูกตา จะรู้สึกแข็งๆ จากความดันตาที่สูง ลักษณะคล้ายจับหิน ก็เลยเกิดชื่อเป็นโรคตาต้อหินเกิดขึ้นมานั้นเองค่ะ
ซึ่งโรคต้อหินจะไม่เหมือนกับโรคต้อกระจก คนละโรคกันอย่าสับสนนะคะ
2. คนเป็นโรคต้อหินจะต้องมีอาการปวดตา
คนที่เป็นโรคต้อหิน จะมีความดันลูกตาสูงแต่มีอาการไม่ปวดตาก็มีค่ะ ไม่จำเป็นว่าคนที่เป็นโรคต้อหินจะปวดตาทุกคนนะคะ เพราะคนที่เป็นโรคต้อหิน ที่จะเกิดอาการปวดตาจะต้องมีความดันลูกตาสูงมากๆ บางคนเพิ่งเป็นโรคตาต้อหินจะยังมีอาการความดันลูกตาไม่สูง ก็จะยังไม่มีอาการปวดตาก็มีค่ะ
และคนที่เป็นโรคต้อหินบางคนไม่มีอาการแสดงอะไรเลย อาจจะรู้ตัวอีกทีก็คือ ตอนที่ไปตรวจตากับคุณหมอจักษุแพทย์ โรคต้อหินเป็นโรคตาที่เป็นภัยเงียบค่ะ เพราะบางคนอาจจะเป็นโรคต้อหินแบบไม่รู้ตัวก็มีค่ะ
3. การนวดตาสามารถที่จะรักษาโรคต้อหินได้
การนวดตา เป็นสิ่งที่ผิดมากๆเลยค่ะ
จริงๆ เราไม่ควรนวดตาเลยค่ะ เพราะคนที่เป็นโรคต้อหินแล้วนวดตา จะเป็นการไปเพิ่มให้ความดันลูกตาเพิ่มขึ้นโดยตรง นอกจากจะไม่ได้ช่วยรักษาโรคต้อหินแล้วอาจจะทำให้โรคต้อหินที่เป็นอยู่แย่ลงได้ค่ะ เพราะฉะนั้นการนวดตาจะเป็นสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเลยค่ะ
แต่สิ่งที่ควรทำคือ ควรจะต้องหยอดยาลดความดันลูก ตามที่คุณหมอจักษุแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดค่ะ
4. วิตามินหรืออาหารเสริมบำรุงสายตาสามารถรักษาโรคต้อหินได้
จริงๆ ไม่มีเลยค่ะ
เพราะว่ายังไม่มีงานวิจัยไหนในโลกนี้ ที่มีการวิจัยว่า สารอาหารหรือวิตามินตัวไหนที่สามารถกินแล้วรักษาโรคหินให้หายได้ ไม่อย่างนั้นคุณหมอจักษุแพทย์ทั่วโลก จะนำสารอาหารและวิตามินต่างๆ นำมารักษาโรคตาต้อหิน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเลยค่ะ
5. โรคต้อหินสามารถรักษาและสามารถทำให้มองเห็นชัดขึ้นได้
ไม่ได้ค่ะ
โรคต้อหินเป็นโรคตาที่เส้นประสาทตาถูกทำลาย และค่อยๆ ถูกทำลายลงอย่างช้าๆ ส่วนที่ถูกทำลายไปแล้วจะไม่สามารถกลับคืนมาได้ โรคต้อหินยิ่งรู้ไวยิ่งดีเลยค่ะ เส้นประสาทตาบางส่วนที่ยังไม่ถูกทำลาย จะได้ไม่ส่งผลกระทบถึงตรงนั้น โดยเราจะสามารถป้องกันเส้นประสาทตาส่วนที่ยังไม่ได้ถูกทำลายได้ จะได้ไม่กระทบกับการมองเห็นมากนัก
และถ้าปล่อยให้เป็นโรคต้อหิน เกิดขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงระยะสุดท้าย เส้นประสาทตาจะถูกทำลายเยอะมาก จะทำให้การมองเห็นแย่ลง ลานสายตาก็จะแคบลง สิ่งที่เสียไปจะไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้ ดังนั้นเราควรจะต้องตรวจสุขภาพตาทุกปี ปีละครั้ง จะได้ป้องกันโรคต้อหินได้ทันท่วงทีค่ะ
โดยเฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป แนะนำเช็คสุขภาพตาว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรง อย่างเช่น เป็นโรคตาต้อหิน ทุกคนค่ะ
5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับโรคต้อหิน
จริงๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ
โรคต้อหินไม่ได้มีหินอยู่ข้างในตาค่ะ เป็นแค่เพียงแค่ชื่อเรียกของโรคตาเท่านั้น แต่โรคต้อหินเกิดจาก เส้นประสาทตาถูกทำลายทำให้ลานสายตาของเราค่อยๆ แคบลง โดยจะสัมพันธ์กับความดันลูกตาที่สูงขึ้น โดยโรคต้อหินนี้เรียกว่า โรคต้อหิน ก็เพราะว่า คนเป็นต้อหินจะมีความดันลูกตาสูง
มากๆ เมื่อเราไปจับลูกตา จะรู้สึกแข็งๆ จากความดันตาที่สูง ลักษณะคล้ายจับหิน ก็เลยเกิดชื่อเป็นโรคตาต้อหินเกิดขึ้นมานั้นเองค่ะ
ซึ่งโรคต้อหินจะไม่เหมือนกับโรคต้อกระจก คนละโรคกันอย่าสับสนนะคะ
2. คนเป็นโรคต้อหินจะต้องมีอาการปวดตา
คนที่เป็นโรคต้อหิน จะมีความดันลูกตาสูงแต่มีอาการไม่ปวดตาก็มีค่ะ ไม่จำเป็นว่าคนที่เป็นโรคต้อหินจะปวดตาทุกคนนะคะ เพราะคนที่เป็นโรคต้อหิน ที่จะเกิดอาการปวดตาจะต้องมีความดันลูกตาสูงมากๆ บางคนเพิ่งเป็นโรคตาต้อหินจะยังมีอาการความดันลูกตาไม่สูง ก็จะยังไม่มีอาการปวดตาก็มีค่ะ
และคนที่เป็นโรคต้อหินบางคนไม่มีอาการแสดงอะไรเลย อาจจะรู้ตัวอีกทีก็คือ ตอนที่ไปตรวจตากับคุณหมอจักษุแพทย์ โรคต้อหินเป็นโรคตาที่เป็นภัยเงียบค่ะ เพราะบางคนอาจจะเป็นโรคต้อหินแบบไม่รู้ตัวก็มีค่ะ
3. การนวดตาสามารถที่จะรักษาโรคต้อหินได้
การนวดตา เป็นสิ่งที่ผิดมากๆเลยค่ะ
จริงๆ เราไม่ควรนวดตาเลยค่ะ เพราะคนที่เป็นโรคต้อหินแล้วนวดตา จะเป็นการไปเพิ่มให้ความดันลูกตาเพิ่มขึ้นโดยตรง นอกจากจะไม่ได้ช่วยรักษาโรคต้อหินแล้วอาจจะทำให้โรคต้อหินที่เป็นอยู่แย่ลงได้ค่ะ เพราะฉะนั้นการนวดตาจะเป็นสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดเลยค่ะ
แต่สิ่งที่ควรทำคือ ควรจะต้องหยอดยาลดความดันลูก ตามที่คุณหมอจักษุแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัดค่ะ
4. วิตามินหรืออาหารเสริมบำรุงสายตาสามารถรักษาโรคต้อหินได้
จริงๆ ไม่มีเลยค่ะ
เพราะว่ายังไม่มีงานวิจัยไหนในโลกนี้ ที่มีการวิจัยว่า สารอาหารหรือวิตามินตัวไหนที่สามารถกินแล้วรักษาโรคหินให้หายได้ ไม่อย่างนั้นคุณหมอจักษุแพทย์ทั่วโลก จะนำสารอาหารและวิตามินต่างๆ นำมารักษาโรคตาต้อหิน ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเลยค่ะ
5. โรคต้อหินสามารถรักษาและสามารถทำให้มองเห็นชัดขึ้นได้
ไม่ได้ค่ะ
โรคต้อหินเป็นโรคตาที่เส้นประสาทตาถูกทำลาย และค่อยๆ ถูกทำลายลงอย่างช้าๆ ส่วนที่ถูกทำลายไปแล้วจะไม่สามารถกลับคืนมาได้ โรคต้อหินยิ่งรู้ไวยิ่งดีเลยค่ะ เส้นประสาทตาบางส่วนที่ยังไม่ถูกทำลาย จะได้ไม่ส่งผลกระทบถึงตรงนั้น โดยเราจะสามารถป้องกันเส้นประสาทตาส่วนที่ยังไม่ได้ถูกทำลายได้ จะได้ไม่กระทบกับการมองเห็นมากนัก
และถ้าปล่อยให้เป็นโรคต้อหิน เกิดขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงระยะสุดท้าย เส้นประสาทตาจะถูกทำลายเยอะมาก จะทำให้การมองเห็นแย่ลง ลานสายตาก็จะแคบลง สิ่งที่เสียไปจะไม่สามารถฟื้นกลับคืนมาได้ ดังนั้นเราควรจะต้องตรวจสุขภาพตาทุกปี ปีละครั้ง จะได้ป้องกันโรคต้อหินได้ทันท่วงทีค่ะ
โดยเฉพาะคนที่อายุ 40 ปีขึ้นไป แนะนำเช็คสุขภาพตาว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคร้ายแรง อย่างเช่น เป็นโรคตาต้อหิน ทุกคนค่ะ