แชร์ประสบการณ์ : ครึ่งวันทัวร์... ล่องเรือชมแม่น้ำน้อย อยุธยา


 1. ปกติเวลาไปเที่ยวอยุธยาเรามักนึกถึงโบราณสถานต่างๆ วัดพนังเชิงฯ วัดใหญ่ชัยมงคล วัดสามปลื้ม….. และก๋วยเตี๋ยวเรือ อะไรประมาณนี้ใช่ไหมคะ

2. ถ้ามีโอกาสก็อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวอยุธยาแบบใหม่ดูมั่งค่ะ


3. เราเคยเห็น package ล่องเรือชมแม่น้ำน้อยที่อยุธยาของร้านสุริยันจันทราตาม social media มานานแล้วค่ะ อ่านรายละเอียดแล้วก็ดูน่าสนใจค่ะ  ติดตรงเรื่องราคาเนี่ยแหละค่ะ 13,900 บาทแน่ะ

4. ถ้าเรากับแฟนไปกัน 2 คนนี่ไม่คุ้มอย่างแรงค่ะ โชคดีที่พี่ใน office เราเขาก็เห็นโฆษณาล่องเรือนี้แล้วอยากไปเลยมาชวนเราค่ะ ชวนกันไปชวนกันมาสุดท้ายรวมตัวกันได้ 9 คน ทำให้ราคาต่อหัวถูกลงเยอะลยค่ะ

5. นอกจากนั้นยังมีพี่คนนึงเขาไปซื้อ vouchers package ล่องเรือของที่นี่ได้จากงานไทยเที่ยวไทย (มั้งนะคะ) ราคาเลยยิ่งลดลงไปอีกค่ะ

6. ก่อนอื่นขออนุญาติแจ้งก่อนนะคะว่ากระทู้นี้เราออกตังกันเองนะคะ ไม่ได้ sponsor ใดๆ จากทางร้านนะคะ



7. หลังจากนัดวันกันได้ลงตัวทุกคนก็โทรไปนัดที่ร้านค่ะ แจ้งจำนวนคนไปทางร้านจะได้เตรียมเรือ เตรียมอาหารของว่าง และเครื่องดื่มได้ถูกค่ะ

8. ที่ร้านเขานัดประมาณ 9 โมงครึ่งค่ะ แต่เราออกจากบ้านแต่เช้าไปเดินเล่นที่วัดสีกุกก่อนค่ะ



9. คาดว่าวัดสีกุกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา บริเวณวัดเป็นที่ตั้งค่ายทหารพม่าก่อนเสียกรุงครั้งที่ 2 ค่ะ เห็นบอกว่ามีไพร่พลมากถึง 30,000 คนเลย (บางเวปก็บอกว่า 20,000 คนนะคะ) มีมังมหานรธาเป็นแม่ทัพคุมค่ายค่ะ

10. ตอนเสียกรุงครั้งที่ 2 พม่ายกทัพมา 2 สายเพื่อปิดล้อมกรุงศรีอยุธยาค่ะ ทัพของมังมหานรธามาถึงก่อนและตั้งค่ายอยู่ที่วัดสีกุกค่ะ ส่วนสายที่ 2 นำทัพโดยเนเมียวสีหบดีตามมาสมทบในปีเดียวกันค่ะ

11. ก่อนเดินทัพถึงอยุธยาทัพพม่าทั้ง 2 ทัพไล่ตีหัวเมืองหลักรอบนอกมาตลอดทางค่ะ ทำให้หัวเมืองเหล่านี้ไม่สามารถยกทัพมาช่วยอยุธยาได้ค่ะ

12.  อยุธยาเลยใช้แผนเดิมที่เคยใช้มาตลอดเวลาพม่ายกทัพมาตีคืออาศัยกำแพงเมืองที่แข็งแกร่งการตั้งรับศัตรูรอน้ำท่วมตอนฤดูฝนทัพพม่าก็จะถอยทัพไปเองเหมือนทุกครั้งค่ะ

13. แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่ฝ่ายอยุธยาคิดค่ะ ฝ่ายพม่าเตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วมมาเป็นอย่างดีค่ะเลยไม่ถอบทัพกลับไป ปิดล้อมอยูธยาอยู่นานถึง 14 เดือนเลย…..



14. แรกๆ อยุธยาก็อยู่ได้เพราะเตรียมเสบียงเตรียมน้ำไว้เยอะ แต่ไม่ได้คาดว่าจะโดนปิดล้อมนานถึงขนาดนี้ค่ะ เสบียงเริ่มร่อยหลอ สถานะการณ์ขับขันขึ้นเรื่อยๆ

15. 3 เดือนก่อนเสียกรุงฯ พระยาตากเห็นท่าไม่ดีเลยตีฝ่าวงล้อมไปตั้งหลักแถวๆ จันทบุรีอย่างที่เรารู้กันค่ะ



16. และก่อนเสียกรุงฯ ไม่กี่เดือนมังมหานรธากลับล้มป่วยลงจนเสียชีวิตในค่ายสีกุกแห่งนี้ค่ะ ว่ากันว่าศพของมังมหานรธาถูกฝังไว้ใต้เจดีย์ในรูปค่ะ

17. ส่วนอยุธยาแตกเพราะเนเมียวสีหบดีสั่งให้ทหารขุดอุโมงค์ให้ถึงฐานกำแพงเมืองแล้วจุดไฟเผาฐานกำแพงจนกำแพงเมืองพังลงมาแล้วนำทัพเข้าตีจนอยุธยาแตกพ่ายค่ะ



18. จากวัดสีกุกไปต่อกันที่ล่องเรือชมแม่น้ำน้อยค่ะ เราขึ้นเรือที่ร้านสุริยันจันทราค่ะ ร้านอยู่ไม่ไกลจากวัดสีกุก แค่ข้ามแม่น้ำก็ถึงแล้วค่ะ



19. เดิมทีร้านนี้เป็นโรงสีเก่าค่ะ ด้านในยังมีเครื่องสีข้าวโบราณตั้งไว้อยู่เลย แต่ยังใช้ได้หรือเปล่านี่ไม่รู้เหมือนกันค่ะ



20.  กลุ่มเรามาถึงก่อนเวลาออกเรือประมาณครึ่งชม.ค่ะ ทางร้านให้ขึ้นไปรอบนเรือนใหญ่ข้างๆ โรงสีข้าวค่ะ



21. บริเวณร้านมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นเลยค่ะ บรรยากาศร่มรื่นมากกกกกกก...... 

22. บนเรือนใหญ่มีเครื่องดื่มและอาหารว่างไว้ให้กินเพลินๆ รอทางจนท.เตรียมเรือค่ะ
 
23. อาหารว่างจะเป็นพวกขนมไทยๆ เช่น ทองหยอด ฝอยทอง ฝรั่งหรือชมพู่จิ้มพริกกะเกลือ ตะโก้...... ประมาณนี้ค่ะ
 
24. ถ้าใครกลัวเมาเรือก็ขอยาแก้เมาเรือจากทางร้านได้ค่ะ ที่ร้านมีเตรียมไว้ให้
 
25. เรือนที่ทางร้านให้ขึ้นมานั่งรอสร้างจากไม้ทั้งหลังค่ะ เป็นเรือนไทยยกสูงหนีน้ำแบบบ้านที่อยู่ริมแม่น้ำสมัยก่อนโน้นค่ะ
 



26. นั่งเล่นได้สักพักนึงก็ถึงเวลาขึ้นเรือค่ะ

27. บนเรือไม่มีห้องน้ำนะคะ 

28. ทางร้านจะเรียกไปลงเรือทีละกลุ่มค่ะ วันที่เราไปมีทั้งหมด 3 กลุ่มรวมกลุ่มเราด้วยค่ะ

29. เรือลำใหญ่พอสมควรเลยค่ะ อย่างลำของเรามีกลุ่มเรา 9 คนและจนท.อีก 3 คนค่ะ เป็นคนขับเรือ ผู้ช่วยคนขับ และพนง.เสริฟอีก 1 ค่ะ

30. ใช้เวลาล่องเรืองทั้งหมดประมาณ 2 - 3.5 ชม.  ขึ้นอยู่กับความแรงของกระแสน้ำค่ะ



31. บนเรือมีของว่างและน้ำไว้ให้บริการอีกเช่นกันค่ะ

32. แน่นอนว่าของว่างต้องเป็นขนมไทยค่ะ เท่าที่จำได้ก็จะมีขนมถ้วย สาคูไส้หมู ข้าวตังหน้าตั้ง เมี่ยงคำ ผลไม้รวม ส่วนเครื่องดื่มก็มีทั้งน้ำอัดลมและน้ำผลไม้ค่ะ

33. ตาม program จะมีแวะไหว้พระ 2 วัดจากนั้นก็กลับมากินข้าวกลางวันที่ร้านค่ะ อย่ากินของวางบนเรือเยอะนะคะเดี๋ยวกินข้าวกลางวันไม่ลงค่ะ



34. กินของว่างไปเม้าท์ไปนี่ก็เพลินดีเหมือนกันนะคะ

35. วันที่เราไปแดดแรงค่ะ โชคดีตรงที่มีลมตลอดทางทำให้ไม่ร้อนค่ะ



36. วัดแรกที่แวะคือวัดบางปลาหมอ ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาทีค่ะ

37. พอเรือเทียบท่าเรียบร้อยผู้ช่วยคนขับเรือจะเป็นไกด์ให้เราด้วยค่ะ

38. ไกด์จำเป็นเล่าให้ฟังว่าวัดบางปลาหมอเป็นวัดที่หลวงพ่อสุ่นจำพรรษาอยู่ค่ะ

39. หลวงพ่อสุ่นเป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อปานและหลวงพ่อจงค่ะ

40. ส่วนหลวงพ่อปานก็เป็นพระอาจารย์ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ หลวงพ่อฤาษีลิงขาว และหลวงพ่อฤาษีลิงเล็กค่ะ



41. ด้านหลังศาลาหลวงพ่อสุ่นเขากำลังบูรณะกุฏิอยู่ค่ะ ให้ดูความสูงของกุฏิที่เขายกหนีน้ำค่ะ ท่าทางจะท่วมสูงอยู่

42.  หลังจากไหว้หลวงพ่อสุ่นเสร็จก็นั่งเรือไปวัดบางโคนมของหลวงพ่อปานกันต่อค่ะ




43. นั่งเรืออีกประมาณครึ่งชม.ค่ะ

44. หลวงพ่อสุ่นเป็นคนส่งหลวงพ่อปานมาบูรณะวัดบางโคนมค่ะ 

45. ไกด์พาเราไปนมัสการหลวงพ่อปานก่อนปล่อยให้เราเดินชมวัดนิดๆ หน่อยๆ ค่ะ



46. ศาลาที่ประดิษฐานรูปเหมือนหลวงพ่อปานมียันต์เกราะเพชรขนาดใหญ่อยู่บนฝ้าเพดานค่ะ

47. ไกด์ให้เราเข้าไปนมัสการหลวงพ่อปานตรงกลางยันต์เกราะเพชรค่ะ ประมาณว่าจะได้รับพรและรับยันต์เกราะเพชร จากหลวงพ่อปานค่ะ



48. หลังจากนั้นไกด์จะปล่อยให้เราเดินดูรอบๆ วัดสักพักนึงค่ะ หรือจะไปดูของที่ระลึก เลี้ยงปลาที่ท่าเรือก็ได้ค่ะ

49. หลังจากนมัสการหลวงพ่อปานเสร็จก็นั่งเรือกลับร้านค่ะ ใช้เวลานั่งเรือประมาณ 45 นาทีค่ะ



50. ลืมบอกไปว่าหลังจากลงไปไหว้พระจะมีผ้าเย็นให้บริการด้วยค่ะ

51. ระหว่างทางก็กินของว่างทื่เหลือกันไปพลางๆ 



52.  หลังจากเรือเทียบท่าเรียบร้อยก็ถึงเวลาที่เรารอคอยค่ะ กินข้าวกลางวันกัน



53. เริ่มจากอาหารเรียกน้ำย่อยค่ะ ถุงทอง ช่อม่วง ไก่พันอ้อย ม้าฮ่อ หลุ่มหรือล่าเตียง

54. อาหารเรียกน้ำย่อยนี่ไม่ซ้ำกับอาหารว่างที่กินบนเรือหรือที่กินตอนรอขึ้นเรือเมื่อเช้าเลยนะคะ



55. กินอาหารเรียกน้ำย่อยไม่ทันหมดห่อหมกดอกบัวก็มาค่ะ ตามมาด้วยน้ำพริกกะปิ พล่าปลากะพง อีกจานนึงน่าจะเป็นปลาราดพริกค่ะ

56. มั่สมั่นไก่ กระเพาะปลา หลนปูเค็ม ต้มข่าปลาสลิดทอดกรอบ หมี่กรอบ พล่ากุ้ง



57. ของหวานมี ฝอยทอง บุหลันดั้นเมฆ ช่อผกากรองและเสน่ห์จันทร์ ซึ่งทั้งหมดก็ไม่ซ้ำกับเมื่อเช้าและที่กินบนเรือเช่นกันค่ะ

58. จานสุดท้ายเป็นผลไม้ค่ะ

59. ถ้านับเมนูตามที่เราเขียนจะนับได้ทั้งหมด 18 เมนูค่ะ รวมขนม 1 จานและผลไม้ 1 จาน แต่เราคุ้นๆ ว่าจะมีทั้งหมด 20 จานนะคะ

60. เหมือนเขาจะเสริฟน้ำพริก 2 จานและคุ้นๆ ว่ามีเต้าเจี้ยวหลนอีก 1 เมนูค่ะแต่ไม่แน่ใจเพราะไม่ได้ชิมค่ะ

61. ปริมาณอาหารแต่ละจานไม่ได้กะให้ลูกค้าแค่ชิมๆ พอรู้รสนะคะ เสริฟมาให้กินแบบจริงๆ จังๆ  เลยค่ะ กินเสร็จต้องกลิ้งกลับบ้านกันเลยทีเดียว

62. แต่ละจานอร่อยเลยแหละค่ะ กลมกล่อม เข้มข้น ตามแบบฉบับอาหารไทยค่ะ บางจานอาจจะรสจัดไปนิดนึงสำหรับฝรั่งนะคะ

63. คนที่กินรสจัดระดับส้มตำปูปลาร้าพริก 20 เม็ดขึ้นไปอาจจะรู้สึกเฉยๆ นะคะ ไม่ได้เผ็ดจัด เค็มจัด หรือหวานจัดขนาดนั้นค่ะ

64. อย่างแฟนเราชอบหลนปูเค็มมากค่ะ ร้านนี้ทำออกมารสชาติเหมือนที่แม่แฟนเราทำค่ะ เราเองก็ชอบมัสมั่นและต้มข่าปลาสลิดก็เช่นกันค่ะ อร่อยมากกกกกกกกก.......... 

64. อย่างขนมก็ชอบช่อผกากรองค่ะ อร่อย.... อย่างอื่นก็อร่อยนะคะ แต่ช่อผกากรองเด็ดสุดค่ะ

65. เราเดาว่าอาหารร้านนี้ต้องอร่อยแน่ๆ ตั้งแต่กินของว่างที่ทางร้านเตรียมไว้ให้กินบนเรือแล้วค่ะ สาคูไส้หมู ข้าวตั้งหน้าตั้ง 
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่