#BTS #ทันหุ้น – BTS แจงชัดๆ เหตุเข้าลงทุน STARK พิจารณาพื้นฐานรอบคอบ ก่อนควักเงิน 300 ล้านบาท ซื้อ 100 ล้านหุ้น ต้นทุนเฉลี่ย 3 บาท ชี้เป็นการเข้าในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าแท้จริงขณะนั้น รับได้หากสูญ ระบุไม่มีนัยสำคัญมากนัก และไม่มีการนำไปบันทึกขาดทุน เพราะอยู่ในส่วนของส่วนทุน ชูผลงานปีนี้จะกลับมาโตแกร่ง
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ชี้แจงกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่ซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีทีมผู้เชี่ยวชาญ (Professional Team) ศึกษาพื้นฐานทางธุรกิจ, ศักยภาพการเติบโตในอุตสาหกรรม
สำหรับกรณีการเข้าลงทุนในหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ณ ช่วงเวลาที่พิจารณาเข้าลงทุนทีม ของบริษัทได้ตรวจสอบย้อนหลังประวัติการดำเนินงาน รวมถึงการนำส่งงบการเงินประจำไตรมาส / งบการเงินประจำปีในกรอบเวลาปกติ และเมื่อคำนวณจากราคาตลาด (P/E Ratio) ณ ขณะนั้นซื้อ – ขาย ที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalued) จึงเข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 3 บาท รวมมูลค่าราว 300ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินกรณีที่เกิดความเสียหายสูงสุด (Worst Case) จะอยู่ในกรอบวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท อย่างไรก็ดีกรณีการถือหุ้น STARK ยังไม่ต้องนำไปคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพื่อให้สะท้อนราคาตลาดที่เป็นธรรม (Mark to Market)
“กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีศึกษาสำหรับทีมของบริษัทในการพิจารณาเข้าลงทุนหลักทรัพย์ในอนาคต ทั้งนี้บริษัทจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเกิดความเสียหายสูงสุดก็จะอยู่ในกรอบไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่งไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมผลตอบแทนจากการลงทุนในพอร์ตรวมของบริษัท และจะแสดงการเพิ่มขึ้นในส่วนเจ้าของ ซึ่งไม่ถือเป็นกำไรของงวด ความเสียหายจึงอยู่ในกรอบค่อนข้างจำกัด
ย้ำฐานธุรกิจแข็งแกร่ง
สำหรับภาพรวมธุรกิจทั้งปี 2566บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นปีที่จะเติบโตแข็งแกร่งได้ทุกกลุ่มธุรกิจโดย 1.ธุรกิจ MOVE บริษัทจะยังคงมีรายได้จากธุรกิจรับจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง (O&M) เบื้องต้นคาดว่าปีนี้จะยังเติบโตอีกประมาณ 6,900ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 2% เมื่อเทียบกับปี 2565 (YoY) ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ยังคงมีรายได้ค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองที่ใกล้แล้วเสร็จอีกจำนวน 2,900 ล้านบาท ทั้งยังสามารถบันทึกรายได้ดอกเบี้ยรับที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการรถไฟฟ้า จำนวน 5,200ล้านบาท
“ปีนี้จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลืองอย่างแน่นอน ส่วนรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือสายสีลม นั้นทางกองทุน BTSGIF ประมาณการปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 7.5แสนเที่ยวคน และค่าโดยสารเฉลี่ยที่ 35 บาทต่อเที่ยว ซึ่งก็จะกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง”
สำหรับธุรกิจ MIX ยังคงมีความท้าทาย เบื้องต้นคาดว่า VGI จะรับรู้รายได้จำนวนประมาณ 6,000-6,500 ล้านบาท และคาดการณ์ อัตรากำไรสุทธิ มากกว่า 10% ในปี 2566/67 ส่วนธุรกิจ MATCH ปีนี้มีแผนใช้เม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5,200 ล้านบาท ในโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ของ BTS Group
https://thunhoon.com/article/271535
พรุ่งนี้ศาลตัดสินคดีสีเขียวแล้ว จะหมู่หรือจ่า
ย้อนดูข่าวเก่า BTSรับได้สูญ300ล้าน ลงทุนSTARK
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ชี้แจงกับ “ทันหุ้น” ว่า บริษัทมีหลักเกณฑ์การพิจารณาเข้าลงทุนในหลักทรัพย์ที่ซื้อ-ขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีทีมผู้เชี่ยวชาญ (Professional Team) ศึกษาพื้นฐานทางธุรกิจ, ศักยภาพการเติบโตในอุตสาหกรรม
สำหรับกรณีการเข้าลงทุนในหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ณ ช่วงเวลาที่พิจารณาเข้าลงทุนทีม ของบริษัทได้ตรวจสอบย้อนหลังประวัติการดำเนินงาน รวมถึงการนำส่งงบการเงินประจำไตรมาส / งบการเงินประจำปีในกรอบเวลาปกติ และเมื่อคำนวณจากราคาตลาด (P/E Ratio) ณ ขณะนั้นซื้อ – ขาย ที่ต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริง (Undervalued) จึงเข้าซื้อหุ้นจำนวนทั้งสิ้น 100 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 3 บาท รวมมูลค่าราว 300ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด พร้อมประเมินกรณีที่เกิดความเสียหายสูงสุด (Worst Case) จะอยู่ในกรอบวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท อย่างไรก็ดีกรณีการถือหุ้น STARK ยังไม่ต้องนำไปคำนวณมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพื่อให้สะท้อนราคาตลาดที่เป็นธรรม (Mark to Market)
“กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นกรณีศึกษาสำหรับทีมของบริษัทในการพิจารณาเข้าลงทุนหลักทรัพย์ในอนาคต ทั้งนี้บริษัทจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากเกิดความเสียหายสูงสุดก็จะอยู่ในกรอบไม่เกิน 300 ล้านบาท ซึ่งไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อภาพรวมผลตอบแทนจากการลงทุนในพอร์ตรวมของบริษัท และจะแสดงการเพิ่มขึ้นในส่วนเจ้าของ ซึ่งไม่ถือเป็นกำไรของงวด ความเสียหายจึงอยู่ในกรอบค่อนข้างจำกัด
ย้ำฐานธุรกิจแข็งแกร่ง
สำหรับภาพรวมธุรกิจทั้งปี 2566บริษัทมั่นใจว่าจะเป็นปีที่จะเติบโตแข็งแกร่งได้ทุกกลุ่มธุรกิจโดย 1.ธุรกิจ MOVE บริษัทจะยังคงมีรายได้จากธุรกิจรับจ้างเดินรถ และซ่อมบำรุง (O&M) เบื้องต้นคาดว่าปีนี้จะยังเติบโตอีกประมาณ 6,900ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นราว 2% เมื่อเทียบกับปี 2565 (YoY) ที่ผ่านมา
พร้อมกันนี้ยังคงมีรายได้ค่าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีชมพูและเหลืองที่ใกล้แล้วเสร็จอีกจำนวน 2,900 ล้านบาท ทั้งยังสามารถบันทึกรายได้ดอกเบี้ยรับที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการรถไฟฟ้า จำนวน 5,200ล้านบาท
“ปีนี้จะเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลืองอย่างแน่นอน ส่วนรายได้จากค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียว หรือสายสีลม นั้นทางกองทุน BTSGIF ประมาณการปริมาณผู้โดยสารเฉลี่ยที่ 7.5แสนเที่ยวคน และค่าโดยสารเฉลี่ยที่ 35 บาทต่อเที่ยว ซึ่งก็จะกลับมาเติบโตแข็งแกร่ง”
สำหรับธุรกิจ MIX ยังคงมีความท้าทาย เบื้องต้นคาดว่า VGI จะรับรู้รายได้จำนวนประมาณ 6,000-6,500 ล้านบาท และคาดการณ์ อัตรากำไรสุทธิ มากกว่า 10% ในปี 2566/67 ส่วนธุรกิจ MATCH ปีนี้มีแผนใช้เม็ดเงินลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5,200 ล้านบาท ในโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานใหม่ของ BTS Group
https://thunhoon.com/article/271535
พรุ่งนี้ศาลตัดสินคดีสีเขียวแล้ว จะหมู่หรือจ่า