กำลังซื้อวูบ กลุ่มบีเจซี หั่นเป้ายอดขายปี’67 โตไม่ถึง 5% ชี้อีสานดิ่งหนัก หวัง ‘เงินดิจิทัล’ ช่วยบูสต์
https://www.matichon.co.th/economy/news_4696787
กำลังซื้อวูบ กลุ่มบีเจซี หั่นเป้ายอดขายปี’67 โตไม่ถึง 5% ชี้อีสานดิ่งหนัก หวัง ‘เงินดิจิทัล’ ช่วยบูสต์
วันที่ 23 กรกฎาคม นาย
อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายของปี 2567จากเดิมคาดจะเติบโตได้มากกว่า 5% ลดเหลือโตไม่ถึง 5% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในช่วงไตรมาส2 ซึมและลดลง ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค เมื่อดูตามรายภาคพบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลงมากที่สุด ขณะที่ภาคเหนือ ภาคใต้ กรุงเทพฯ ยังมีกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวยังเข้ามาอยู่
นาย
อัศวิน กล่าวว่า ทั้งนี้เชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เนื่องจากมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายของปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 ซึ่งบิ๊กซีมีเตรียมความทุกด้านเพื่อเข้าร่วมโครงการที่รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งบิ๊กซีมินิ จำนวน 1,500 สาขาและร้านโดนใจ จำนวน 7,000-8,000 สาขา อย่างไรก็ตามอาจจะมีบางประเด็นที่ต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐ เช่น ขอบเขตการใช้เงินที่อยากให้สามารถใช้ข้ามเขตพื้นที่ได้และให้มีการใช้ในรูปแบบเหมือนเงินสด เพื่อหมุนเงิน 5 แสนล้านบาทที่รัฐบาลจะใช้ดำเนินการหมุนเข้าสู่ระบบได้เร็วและมากที่สุด เพราะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทพร้อมร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่
“
ไตรมาส2 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความท้าทายเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เท่าที่เห็น คือ กำลังซื้อซึม คนประหยัด ซื้อเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จับจ่ายใช้สอยมากเหมือนเมื่อก่อน แต่บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ ซึ่งปีนี้จะใช้เงินลงทุน 4,000-6,000 ล้านบาท สำหรับปรับปรุง 18 สาขาเดิม ขยายสาขาใหม่ในประเทศและต่างประเทศที่สปป.ลาว เพราะเรามองการลงทุนระยะกลางและระยะยาว ที่สำคัญเงินที่เราลงทุนจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างหนึ่ง” นายอัศวินกล่าว
นาย
อัศวินกล่าวว่า สำหรับปัจจัยยังต้องจับตาต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลก การเลือกตั้งสหรัฐที่จะชัดเจนเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงสงครามรัสเซียกับยูเครน แต่เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยมองว่าปัจจัยสำคัญ คือ เรื่องความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายเงินในประเทศที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2568 รวมถึงความเชื่อมั่นในตลาดหุ้น โดยยังเชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ไตรมาส4 นี้
หลังอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง หนุนมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น แม้ตลาดหุ้นจะกลับมาฟื้นตัวได้ แต่บริษัทยังชะลอแผนนำบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง โดยขอดูจังหวะ ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นและสถานการณ์โดยรวม คาดจะยื่นไฟลิ่งใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 และนำหุ้นเข้าซื้อขายได้ภายครึ่งหลังปี 2568
“ประเทศไทย” ขายขี้หน้าครั้งใหญ่ “โอซีเอ” จ่อถอนเจ้าภาพศึกเอเชียนอินดอร์เกมส์
https://www.dailynews.co.th/news/3675325/
ประเทศไทย เตรียมเสียหน้าครั้งประวัติศาสตร์ หลัง "โอซีเอ" พร้อมยกเลิกไทยเป็นเจ้าภาพจัดศึกเอเชียนอินดอร์และมาเชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ส่งผลให้ "ไทย" อาจจะโดนแบนจัดส่งนักกีฬาแข่งขันระดับโลกและนานาชาติ เพราะทุกชาติขาดความเชื่อมั่น
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 67 นาย
กองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และรองประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนของโอซีเอ และผู้แทนสมาคมกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 พ.ย. 67 ที่ห้องประชุมชั้น 4 กกท. หัวหมาก
นาย
กองเอกชัยภักดิ์ แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตนในฐานะรองประธานโอซีเอ ที่ต้องดูแลเกมนี้ ในฐานะประธานดำเนินการจัดการแข่งขัน ซึ่งต้องยอมรับว่าประเทศไทย มีการเลื่อนมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน และจนถึงปัจจุบันระยะเวลาเหลืออีกเพียง 3 เดือนกว่าๆ รัฐบาลไทย ยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ว่าจะจัดการแข่งขันหรือไม่ เนื่องจากการเช่าโรงแรม เรื่องสถานที่แข่งขันยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย โดยวันที่ 16 ก.ค. ทางโอซีเอ ประกาศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพของไทย แต่ตนได้ขอระยะเวลาอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อจะยืนยันไทยพร้อมจัดศึกเอเชียนอินดอร์ฯ ต่อไป โดยทางรัฐบาลหรือการกีฬาแห่งประเทศไทย จะยกเลิกหรือไม่จัดก็ควรเร่งทำ เพราะไทยจะมีผลกระทบยาวอย่างแน่นอน
สำหรับผลเสียหากไม่ดำเนินการจัดการแข่งขันนั้น มีดังนี้
1. อาจทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศชาติ,
2. กกท. จะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ กรณีไม่สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันขัน หรือเลื่อนการแข่งขันออกไป แล้วดำเนินการแจ้งโอซี ต่อไป,
3. ผลกระทบความไม่เชื่อมั่นกับประเทศไทย ที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ เช่น เอเชียนเกมส์, ยูธโอลิมปิกเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, กีฬาระดับชิงแชมป์โลกและชิงแชมป์เอเชีย.
ภูมิใจไทยหุ้นมีอนาคต สวนทางเพื่อไทย ถ้าวอลเล็ตสำเร็จยอมแบก – ก.ก.แปรความโกรธสร้างแนวร่วม
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4696740
The Politics X ใบตองแห้ง สัมภาษณ์
สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด วิเคราะห์การเมืองไทยหลังเลือกประธานวุฒิสภา รวมถึงภาพ
ทักษิณร่วมเฟรมอนทินและทุนใหญ่ ที่เขาใหญ่ สะท้อนภาพภูมิใจไทยเปรียบเหมือนหุ้นที่มีอนาคต สวนทางหุ้นเพื่อไทย ขณะที่ก้าวไกล ต้องเผชิญการขัดขวางจากผู้มีอำนาจแน่ แต่ต้องแปรเปลี่ยนความโกรธให้เป็นยุทธศาสตร์ขยายแนวร่วมให้กว้างที่สุด
JJNY : กำลังซื้อวูบ บีเจซีหั่นเป้า│“โอซีเอ” จ่อถอนเจ้าภาพ│ก.ก.แปรความโกรธสร้างแนวร่วม│“คลูนีย์”ประกาศสนับสนุน“แฮร์ริส”
https://www.matichon.co.th/economy/news_4696787
กำลังซื้อวูบ กลุ่มบีเจซี หั่นเป้ายอดขายปี’67 โตไม่ถึง 5% ชี้อีสานดิ่งหนัก หวัง ‘เงินดิจิทัล’ ช่วยบูสต์
วันที่ 23 กรกฎาคม นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบีเจซี บิ๊กซี เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ายอดขายของปี 2567จากเดิมคาดจะเติบโตได้มากกว่า 5% ลดเหลือโตไม่ถึง 5% เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในช่วงไตรมาส2 ซึมและลดลง ทั้งสินค้าอุปโภคและบริโภค เมื่อดูตามรายภาคพบว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือลดลงมากที่สุด ขณะที่ภาคเหนือ ภาคใต้ กรุงเทพฯ ยังมีกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวยังเข้ามาอยู่
นายอัศวิน กล่าวว่า ทั้งนี้เชื่อว่ากำลังซื้อจะดีขึ้นในครึ่งปีหลัง เนื่องจากมีการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2567 และโครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท จะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในโค้งสุดท้ายของปี 2567 ต่อเนื่องถึงปี 2568 ซึ่งบิ๊กซีมีเตรียมความทุกด้านเพื่อเข้าร่วมโครงการที่รัฐบาลจะเปิดให้ลงทะเบียนในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งบิ๊กซีมินิ จำนวน 1,500 สาขาและร้านโดนใจ จำนวน 7,000-8,000 สาขา อย่างไรก็ตามอาจจะมีบางประเด็นที่ต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐ เช่น ขอบเขตการใช้เงินที่อยากให้สามารถใช้ข้ามเขตพื้นที่ได้และให้มีการใช้ในรูปแบบเหมือนเงินสด เพื่อหมุนเงิน 5 แสนล้านบาทที่รัฐบาลจะใช้ดำเนินการหมุนเข้าสู่ระบบได้เร็วและมากที่สุด เพราะเป็นปัจจัยบวกต่อเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทพร้อมร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่
“ไตรมาส2 ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นความท้าทายเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เท่าที่เห็น คือ กำลังซื้อซึม คนประหยัด ซื้อเท่าที่จำเป็น ไม่ได้จับจ่ายใช้สอยมากเหมือนเมื่อก่อน แต่บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนตามแผนที่วางไว้ ซึ่งปีนี้จะใช้เงินลงทุน 4,000-6,000 ล้านบาท สำหรับปรับปรุง 18 สาขาเดิม ขยายสาขาใหม่ในประเทศและต่างประเทศที่สปป.ลาว เพราะเรามองการลงทุนระยะกลางและระยะยาว ที่สำคัญเงินที่เราลงทุนจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างหนึ่ง” นายอัศวินกล่าว
นายอัศวินกล่าวว่า สำหรับปัจจัยยังต้องจับตาต่อเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง เป็นการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการค้าโลก การเลือกตั้งสหรัฐที่จะชัดเจนเดือนพฤศจิกายนนี้ รวมถึงสงครามรัสเซียกับยูเครน แต่เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยมองว่าปัจจัยสำคัญ คือ เรื่องความเชื่อมั่นและการใช้จ่ายเงินในประเทศที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2568 รวมถึงความเชื่อมั่นในตลาดหุ้น โดยยังเชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ไตรมาส4 นี้
หลังอัตราดอกเบี้ยปรับลดลง หนุนมีเงินไหลเข้าตลาดหุ้นมากขึ้น แม้ตลาดหุ้นจะกลับมาฟื้นตัวได้ แต่บริษัทยังชะลอแผนนำบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้ง โดยขอดูจังหวะ ประเมินภาพรวมตลาดหุ้นและสถานการณ์โดยรวม คาดจะยื่นไฟลิ่งใหม่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 และนำหุ้นเข้าซื้อขายได้ภายครึ่งหลังปี 2568
“ประเทศไทย” ขายขี้หน้าครั้งใหญ่ “โอซีเอ” จ่อถอนเจ้าภาพศึกเอเชียนอินดอร์เกมส์
https://www.dailynews.co.th/news/3675325/
ประเทศไทย เตรียมเสียหน้าครั้งประวัติศาสตร์ หลัง "โอซีเอ" พร้อมยกเลิกไทยเป็นเจ้าภาพจัดศึกเอเชียนอินดอร์และมาเชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ส่งผลให้ "ไทย" อาจจะโดนแบนจัดส่งนักกีฬาแข่งขันระดับโลกและนานาชาติ เพราะทุกชาติขาดความเชื่อมั่น
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 67 นายกองเอกชัยภักดิ์ ศิริวัฒน์ รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ และรองประธานสภาโอลิมปิกแห่งเอเชีย (โอซีเอ) ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนของโอซีเอ และผู้แทนสมาคมกีฬาที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์และมาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-30 พ.ย. 67 ที่ห้องประชุมชั้น 4 กกท. หัวหมาก
นายกองเอกชัยภักดิ์ แจ้งต่อที่ประชุมว่า ตนในฐานะรองประธานโอซีเอ ที่ต้องดูแลเกมนี้ ในฐานะประธานดำเนินการจัดการแข่งขัน ซึ่งต้องยอมรับว่าประเทศไทย มีการเลื่อนมาแล้วถึง 4 ครั้งด้วยกัน และจนถึงปัจจุบันระยะเวลาเหลืออีกเพียง 3 เดือนกว่าๆ รัฐบาลไทย ยังให้คำตอบอะไรไม่ได้ว่าจะจัดการแข่งขันหรือไม่ เนื่องจากการเช่าโรงแรม เรื่องสถานที่แข่งขันยังไม่มีอะไรคืบหน้าเลย โดยวันที่ 16 ก.ค. ทางโอซีเอ ประกาศยกเลิกการเป็นเจ้าภาพของไทย แต่ตนได้ขอระยะเวลาอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อจะยืนยันไทยพร้อมจัดศึกเอเชียนอินดอร์ฯ ต่อไป โดยทางรัฐบาลหรือการกีฬาแห่งประเทศไทย จะยกเลิกหรือไม่จัดก็ควรเร่งทำ เพราะไทยจะมีผลกระทบยาวอย่างแน่นอน
สำหรับผลเสียหากไม่ดำเนินการจัดการแข่งขันนั้น มีดังนี้
1. อาจทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียง รวมถึงภาพลักษณ์ของประเทศชาติ,
2. กกท. จะต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ กรณีไม่สามารถดำเนินการจัดการแข่งขันขัน หรือเลื่อนการแข่งขันออกไป แล้วดำเนินการแจ้งโอซี ต่อไป,
3. ผลกระทบความไม่เชื่อมั่นกับประเทศไทย ที่จะเสนอตัวเป็นเจ้าภาพมหกรรมกีฬาระดับนานาชาติ เช่น เอเชียนเกมส์, ยูธโอลิมปิกเกมส์, โอลิมปิกเกมส์, กีฬาระดับชิงแชมป์โลกและชิงแชมป์เอเชีย.
ภูมิใจไทยหุ้นมีอนาคต สวนทางเพื่อไทย ถ้าวอลเล็ตสำเร็จยอมแบก – ก.ก.แปรความโกรธสร้างแนวร่วม
https://www.matichon.co.th/matichon-tv/news_4696740
The Politics X ใบตองแห้ง สัมภาษณ์ สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด วิเคราะห์การเมืองไทยหลังเลือกประธานวุฒิสภา รวมถึงภาพทักษิณร่วมเฟรมอนทินและทุนใหญ่ ที่เขาใหญ่ สะท้อนภาพภูมิใจไทยเปรียบเหมือนหุ้นที่มีอนาคต สวนทางหุ้นเพื่อไทย ขณะที่ก้าวไกล ต้องเผชิญการขัดขวางจากผู้มีอำนาจแน่ แต่ต้องแปรเปลี่ยนความโกรธให้เป็นยุทธศาสตร์ขยายแนวร่วมให้กว้างที่สุด