JJNY : นัดชี้ชะตาคดียุบก้าวไกล│"ศิริกัญญา"อัดรัฐเสี่ยงลุยไฟ│สุดารัตน์ แนะสภารอบคอบผ่านงบ│การละเมิดสิทธิเด็กทั่วโลกพุ่ง

ด่วน! ศาลรธน. นัดชี้ชะตาคดียุบก้าวไกล ล้มล้างการปกครอง วันที่ 7 ส.ค.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777837309
 
 
ด่วน! ศาลรธน. นัดชี้ชะตาคดียุบก้าวไกล ล้มล้างการปกครอง วันที่ 7 ส.ค.
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ก.ค.2567 ที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ องค์คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาในคดีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง  (กกต.) ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล ตามที่ได้ยื่นคำร้องกรณีมีหลักฐานอันควรเชื่อว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิบัติต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
 
อันเป็นเหตุแห่งการยุบพรรค ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 วรรคหนึ่ง (1)(2) และขอให้ศาลศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ์ สมัครรับเลือกตั้ง กรรมการบริหารพรรค และห้ามไม่ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารพรรคและไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ 10 ปี
 
หลังจากเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลได้ให้ทั้งสองฝ่าย มาตรวจพยานหลักฐานของคู่กรณี ศาลรัฐธรรมนูญ พิจารณาแล้วเห็นว่า
คดีเป็นปัญหาข้อกฎหมายและมีพยานหลักฐานเพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยได้ จึงยุติการไต่สววน หากคู่กรณีประสงค์จะแถลงปิดคดีให้ยื่นหยังสือแต่อศาลภายในวันที่ 24 ก.ค.
 
ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดแถลงด้วยวาจาและลงมติในวันพุธที่ 7 ส.ค.เวลา 09.30 น. และฟังคำวินิจฉัย 15.00 น.


 
"ศิริกัญญา" อัด "ดิจิทัลวอลเล็ต" รัฐเสี่ยงลุยไฟ ผิดกฎหมาย เงินกู้เต็มเพดาน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_777777837309

"ศิริกัญญา" สส.ก้าวไกล อัด "ดิจิทัลวอลเล็ต" ร่ายยาว รัฐบาลกู้วงเงินเต็มเพดาน ห่วง หากมีเหตุจำเป็น จะช่วยประชาชนอย่างไร เตือน รัฐเสี่ยงลุยไฟ ทำผิดกฎหมาย วินัยการเงินการคลัง 
 
วันที่ 17 ก.ค. 2567 เมื่อเวลา 09.49 น .ที่รัฐสภา การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 5 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ วันที่ 17  กรกฎาคม
พ.ศ. 2567 เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป --- เรื่องที่ประธานจะแจ้งต่อที่ประชุม (ถ้ามี) เรื่องด่วน 1 เรื่อง ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. ....
 
น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การขอสภา กู้เงินเพิ่ม 1.22 แสนล้านบ้าน ส่วนการบริหารจัดการปี 67 มาจากงบกลางฉุกเฉินสำรองจำเป็น พอเห็นว่าไม่มีแหล่งเงิน จาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว ก็เป็นการดี ก็ต้องให้กระทรวงการคลังไปกู้เงินแทนอยู่ดี งบประมาณ ลดลงแล้ว วงเงิน 4.5 แสนล้านบาท จาก 5 แสนล้าน ประเด็นสำคัญปีนี้ รัฐบาลขอกู้เงิน 1.22 แสนล้านบาท ก็สูงเป็นประวัติการณ์อยู่ดี สัดส่วนการกู้เงินสูงกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ ปัญหาที่เกิดขึ้น คือ เรากู้เต็มเพดาน จะมีการกู้เพิ่ม และมีการขยายเพดานกู้ เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่เพียงพอในการทำ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตได้ เหมือนกับว่ารัฐบาลคิดอะไรไม่ออก ก็เบ่งงบฯ กู้เพิ่มไปเรื่อยๆ แล้วจะไม่สามารถกู้ได้อีกเลย กู้เต็มที่ไม่เกิน 8.1 แสนล้านบาท หากเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ก็ไม่สามารถกู้เงินได้อีกเลย แต่รัฐบาลไม่ได้สนใจอะไร เพื่อให้ได้ทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเท่านั้น

น.ส.ศิริกัญญา กล่าวต่อว่า จีดีพีประมาณการใหม่ แต่รายได้ไม่ทำใหม่ จะเป็นไปได้อย่างไร ว่า เราไม่ประเมินรายได้ใหม่ ผลการจัดเก็บภาษีก็เห็นอยู่แล้ว ไม่มีทางได้เท่าเดิม เพราะการจัดเก็บภาษี เก็บได้ลดลง 8 เดือน จัดเก็บต่ำกว่าเป้าไปแล้ว 2 หมื่นล้าน ทุกหน่วยงานก็ระบุมาแล้วว่า จัดเก็บภาษีได้ต่ำกว่าเป้า เป็นส่วนใหญ่
 
สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า สถานการณ์แบบนี้ เราจะไม่เหลืออะไรป้องกันเลยเหรอ กู้เต็มเพดาน ไม่เผื่อสำรองไว้เลยเหรอ ถึงว่า ท่านถึงว่าเศรษฐกิจแย่ๆ แต่ไม่มีมาตรการอะไรช่วยเหลือประชาชนเลย งบกลาง ตอนนี้ เคาะแล้วใช้กับดิจิทัลวอลเล็ต 4.3 หมื่นล้านบาท ชัดเจน งบกลางในส่วนนี้ต้องออกมาใช้ช่วงปลายปี 2567 อยู่ดี วันนี้รัฐบาลมาขอสภาผ่านงบประมาณ 1.22 แสนล้านบาท ปัญหาคือ มันทำได้จริงๆ ใช่ไหม โยกงบ ปี 2567 ไปใช้ปี 2568 ในปีงบประมาณ 2567 วันที่ 30 ก.ย. 2567 นี้ ชี้ ไม่น่าจะทำได้ เพราะ ผิด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง มาตรา 21 สร้างบรรทัดฐานผิดๆ ในการใช้งบประมาณ
 
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ฝากเตือนรัฐบาล ระวังทำผิด วินัยการเงินการคลัง เป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไขทำให้ถูกต้อง ถามว่า ทำไมไม่แก้กฎหมายให้ถูกใจก่อน แล้วค่อยทำ กลับมาสุ่มเสี่ยงลุยไฟ เสียก่อน อีก 15 วัน จะลงทะเบียน ซึ่ง นายกฯ โพสต์ไปแล้ว แต่ยังหาเจ้าภาพไม่ได้ อีก 15 วัน ระบบลงทะเบียนเพิ่งประมูลได้ผู้ชนะทำระบบมา ยืนยัน ที่สำคัญ ส่วนตัวเป็นห่วงการลงทะเบียนร้านค้า ระบบออกแบบมาสำหรับร้านค้าที่มีสายป่านยาว แต่ร้านค้าเล็กๆ สายป่านสั้น ก็จะทำไม่ได้ ที่เป็นธุรกิจเงินสด เงินหมุนเวียน ก็ไม่สามารถทำได้ อีก 15 วัน เท่านั้น
 
"สรุป การลงทุนไม่รู้ เป็นเท่าไร ตี 500,000 ล้านบาท ไว้ก่อน เพื่อรัฐบาลได้รักษาหน้าว่า ทำนโยบายที่หาเสียงไว้แล้ว ได้เพิ่มจีดีพี คาดได้เงิน 3.5 แสนล้านบาท แต่สิ่งที่เสียไป คือความเสี่ยงการคลังของประเทศ เสียอีกอัน คือ อาจทำผิดกฎหมายหลายข้อ สิ่งที่เสียอีก คือเอื้อการค้าปลีกรายใหญ่ กีดกันรายย่อย แบบไม่รู้ตัว และยังเสีย โอกาสการช่วยเหลือประชาชน เพราะต้องกั๊กงบประมาณส่วนนี้ไปใช้โครงการนี้" น.ส.ศิริกัญญา กล่าว.


  
สุดารัตน์ แนะสภารอบคอบผ่านงบ 1.22 แสนล้าน ให้รบ.แจกดิจิทัล ชี้ได้ไม่คุ้มเสีย ไม่ก่องาน-รายได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_4685379

‘สุดารัตน์’ แนะสภา รอบคอบอย่าเป็นตรายาง ช่วยผ่านงบ 1.22 แสนล้านให้รัฐบาเอาไปแจกดิจิทัล 10,000 บาท ชี้กระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียงระยะสั้น ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ หรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน สุดท้ายได้ไม่คุ้มเสีย กลายเป็นภาระหนี้ของประเทศ
 
เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกรณีที่สภาผู้แทนราษฎรเตรียมรับไม้ต่อจากรัฐบาล พิจารณาเรื่องด่วน ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ 2567 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอวงเงิน 122,000 ล้านบาท เพื่อนำไปทำโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ท แจกเงิน 10,000 บาท ว่า เงินที่จะกู้มาแจก มีจำนวนถึง 450,000 ล้านบาทนั้น เท่ากับ 2.5% ของ GDP แต่รัฐบาลบอกว่าจะสามารถ เพิ่ม GDP ได้ 1.2-1.8% และจะเป็นการโตเพียงช่วงสั้นๆ เพราะเป็นการแจกเงิน ที่ใช้แล้วหมดไป ไม่ก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ หรือปรับโครงสร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืน จึงทำให้เกิดความห่วงใยว่า โครงการนี้ได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเงินกู้จำนวนมหาศาล จะกลายเป็นภาระหนี้ให้กับประเทศ และคนไทยไปชั่วลูกชั่วหลาน
 
โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของ หนี้ครัวเรือนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์ในปัจจุบัน ถือเป็นสัญญาณอันตรายอย่างยิ่ง เพราะตัวเลข พุ่งไปที่ 91% หรือเท่ากับ 16.3 ล้านล้านบาท
 
หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวว่า ที่สาหัสไปกว่านั้นคือ สินเชื่อรวมภายใต้ข้อมูลของเครดิตบูโร 13.6 ล้านล้านบาท กลายเป็นหนี้เสียไปแล้วถึง 1.09 ล้านล้านบาท หากเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมาที่หนี้เสียอยู่เพียง 1.05 ล้านล้านบาทเท่านั้น สะท้อนว่าหนี้เสียยังคงพุ่งต่อเนื่อง อาทิ หนี้เช่าซื้อรถยนต์ เป็นหนี้เสียถึง 2.38 แสนล้านบาท เติบโตขึ้นต่อเนื่อง 32% และหนี้ที่อยู่อาศัยอีก 1.99 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 18.2% สินเชื่อบุคคลอีก 2.6 แสนล้านบาท เติบโตขึ้น 12% และบัตรเครดิต 6.3 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้น 14.6% ขณะที่หนี้ที่กำลังจะเสีย แต่ไม่เกิน 90 วัน หรือกลุ่ม SM เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.4 แสนล้านบาท ทั้งหมดยังไม่นับรวมหนี้นอกระบบที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขได้ แม้จะมีโครงการออกมาแก้ปัญหาก็ตาม” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่