JJNY : 5in1 ล็อบบี้วุ่นชิงปธ.วุฒิสภา│สมชัยปูด ม.‘หมอเกศ’│“ดร.อิสระ”ไขข้อข้องใจ│‘ไอติม’ห่วงติด 4 ปัญหา│โปแลนด์สนใจข้อเสนอ

ล็อบบี้วุ่น ชิงปธ.วุฒิสภา หวังกุมเสียงเด็ดขาด กลุ่มอิสระสู้ รองปธ. แย้มส่งชื่อ นันทนา-บุญส่ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4679375

 
“หมอเปรม” คาดประชุมวุฒิสภา 19 ก.ค. ชงแสดงวิสัยทัศน์ชิงปธ.วุฒิฯ ปลุกใจมีหน่วยกล้าแพ้ท้าชิง ไม่ใช่ปล่อยให้บล็อกโหวต ขณะที่สว.กลุ่มอิสระเตรียมส่ง ”นันทนา-บุญส่ง” ชิงรองปธ.

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2567 นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ ส.ว. กล่าวถึงกรณีการล็อบบี้ ส.ว. โดยยื่นผลประโยชน์แลกเปลี่ยนเพื่อให้มาอยู่ร่วมในสังกัด ว่า ขณะนี้มีการล็อบบี้ ส.ว.สายอิสระให้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม ส.ว.ที่เป็นเสียงข้างมาก โดยให้ผลประโยชน์ก้อนใหญ่ เพื่อให้ได้เสียงเด็ดขาดในการเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภา ที่คาดว่าจะมีการเลือกกันในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ถ้าปล่อยให้มีการล็อบบี้ได้ การเลือกประธานและรองประธานวุฒิสภาจะไม่เห็นความหวังในระบบวุฒิสภา

อย่าดูถูกเสียงข้างน้อยไม่มีความหมาย อย่าไล่ทุบเอาตามใจตัวเอง เพราะต้องทำงานร่วมกัน 5 ปี ต้องมีความสมานฉันท์ จะส่งเสริมความร่วมมือกันได้ดีที่สุด แต่เสียงข้างน้อยก็ไม่ควรดิ้นรนไปขอแบ่งตำแหน่ง ถ้าเสียงข้างมากไม่ยอมก็สู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่จะต้องสู้อย่างมีศักดิ์ศรี ส่วนตัวผมมองว่าเก้าอี้ประธานและรองประธานวุฒิสภาควรให้คนที่อยากดำรงตำแหน่งกล้าเสนอตัวเองขึ้นมา ไม่ต้องให้ใครเสนอชื่อแทนให้ และต้องแสดงวิสัยทัศน์ว่าจะพัฒนาวุฒิสภาอย่างไรให้มีความก้าวหน้ากว่า ส.ว.ชุดที่แล้ว เพื่อให้ที่ประชุม ส.ว.ลงมติจะเลือกใครเป็นประธานและรองประธาน” นพ.เปรมศักดิ์กล่าว

นพ.เปรมศักดิ์กล่าวต่อว่า อยากให้คนที่สนใจจะเป็นประธานและรองประธานวุฒิสภา กล้าประกาศตัวเองลงสมัคร กล้าเป็นหน่วยกล้าแพ้แข่งชิงเก้าอี้ ไม่ใช่ปล่อยให้บล็อกโหวต ยอมแพ้ตั้งแต่ตำแหน่งประธานวุฒิสภา แข่งเฉพาะตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา ดูแล้วเสียศักดิ์ศรี เหมือนยอมจำนนตั้งแต่แรก ตนไม่อยากให้วุฒิสภาชุดใหม่ถูกควบคุมตั้งแต่แรก แม้เสียงอาจจะสู้กลุ่มที่เป็นเสียงส่วนใหญ่ไม่ได้ แต่ถ้าสังคมสนับสนุน เสียงข้างมากก็จะถูกกดดัน ต้องวัดใจเขา จะใจกว้าง เกรงใจกระแสสังคมแค่ไหน ทุกคนเป็น ส.ว.เท่ากัน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่ามองว่าใครสีไหน ดังนั้น ใครอยากเป็นประธาน ต้องกล้าประกาศตัว ตั้งใจมาเป็นเอง กล้าแสดงวิสัยทัศน์ ไม่ใช่ให้ใครเสนอมา ไม่สง่างาม
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชิงตำแหน่งประธานและรองประธานวุฒิสภานั้น ขณะนี้ ส.ว.ในกลุ่มอิสระและ ส.ว.สายสีส้ม ที่มีจำนวนประมาณ 30 คน จะมีการหารือกันในสัปดาห์หน้า เพื่อพิจารณาส่งคนลงชิงเก้าอี้ประธานและรองประธานวุฒิสภา โดยในส่วนประธานวุฒิสภาอยู่ระหว่างการพิจารณาจะส่งใครลงชิงเก้าอี้ ส่วนตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา 2 เก้าอี้นั้นมีการพิจารณาอาจจะส่งนางนันทนา นันทวโรภาส และนายบุญส่ง น้อยโสภณ ลงชิงตำแหน่งรองประธานวุฒิสภา ซึ่งจะต้องรอการพิจารณาอีกครั้งในสัปดาห์หน้า.



สมชัย ปูดมหาวิทยาลัย ‘หมอเกศ’ ขึ้นเว็บไซต์เคลม อ้างรัฐสภาไทยให้การรับรอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4679628

สมชัย ปูดมหา’ลัยหมอเกศ ขึ้นเว็บเคลม อ้างรัฐสภาไทยให้การรับรอง

กรณีที่มีการวิพากษ์วิจารณ์คุณสมบัติของ ดร.พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย ส.ว.ที่ได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งในกลุ่ม 19 กลุ่มผู้ประกอบวิชาชีพ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงตำแหน่งศาสตราจารย์ และใบปริญญาเอกจาก California University ที่ได้รับมาเป็นของจริงหรือไม่

ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กถามรัฐสภาไทย ระบุว่า “รัฐสภาไทยว่าไง หน้าแรกของเว็ปไซต์ของ California University FCE. เคลมว่า

“รัฐสภาไทย ได้ยอมรับปริญญาบัตรของ California University FCE. ว่ามีศักดิ์และสิทธิเทียบเท่าปริญญาบัตรที่ออกโดยมหาวิทยาลัยของรัฐในประเทศไทยทุกประการ”

“รัฐมนตรีธรรมนัส พรหมเผ่า จบปริญญาเอกด้านรัฐประศาสนศาสตร์ โดยเป็นเทียบเท่าปริญญาโดย California University FCE. เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2014 โดยได้รับการยืนยันรับรองจากรัฐสภาไทย หลังจากผ่านกระบวนการประชาพิจารณ์และสืบสวนสอบสวนแล้ว”

รัฐสภาไทยว่าไงครับ เขาโฆษณาในหน้าแรกของเว็บไซต์เขาแบบนี้”

ภายหลังจากที่โพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง เช่นว่า

– เรื่องนี้รัฐสภาไทยต้องเคลียร์ให้จบ หาข้อยุติสักที
– ขอบคุณ คุณสมชัย ที่ช่วยโพสข้อเท็จจริง และส่งเสียงแทนประชาชนครับ
– ถือเป็นเกียรติยศของประเทศชาติ ที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันการศึกษาของอเมริกา นี่ผมช่วยพูดละนะ
– วิกฤตครับอาจารย์
– รัฐสภาไทยให้การรับรอง แต่ทาง อว.ไม่ได้ให้การรับรอง .. เละค่ะ เละจริงๆ.

https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0z48U5LSvnp57bqQrmPUqmDjPbTzdMKerqYeuC2rLszTRwuRkVySNn339HM4F54R1l


“ดร.อิสระ”ไขข้อข้องใจ ดอกเตอร์จริง หรือปลอม ยัน “California University FCE” ไม่ใช่มหาวิทยาลัย
https://siamrath.co.th/n/550631

“ดร.อิสระ”ไขข้อข้องใจ ดอกเตอร์จริง หรือปลอม ยัน “California University FCE” ไม่ใช่มหาวิทยาลัย เผย กำลังประสานงานตรวจสอบกรณีอ้างบนเว็บไซต์ ว่า รัฐสภาไทยให้การรับรอง
 
เมื่อวันที่13 ก.ค.67 นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ รองเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวถึงข้อถกเถียงเรื่องวุฒิการศึกษา ของ น.ส.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.และสถานะของ California University ว่า ตนเห็นเอกสารของหน่วยงานนี้มาหลายครั้งแล้ว California University ที่พูดๆกัน ชื่อจดทะเบียนจริงๆ คือ “California University FCE” ซึ่ง FCE ย่อมาจาก Foreign Credential Evaluation” สรุปก็คือ องค์กรนี้ไม่ใช่มหาวิทยาลัย แต่อย่างใด ใน website ก็ระบุไม่มีวัตถุประสงค์ในการจัดการสอน ทว่าคือหน่วยงานเทียบวุฒิการศึกษาที่ตั้งชื่อว่า “มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนียร์” คือใช้คำนี้เป็นชื่อเฉพาะ ซึ่งก็ดูเหมือนจะตั้งใจให้คนสับสนโดยเขียนคำว่า California University ตัวใหญ่ ส่วน FCE บางทีใช้เต็ม บางทีใช้ย่อ เขียนตัวเล็กๆ ถ้าไล่ดูจากเอกสารจากภาพข่าว จะเห็นเรื่องที่ตนอธิบายชัดเจน ย้ำอีกครั้ง  “California University Foreign Credential Evaluation” แปลเป็นไทยคำต่อคำว่า “หน่วยรับรองวุฒิการศึกษาต่างประเทศ ที่ชื่อหน่วยงานว่า มหาวิทยาลัยแคลิฟอเนียร์” ไม่ใช่มหาวิทยาลัยชื่อแคลิฟอร์เนีย
 
ดร.อิสระ กล่าวอีกว่า ประเด็นไม่ใช่ห้องแถวหรือไม่ ขนาดของมหาวิทยาลัยไม่ใช่ตัววัดคุณภาพ มหาวิทยาลัยห้องแถว ก็สามารถออกใบปริญญาได้ ถ้ามีการจัดการเรียนการสอน มีการสอบจริง มีหน่วยงานรับรอง แต่เอกสารที่นำมาแสดง ตนไม่ได้บอกว่าเป็นเอกสารปลอม และผู้เกี่ยวข้องนำหนังสือ Notary มายืนยัน ก็ไม่ผิด ก็คือการยืนยันว่าใบนั้นเป็นใบเทียบปริญญาของจริง แต่มันไม่ใช่ปริญญาบัตร
 
ดร.อิสระ กล่าวว่า โดยสรุปคือ เมื่อเป็นใบเทียบปริญญา หากเรื่องที่เขากล่าวหาไม่เป็นความจริง ก็แค่เอาใบปริญญาเอกที่เรียนจริงๆ และเล่มวิทยานิพนธ์ ก่อนที่จะเอาไปให้ California University FCE เทียบให้ เอามาเปิดเผยว่าเรียนจบป.เอกจากมหาวิทยาลัยอะไร เมื่อไหร่ เท่านั้นเอง สังคมก็จะคลายสงสัย ส่วนกรณีที่หน่วยงานนี้อ้างในเว็บไซต์ของตนเอง ว่า “รัฐสภาไทยให้การรับรองว่าเทียบเท่ามหาวิทยาลัยรัฐของประเทศไทย” ตนในฐานะหน่วยงานในกำกับของประธานรัฐสภา อยู่ในระหว่างประสานงานในการตรวจสอบและชี้แจงต่อสังคม
 

   
ชาวสุรินทร์กังวล ‘ปุ๋ยคนละครึ่ง’ – ‘ไอติม’ ห่วงติด 4 ปัญหาใหญ่
https://www.matichon.co.th/politics/news_4679633

‘ไอติม’ ห่วงโครงการ ‘ปุ๋ยคนละครึ่ง’ หลังฟังเสียงชาวสุรินทร์ กังวลคา 4 ปัญหาใหญ่

เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นายพริษฐ์ วัชรสินธุ หรือ ไอติม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ทวีตข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) โดยเปิดเผยข้อกังวลที่มีต่อ โครงการ “ปุ๋ยและชีวภัณฑ์คนละครึ่ง” สำหรับเกษตรกรที่ปลูกข้าวในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของ กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

โดยระบุว่า 

เสียงสะท้อนจากสุรินทร์ : ข้อกังวลต่อโครงการ “ปุ๋ยคนละครึ่ง”

สุดสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้มีโอกาสไปร่วมพูดคุยและรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ (อ.ท่าตูม และ อ.เขวาสินรินทร์) โดยประเด็นที่พี่น้องเกษตรกรสะท้อนเป็นหลัก คือความกังวลต่อนโยบาย “ปุ๋ยคนละครึ่ง” ซึ่งเป็นนโยบายที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล ในคณะกรรมาธิการเกษตร กำลังตรวจสอบอย่างใกล้ชิด และได้ค้นพบถึง 4 ประเด็นปัญหาหลักคือ

1. ไม่ทันต่อเวลาในการซื้อปุ๋ย – ปุ๋ยในโครงการนี้คาดว่าจะไปถึงมือชาวนาในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า แต่ในข้อเท็จจริง พี่น้องชาวนาส่วนใหญ่ได้ใส่ปุ๋ยกันไป 1-2 รอบแล้ว (จากทั้งหมดประมาณ 2-3 รอบ)

2. ไม่ทั่วถึงเกษตรกรรายได้น้อย – กลไกของโครงการออกแบบมาให้ชาวนาต้องจ่ายเงินไปก่อน (โดยปกติ ชาวนาส่วนใหญ่มักซื้อปุ๋ยด้วยเงินเชื่อ) ซึ่งทำให้ 83% ของเกษตรกรที่มีบัญชีกับ ธ.ก.ส. ซึ่งมีเงินติดบัญชีไม่ถึง 10,000 บาท จะเข้าร่วมโครงการไม่ได้ หรือเข้าร่วมได้ไม่เต็มจำนวนสิทธิ

3. ไม่เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต – โครงการนี้ไม่มีขั้นตอนใดที่ให้ชาวนานำดินไปตรวจ และคำนวณผสมสูตรปุ๋ยให้ตรงกับค่าการวิเคราะห์ความอุดมสมบูรณ์ของดิน แต่เป็นเพียงการให้ชาวนาเลือกสูตรปุ๋ยใน 16 สูตร (ซึ่งคาดว่าส่วนใหญ่จะเลือกสูตรปุ๋ยตามที่ตนคุ้นเคยเป็นหลัก)

4. ไม่ชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์กับมาตรการอื่น – พี่น้องชาวนาบางส่วนกังวลและยังไม่ได้รับความชัดเจนจากรัฐบาล ว่าการเข้ามาของโครงการปุ๋ยคนละครึ่งแล้ว จะมาแทนที่หรือเพียงเข้ามาเสริมโครงการอื่นๆ ในมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว (เช่น โครงการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท หรือโครงการสินเชื่อเพื่อชะลอการขายข้าวออกไปในปีการผลิตนี้)

“นอกจากนั้น ผมยังได้มีโอกาสใช้เวลาระหว่างกำหนดการเพื่อแวะไปที่ “หมู่บ้านช้างสุรินทร์” (Surin Elephant World) ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของ จ.สุรินทร์ ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ อบจ. – แม้เราเห็นถึงความตั้งใจในการพยายามจัดกิจกรรมที่หลากหลาย (เช่น การแสดง พิพิธภัณฑ์ หอชมทิวทัศน์อิฐ) แต่จากการสำรวจเบื้องต้น และจากเสียงสะท้อนจากประชาชนและพ่อค้า-แม่ค้าในพื้นที่ จำนวนนักท่องเที่ยวยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน้อย

รวมถึงยังมีหลายส่วนที่ผมเห็นว่าควรถูกปรับปรุงเพิ่มเติมหรือพัฒนาให้ตรงจุดมากขึ้นเพื่อให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เต็มศักยภาพกว่าที่เป็นอยู่ (เช่น ลานแสดงช้าง หรือ Elephant Stadium ที่มีสภาพทรุดโทรมแม้เพิ่งสร้างไม่นาน / ระบบการขนส่งในการเดินทางสู่พื้นที่ )” นายพริษฐ์ระบุ

https://twitter.com/paritw92/status/1811944460256993351
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่