“ทิวากร-ไทยสร้างไทย” อัด “เศรษฐา” บริหารไม่ถึงปีทำชาวนาไร้อนาคต
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_745368/
“ทิวากร” ไทยสร้างไทย อัด “เศรษฐา”บริหารไม่ถึงปี แต่ทำชาวนาไร้อนาคต ชี้ปุ๋ยคนละครึ่ง คือความผิดพลาดใหญ่ของรัฐบาล ตั้งสมมติฐานราคาข้าวสุดมั่ว ทำชาวนาชวดค่าเกี่ยวไร่ละพัน
นาย
ทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง โดยระบุว่า เมื่อรัฐบาล ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน สุดท้ายนโยบายนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งความผิดพลาดของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่การตั้งสมมติฐานเรื่องราคาข้าวที่ผิดพลาด โดยกล่าวอ้างว่าราคาข้าวในปีการผลิต 2567/2568 ดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่ราคาที่สูงอยู่ประมาณ 12,000-13,000 บาทต่อตันตอนนี้เป็นราคา ที่เกษตรกรพี่น้องชาวนาไม่มีข้าวอยู่ในมือ ไม่สามารถนำข้าวออกขายได้ แต่เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลผลิต ข้าวที่ชาวนาเพาะปลูกออกพร้อมกัน ราคาก็จะตกลงเหลือเพียง8,000-9,000บาท เท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ดังนั้นการใช้ยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดเช่นนี้ ทำให้ความหวังของชาวนา ที่จะได้เงินช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000บาท จึงหายไป
นอกจากยุทธศาสตร์ในการดูแลพี่น้องชาวนาที่ผิดพลาดแล้ว เมื่อพิจารณาตัวโครงการปุ๋ยคนละครึ่งจะพบว่า เงินงบประมาณที่จะใช้ราว 30,000 ล้านบาทในการอุดหนุนโครงการนี้ จะเป็นการนำเงินไปซื้อปุ๋ยเคมี และแน่นอนว่าจะไม่ใช่โครงการที่ทำนาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญนี่คือฤดูกาลผลิตที่ 2 ของรัฐบาลที่นำโดยนายก
เศรษฐา ทวีสิน แต่เรายังคงเห็นการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ซึ่งไม่ใช่การลดต้นทุนทางการเกษตรอย่างแท้จริง ไม่เห็นการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้าง โดยเฉพาะ ปัจจัยเรื่องดินและน้ำ ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการเพิ่มคุณภาพและผลผลิตทางการเกษตร หรือการรับมือความท้าทายเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ถ้านาย
เศรษฐา ยังบริหารแบบไร้อนาคตเช่นนี้ คนเดือดร้อนที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นพี่น้องชาวนา และภารกิจเร่งด่วนที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ว่าจะวางยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการน้ำตามความต้องการน้ำในแต่ละพื้นที่ บริหารจัดการทรัพยากรดิน บริหารจัดการแปลงเกษตรและการวิจัยพัฒนาพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิต นำนวัตกรรมเกษตรแม่นยำมาใช้ เพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น คงเป็นเทคเนิคการหาเสียงเช่นเคย
ชัชชาติ ลุยบางขุนเทียน กำจัดปลาหมอคางดำ กระทบแล้ว 3 เขต กรมประมงเร่ง 6 มาตรการ
https://www.matichon.co.th/local/news_4678718
ชัชชาติ ลุยบางขุนเทียน กำจัดปลาหมอคางดำ กระทบแล้ว 3 เขต กรมประมงเร่ง 6 มาตรการ
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นาย
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นาย
ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตบางขุนเทียน ผู้บริหารสำนักงานเขตบางขุนเทียน ผู้แทนกรมประมง และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เขตบางขุนเทียน
นาย
ชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้มาลงพื้นที่ดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำซึ่งเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วโดยแพร่มาจากจังหวัดสมุทรสงคราม สำหรับการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เข้ามาถึง ณ ขณะนี้ คือ เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ และบางบอน ซึ่งมีเกษตรกรประมาณ 900 ราย ที่ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ มีวังกุ้ง วังปลา การแพร่ระบาดเข้ามาของปลาหมอคางดำที่แพร่พันธุ์ได้เร็วมาก ทนทานต่อสภาพแวดล้อม กินปลาเล็ก ไข่ปลา เป็นอาหาร ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมากและจะทำให้เกิดผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่เพียงเฉพาะเกษตรกร และกทม.ต้องเร่งประสานความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้
“
กรุงเทพมหานครทำงานร่วมกับกรมประมงอย่างใกล้ชิด และต้องหาวิธีเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เพราะกิจการเสียหายมาก รายได้ลดลงเป็น 10 เท่า ในการแก้ปัญหากทม. ต้องฟังกรมประมงเป็นหลักเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ตอนนี้จะแพร่ระบาดใน 3 เขตของกทม. แต่แนวโน้มคงขยายไปไกลกว่านี้ ต้องร่วมมือหลายฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวกรุงเทพมหานครอย่างดีที่สุด” นาย
ชัชชาติกล่าว
ด้านนาย
ศรายุทธ์ เมธินาพิทักษ์ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านประมง กรมประมง กล่าวว่า กรมประมงได้สรุปเป็นมาตรการในการแก้ไข
ปัญหา 6 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด และมีการพัฒนาเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดปลาหมอคางดำ มาตรการที่ 2 กำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยการปล่อยปลาผู้ล่า เช่น ปลากะพง มาตรการที่ 3 การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ มาตรการที่ 4 การสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่เขตกันชน ลงพื้นที่สำรวจจังหวัดที่มีลำน้ำเชื่อมต่อกับจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง มาตรการที่ 5 สร้างความรู้ ความตระหนัก และการมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการกำจัดปลาหมอคางดำ เพื่อป้องกันและพร้อมรับมือการแพร่ระบาด และมาตรการที่ 6 การติดตาม ประเมินผล ทั้งนี้รวมถึงนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา เช่น การผลิตปลาหมันเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำในธรรมชาติเพื่อให้เป็นหมันไม่สามารถแพร่พันธุ์ต่อได้
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาดเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
https://ch3plus.com/news/economy/morning/408249
น้ำมัน WTI ปิดลบ 41 เซนต์ ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดฉุดตลาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (12 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่อ่อนแอลงกับข้อมูลที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 82.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 85.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.1% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงมากกว่า 1.7%
ผลสำรวจรายเดือนของมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.ค. แม้ว่าความคาดหวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อดีขึ้นในปีหน้าและปีถัดไปก็ตาม
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 66.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 68.5 จากระดับ 68.2 ในเดือนมิ.ย.
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่คาดเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนการบริการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดหวังว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.0% หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.6% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ สัญญาณอุปสงค์ที่อ่อนแอลงจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้น อาจถ่วงราคาน้ำมันลงด้วย หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนร่วงลง 11% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี
JJNY : ไทยสร้างไทยอัด“เศรษฐา”│ชัชชาติลุยบางขุนเทียน│ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาด ลดลง│“เกาหลีเหนือ”ประหาร นร.30คน
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_745368/
“ทิวากร” ไทยสร้างไทย อัด “เศรษฐา”บริหารไม่ถึงปี แต่ทำชาวนาไร้อนาคต ชี้ปุ๋ยคนละครึ่ง คือความผิดพลาดใหญ่ของรัฐบาล ตั้งสมมติฐานราคาข้าวสุดมั่ว ทำชาวนาชวดค่าเกี่ยวไร่ละพัน
นายทิวากร สุระชน รองโฆษกพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง โดยระบุว่า เมื่อรัฐบาล ไม่ฟังเสียงทักท้วงจากประชาชน สุดท้ายนโยบายนี้จะกลายเป็นอีกหนึ่งความผิดพลาดของรัฐบาล เริ่มตั้งแต่การตั้งสมมติฐานเรื่องราคาข้าวที่ผิดพลาด โดยกล่าวอ้างว่าราคาข้าวในปีการผลิต 2567/2568 ดีกว่าหลายปีที่ผ่านมา ทั้งที่ราคาที่สูงอยู่ประมาณ 12,000-13,000 บาทต่อตันตอนนี้เป็นราคา ที่เกษตรกรพี่น้องชาวนาไม่มีข้าวอยู่ในมือ ไม่สามารถนำข้าวออกขายได้ แต่เมื่อสิ้นสุดฤดูกาลผลิต ข้าวที่ชาวนาเพาะปลูกออกพร้อมกัน ราคาก็จะตกลงเหลือเพียง8,000-9,000บาท เท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ดังนั้นการใช้ยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาดเช่นนี้ ทำให้ความหวังของชาวนา ที่จะได้เงินช่วยค่าเก็บเกี่ยวไร่ละ 1,000บาท จึงหายไป
นอกจากยุทธศาสตร์ในการดูแลพี่น้องชาวนาที่ผิดพลาดแล้ว เมื่อพิจารณาตัวโครงการปุ๋ยคนละครึ่งจะพบว่า เงินงบประมาณที่จะใช้ราว 30,000 ล้านบาทในการอุดหนุนโครงการนี้ จะเป็นการนำเงินไปซื้อปุ๋ยเคมี และแน่นอนว่าจะไม่ใช่โครงการที่ทำนาเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญนี่คือฤดูกาลผลิตที่ 2 ของรัฐบาลที่นำโดยนายกเศรษฐา ทวีสิน แต่เรายังคงเห็นการแก้ไขปัญหาแบบเดิมๆ ซึ่งไม่ใช่การลดต้นทุนทางการเกษตรอย่างแท้จริง ไม่เห็นการแก้ไขปัญหาที่โครงสร้าง โดยเฉพาะ ปัจจัยเรื่องดินและน้ำ ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญในการเพิ่มคุณภาพและผลผลิตทางการเกษตร หรือการรับมือความท้าทายเกี่ยวกับปัญหาสุขภาพและสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ถ้านายเศรษฐา ยังบริหารแบบไร้อนาคตเช่นนี้ คนเดือดร้อนที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นพี่น้องชาวนา และภารกิจเร่งด่วนที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ว่าจะวางยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการน้ำตามความต้องการน้ำในแต่ละพื้นที่ บริหารจัดการทรัพยากรดิน บริหารจัดการแปลงเกษตรและการวิจัยพัฒนาพันธุ์เพื่อเพิ่มผลผลิต นำนวัตกรรมเกษตรแม่นยำมาใช้ เพิ่มมูลค่าผลตอบแทนต่อไร่ให้สูงขึ้น คงเป็นเทคเนิคการหาเสียงเช่นเคย
ชัชชาติ ลุยบางขุนเทียน กำจัดปลาหมอคางดำ กระทบแล้ว 3 เขต กรมประมงเร่ง 6 มาตรการ
https://www.matichon.co.th/local/news_4678718
ชัชชาติ ลุยบางขุนเทียน กำจัดปลาหมอคางดำ กระทบแล้ว 3 เขต กรมประมงเร่ง 6 มาตรการ
เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขตบางขุนเทียน ผู้บริหารสำนักงานเขตบางขุนเทียน ผู้แทนกรมประมง และผู้เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์แพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ เขตบางขุนเทียน
นายชัชชาติ กล่าวว่า วันนี้มาลงพื้นที่ดูสถานการณ์การแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำซึ่งเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วโดยแพร่มาจากจังหวัดสมุทรสงคราม สำหรับการแพร่ระบาดในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่เข้ามาถึง ณ ขณะนี้ คือ เขตบางขุนเทียน ทุ่งครุ และบางบอน ซึ่งมีเกษตรกรประมาณ 900 ราย ที่ประกอบอาชีพเลี้ยงสัตว์น้ำ มีวังกุ้ง วังปลา การแพร่ระบาดเข้ามาของปลาหมอคางดำที่แพร่พันธุ์ได้เร็วมาก ทนทานต่อสภาพแวดล้อม กินปลาเล็ก ไข่ปลา เป็นอาหาร ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนมากและจะทำให้เกิดผลกระทบเป็นห่วงโซ่ไปถึงอุตสาหกรรมอื่น ๆ ไม่เพียงเฉพาะเกษตรกร และกทม.ต้องเร่งประสานความร่วมมือทุกหน่วยงานเพื่อแก้ไขปัญหานี้
“กรุงเทพมหานครทำงานร่วมกับกรมประมงอย่างใกล้ชิด และต้องหาวิธีเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบ เพราะกิจการเสียหายมาก รายได้ลดลงเป็น 10 เท่า ในการแก้ปัญหากทม. ต้องฟังกรมประมงเป็นหลักเพราะเป็นผู้เชี่ยวชาญ พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง แม้ตอนนี้จะแพร่ระบาดใน 3 เขตของกทม. แต่แนวโน้มคงขยายไปไกลกว่านี้ ต้องร่วมมือหลายฝ่ายเพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวกรุงเทพมหานครอย่างดีที่สุด” นายชัชชาติกล่าว
ด้านนายศรายุทธ์ เมธินาพิทักษ์ หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านประมง กรมประมง กล่าวว่า กรมประมงได้สรุปเป็นมาตรการในการแก้ไข
ปัญหา 6 มาตรการ คือ มาตรการที่ 1 การควบคุมและกำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำทุกแห่งที่พบการแพร่ระบาด และมีการพัฒนาเครื่องมือประมงที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดปลาหมอคางดำ มาตรการที่ 2 กำจัดปลาหมอคางดำในแหล่งน้ำธรรมชาติ โดยการปล่อยปลาผู้ล่า เช่น ปลากะพง มาตรการที่ 3 การนำปลาหมอคางดำที่กำจัดออกจากระบบนิเวศไปใช้ประโยชน์ มาตรการที่ 4 การสำรวจและเฝ้าระวังการแพร่กระจายประชากรปลาหมอคางดำในพื้นที่เขตกันชน ลงพื้นที่สำรวจจังหวัดที่มีลำน้ำเชื่อมต่อกับจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดเพื่อเป็นการเฝ้าระวัง มาตรการที่ 5 สร้างความรู้ ความตระหนัก และการมีส่วนร่วมทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในการกำจัดปลาหมอคางดำ เพื่อป้องกันและพร้อมรับมือการแพร่ระบาด และมาตรการที่ 6 การติดตาม ประเมินผล ทั้งนี้รวมถึงนำผลงานวิจัยและเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา เช่น การผลิตปลาหมันเพื่อปล่อยลงสู่แหล่งน้ำให้ไปผสมพันธุ์กับปลาหมอคางดำในธรรมชาติเพื่อให้เป็นหมันไม่สามารถแพร่พันธุ์ต่อได้
ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกปิดตลาดเมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงเล็กน้อย
https://ch3plus.com/news/economy/morning/408249
น้ำมัน WTI ปิดลบ 41 เซนต์ ข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดฉุดตลาด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันศุกร์ (12 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนประเมินความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐที่อ่อนแอลงกับข้อมูลที่สนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนส.ค. ลดลง 41 เซนต์ หรือ 0.5% ปิดที่ 82.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ย. ลดลง 37 เซนต์ หรือ 0.43% ปิดที่ 85.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.1% ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ลดลงมากกว่า 1.7%
ผลสำรวจรายเดือนของมหาวิทยาลัยมิชิแกนแสดงให้เห็นว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.ค. แม้ว่าความคาดหวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อดีขึ้นในปีหน้าและปีถัดไปก็ตาม
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 66.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 68.5 จากระดับ 68.2 ในเดือนมิ.ย.
ส่วนกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่คาดเล็กน้อย เนื่องจากต้นทุนการบริการเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงคาดหวังว่า เฟดอาจจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนี PPI ทั่วไป (Headline PPI) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.3% จากระดับ 2.4% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.1% หลังจากปรับตัวขึ้น 0.0% หรือไม่มีการเปลี่ยนแปลงในเดือนพ.ค.
ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5% จากระดับ 2.6% ในเดือนพ.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PPI พื้นฐาน ปรับตัวขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2% จากระดับ 0.3% ในเดือนพ.ค.
นอกจากนี้ สัญญาณอุปสงค์ที่อ่อนแอลงจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกนั้น อาจถ่วงราคาน้ำมันลงด้วย หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนร่วงลง 11% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบเป็นรายปี