ไปดูมาเล่า : ยูเรนัส 2324
ก่อนพูดถึงเรื่องอื่น ขอแสดงตัวไว้ก่อนเลยว่า ผมผิดหวังกับหนังเรื่องนี้จากความคาดหวัง ตามที่เห็นจากหน้าหนังมาก
(ไม่เคยดูตัวอย่างเลย เห็นแต่ภาพหน้าโรงกับความโฆษณาเล็ก ๆ น้อย ๆ)
เพราะคิดว่ามันเป็นหนังไซไฟ หนังอวกาศ ร่วมทั้งมีคำโปรยมาว่าเป็น "ภาพยนตร์โรแมนติกไซไฟ" รวมทั้งเป็น "ภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย"
พอเข้าไปดูซักพัก เริ่มตั้งแต่ชื่อเรื่อง
- เราจะเห็นดาวยูเรนัสไม่ถึง 10 วินาที ในช่วงเปิดเรื่องที่เป็น CG รวม ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา เป็นไปตามหลักของการเกริ่นเรื่องราวของหนังทั่ว ๆ ไป
- เราจะเห็นฉากอวกาศ น้อยกว่าฉากดำน้ำ
- ตอนแรกจะรู้สึกว่าเป็นหนังที่ flashback มากกว่าเส้นเรื่องปัจจุบัน
- และดูไปอีกซักพัก เราจะจับทางได้ว่ามันเป็นหนังรักธรรมดาที่เอา theme อวกาศมาเป็นเหตุผลของการจากลา แต่ดันทะลึ่งเอามาเป็นชื่อหลักของเรื่อง
จนสุดท้ายผมเลยตั้งชื่อใหม่เป็น
the multiverse of madness (of love)
ข้าจักตามรักเจ้า ทุกชาติไป
อีกสิ่งที่ค่อนข้างขัดใจ, ไม่ค่อนข้างและ เอาเป็นว่าขัดใจเลยล่ะกันคือคำโปรยที่ว่า "ภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย"
ถ้าจะมีแค่นี้ในส่วนของอวกาศ ที่น้อยกว่าอีกส่วนในเรื่องของการดำน้ำในหนังตัวเอง
ผมว่า "ภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย" ของไทย เท่าที่นึกออก มันคือ "ขอชื่อสุธี 3-4 ชาติ" ใน part สุดท้ายมากกว่า
(จะบอกว่า ขอชื่อสุธีฯ เป็นหนังเรื่องแรก ๆ ของไทยด้วยซ้ำที่มีการเล่าแบบแบ่งเป็นเรื่องสั้น ๆ แล้วมีส่วนเกี่ยวโยงกันในเรื่อง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บ่นส่วนตัวพอล่ะ ไปกันต่อ
synopsis จากพันทิป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ความรัก' กับ การจากลา' เรื่องราวความรักของ คน 2 คน ที่ยากจะได้รักกัน กับเหตุการณ์หายนะต่างๆ ที่ทำให้ 'แคท' จมลึกสู่ใต้มหาสมุทร และ 'ลิน' ...ที่ต้องเจอกับ 'พายุสุริยะ' ในห้วงอวกาศ ยากจะเอาชีวิตรอด นำไปสู่เหตุการณ์ ที่ทำให้เธอทั้งคู่ ต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งในโลกคู่ขนาน
แต่การกลับมาเจอกัน ก็ไม่อาจทำให้ ‘ลิน’ และ ’แคท’ มีความสุข เพราะในแต่ละโลกที่ได้พบกันนั้น ยังมีอุปสรรค ที่จะทำให้พวกเธอ ต้องจากกันซ้ำๆ ตอกย้ำให้ต้องเจ็บปวด
พวกเธอจะสามารถเอาชนะ 'ชะตา' ที่ต้องจากกัน หรือ ความรักจะนำพาให้ทั้ง 2 คน กลับมาเจอกัน และมีความสุขอีกครั้งได้หรือไม่? เอาใจช่วย 'ลิน' และ 'แคท' ในภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย ใน "ยูเรนัส2324"
รีวิวจากความทรงจำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้อยากที่เกริ่น ๆ ไปตอนต้น ว่าผิดหวัง เพราะงั้น ผมจะถือว่า มันไม่ใช่หนังอวกาศตาที่โดนหลอกไปให้ดู แต่เป็นหนังรักที่มีฉากอวกาศมาเป้นส่วนเสริมเนื้อเรื่องก็แล้วกันนะ
คนสองคน แยกจากกันไปตามความฝันและความจำเป็นของชีวิตแต่ละคน คนนึงไปอยู่จุดสูงสุดคือเป็นนักบินอวกาศ ที่ไม่ต้องหาเหตุผลหรอกนะครับว่า สามารถไปเป็นนักบินฯ ได้ยังไง เอาเป็นว่าเป็นได้ก็แล้วกัน จะให้เค้าเล่าความสามารถตรงนี้ ก็เกรงว่าเวลาของหนังจะไม่พอ (ไม่พอเล่าในส่วนของความรัก)
กับอีกคนไปอยู่จัดต่ำสุดของโลก (จริง ๆ ไม่ต่ำสุดหรอกนะครับ, แต่เปรียบเทียบให้เห็นสภาพวะของควรามแตกต่างเฉย ๆ)
ด้วยการเป็นนักดำน้ำ
เกิดอุบัติเหตุจากเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ทั้งสองคนสามารถกระโดดข้ามเวลาเพื่อไปตามรักกันในโลกคู่ขนานต่าง ๆ ได้
ข้อดีคือ มีความพยายามผสานเอาโลกคู่ขนานต่าง ๆ ที่กระโดดไป หรือจะเรียกว่า Multiverse ก็ได้ ผนวกกับเหตุการที่เกิดขึ้นจริง ๆ อย่าง เหตุการณ์สึนามิที่เขาหลัก หรือช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กองทัพญี่ปุ่นมาตั้งกองทัพในไทย
part ของช่วงสงครามโลก ถ้าน้าอ่ำ ที่เป็นตัวละครด้วยนั้น ถ้าบอกว่าตัวเองเป็น เสรีไทย มีนิคเนมว่า "อัคคี เมฆยันต์" จะบันเจิดมาก
แต่ไม่มีแหล่ะดีแล้ว เดี๋ยวมันจะมั่วเกิน, แต่เห็นหน้าน้าแกในยุคมัน นึกถึงจริง ๆ นะ 555555

part ของช่วงสึนามิ เห็นหน้า "ลิน" ครั้งแรก, นี่มัน แต๊ว@เด็กหอ ชัด ๆ
(ภาพคลื่นยักษ์มา สมจริงหรือเปล่าไม่รู้ แต่สำหรับผม มันสวยดีนะ)

ตอนที่ดู ผมยอมรับเลยว่าตั้งหลักไม่ทัน
เพราะอย่างที่เกริ่นไปว่า flashback มากกว่าเนื้อเรื่องปัจจุบัน ก็เลยกลายเป็นว่า กว่าจะรู้ตัวว่าเป็น Multiverse ก็พลาดรายละเอียดไปบางจุด
รวมทั้งหนังเล่าในมุมของ "แคท" เป็นหลัก ทำให้การเข้ามาแจมใน Multiverse ของลิน (หมายถึงการเข้ามาแบบรู้ตัวตน) ในช่วงท้ายที่ไม่ได้รับการขยี้ซักเท่าไหร่
เลยคิดว่าอาจจะตกหล่นไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่ สำคัญอะไรนัก
แม้ความ อิหยังว่ะ เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ของความไม่สมเหตุสมผลของพฤติกรรมตัวละคร (หรือการออกแบบเหตุการณ์) เช่น
- แม่-ลูก คุยกันเป็นภาษาอังกฤษ แต่คุยกับคนอื่นเป็นไทย
ตอนแรกคิดว่า น่าจะเป็นเพราะอยู่ต่างประเทศมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ใช่ เพราะอยู่ที่ไทยมาโดยตลอด
เลยคิดไปเองว่า อาจจะมาจากความที่ไม่อยากใช้ภาษาไทยกับลูก เนื่องจากไม่อยากกลับไปนึกถึงความสูญเสียที่เกิดที่ไทยแลนด์ (มั้ง)
- ลินนัดแคท ไปเจอกันที่ เขาไข่นุ้ย เพื่อไปดูทะเลหมอก แต่ดันต่างคนต่างไป เข้าใจว่าเพื่อเป็นต้นเหตุการณ์ของฉากถัดไป
แต่พฤติกรรมของตัวละคร มันไม่ควรเป็นแบบนี้
- หรือแม้แต่เหตุผลของการที่ ลิน ต้องออกไปซ่อมยานเอง เพราะคนในทีมอีกคน เกิดอุบัติเหตุจากการยึดอุปกรณ์ที่ตก QC
- ความสัมพันธ์ของตัวละครในครอบครัว ปกติเจอหน้ากันครั้งแรกระหว่างพ่อ/ลูกสาว ผมว่ามันต้องมีวิ่งไปกอด แต่นี่ยืนเฉยเหมือนเจอลุงข้างบ้านมากกว่า
- บ้าน ไม่ได้กลับกว่า 2 ปี น้ำไฟ โดนตัดหรือเปล่าไม่รู้ แต่เครื่องอัดภาพทำงานได้ แสดงว่าไฟยังมี แต่ทำไมไม่เปิดไฟ, เข้าใจว่าต้องการแสงให้ภาพสวย แต่มันผิดปกติของคนกลับมาบ้าน
..... แต่
หากตัดเรื่องความไม่สมเหตุ สมผลทิ้งไป แต่เน้นไปในเรื่องความรัก
ผมว่าจุดนี้เป็นจุดดี ที่ไม่ใช่จุดที่หน้าหนังชวนให้ผมเข้ามาดู, แต่จะลองคิดว่า ผมตั้งใจมาดูเพราะเรื่องนี้ก็ได้
part ของความรัก ผมว่าทำออกมาได้ละมุน ละไมดีนะ
อาจจะเพราะมันเป็นเรื่องของ หญิง-หญิง ด้วยก็ได้มั้ง ทีทำให้ได้เปรียบหนังรักของคู่หญิง-ชาย ที่มันดูน่ารัก มากกว่าติดเรทขนลุก
แต่กระนั้นก็เถอะมีช่วง 18+ ที่ไม่ได้ถอดอยู่หน่อยนึงนะ
part ที่กลับไปในยุคสงครามโลก ช่วง Action ไล่ล่ากันระหว่างเสรีไทยกับทหารญี่ปุ่น สำหรับผมถือว่าดีนะ Action ได้พอคิดว่า ตกลงว่าหนังจะเปลี่ยนแนวเลยใช่มั้ย
ไม่นั้นสิ่งขัดตาว่า ทำไมห้องอาบน้ำ มันถึงได้ดูจีนโบราณจ๋าซะอย่างงั้น (ยุคนั้นอาจจะเป้นแบบนั้นก็ได้นะ, ผมเองก็เกิดไม่ทัน แต่แค่มันขัด ๆ)
ถึงแม้หนังจะเห็น reference ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจในหลาย ๆ เรื่อง แต่สิ่งนึงที่ reference แน่ ๆ คือ หนังเรื่องนี้มีพล็อตจาก Interstellar อยู่อย่างมาก มาก ๆ ถึงมากที่สุด
ต่างกันแค่ Interstellar ไม่ไปแตะเส้นเวลา แต่หนังเรื่องนี้ลากไปหา Multiverse กันเลยทีเดียว
สรุป
- หน้าหนังและการตั้งชื่อรวมทั้งคำโปรย over เกินตัวมากเกินไป
- เป็นหนังของกลุ่มเฉพาะ (หญิงรักหญิง) ที่ทำออกมาได้ (น่าจะ) ดี ละมุนละไม
- พล็อตเหตุการณ์ต่าง ๆ ง่อยเกินไป เหมือนว่ายังไงก็ได้ ให้ตัวละครมันเป็นแบบนี้ จะได้ลงท้ายแบบที่ต้องการ
- ไม่ใช่หนังอวกาศหรือไซไฟใด ๆ (ผมไม่ถือว่า หนังที่มีฉากบนอวกาศ มันจะเป็นหนังไซไฟ, เพราะมันแค่มาเป็นเหตุผลนิดหน่อยในการเล่าเรื่อง ที่ตัวมันเองไม่ใช่เรื่องหลัก)
- บทพูดทั้งเรื่องเนื้อหาและภาษาที่ใช้ ไม่ธรรมชาติทั้งเรื่องที่พูดและช่วงการใช้ภาษาที่พูด (การที่จะบอกว่า อยากเอาหนังไปขายต่างประเทศ ไม่ใช่เหตุผลที่ดี, ถ้าอยากทำแบบนั้น ควรต่างชาติให้ได้มากที่สุด, คนส่งของที่เมืองนอกยังเป็นคนไทยเลย)
- หน้าหนังและการตั้งชื่อรวมทั้งคำโปรย over เกินตัวมากเกินไป
- เป็นหนังของกลุ่มเฉพาะ (หญิงรักหญิง) ที่ทำออกมาได้ (น่าจะ) ดี ละมุนละไม
- พล็อตเหตุการณ์ต่าง ๆ ง่อยเกินไป เหมือนว่ายังไงก็ได้ ให้ตัวละครมันเป็นแบบนี้ จะได้ลงท้ายแบบที่ต้องการ
- ไม่ใช่หนังอวกาศหรือไซไฟใด ๆ (ผมไม่ถือว่า หนังที่มีฉากบนอวกาศ มันจะเป็นหนังไซไฟ, เพราะมันแค่มาเป็นเหตุผลนิดหน่อยในการเล่าเรื่อง ที่ตัวมันเองไม่ใช่เรื่องหลัก)
- บทพูดทั้งเรื่องเนื้อหาและภาษาที่ใช้ ไม่ธรรมชาติทั้งเรื่องที่พูดและช่วงการใช้ภาษาที่พูด (การที่จะบอกว่า อยากเอาหนังไปขายต่างประเทศ ไม่ใช่เหตุผลที่ดี, ถ้าอยากทำแบบนั้น ควรต่างชาติให้ได้มากที่สุด, คนส่งของที่เมืองนอกยังเป็นคนไทยเลย)
สรุปอีกที
- ถ้ารู้ว่าหนังมันจะมีแค่นี้ และสรุปด้วยความเป็นหนังไซไฟ ผมถือว่าห่วย และจะไม่เข้าไปดู (ถ้าไม่ว่าง)
- แต่ถ้ามองเฉพาะเรื่องเป็นหนังรัก ก็ถือว่าน่ารัก ๆ ดี, น่าจะตอบโจทย์แฟน ๆ เป้าหมายได้
[CR] ไปดูมาเล่า : ยูเรนัส 2324
ก่อนพูดถึงเรื่องอื่น ขอแสดงตัวไว้ก่อนเลยว่า ผมผิดหวังกับหนังเรื่องนี้จากความคาดหวัง ตามที่เห็นจากหน้าหนังมาก
(ไม่เคยดูตัวอย่างเลย เห็นแต่ภาพหน้าโรงกับความโฆษณาเล็ก ๆ น้อย ๆ)
เพราะคิดว่ามันเป็นหนังไซไฟ หนังอวกาศ ร่วมทั้งมีคำโปรยมาว่าเป็น "ภาพยนตร์โรแมนติกไซไฟ" รวมทั้งเป็น "ภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย"
พอเข้าไปดูซักพัก เริ่มตั้งแต่ชื่อเรื่อง
- เราจะเห็นดาวยูเรนัสไม่ถึง 10 วินาที ในช่วงเปิดเรื่องที่เป็น CG รวม ๆ ที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อหา เป็นไปตามหลักของการเกริ่นเรื่องราวของหนังทั่ว ๆ ไป
- เราจะเห็นฉากอวกาศ น้อยกว่าฉากดำน้ำ
- ตอนแรกจะรู้สึกว่าเป็นหนังที่ flashback มากกว่าเส้นเรื่องปัจจุบัน
- และดูไปอีกซักพัก เราจะจับทางได้ว่ามันเป็นหนังรักธรรมดาที่เอา theme อวกาศมาเป็นเหตุผลของการจากลา แต่ดันทะลึ่งเอามาเป็นชื่อหลักของเรื่อง
จนสุดท้ายผมเลยตั้งชื่อใหม่เป็น
the multiverse of madness (of love)
ข้าจักตามรักเจ้า ทุกชาติไป
อีกสิ่งที่ค่อนข้างขัดใจ, ไม่ค่อนข้างและ เอาเป็นว่าขัดใจเลยล่ะกันคือคำโปรยที่ว่า "ภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย"
ถ้าจะมีแค่นี้ในส่วนของอวกาศ ที่น้อยกว่าอีกส่วนในเรื่องของการดำน้ำในหนังตัวเอง
ผมว่า "ภาพยนตร์อวกาศเรื่องแรกของไทย" ของไทย เท่าที่นึกออก มันคือ "ขอชื่อสุธี 3-4 ชาติ" ใน part สุดท้ายมากกว่า
(จะบอกว่า ขอชื่อสุธีฯ เป็นหนังเรื่องแรก ๆ ของไทยด้วยซ้ำที่มีการเล่าแบบแบ่งเป็นเรื่องสั้น ๆ แล้วมีส่วนเกี่ยวโยงกันในเรื่อง)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
บ่นส่วนตัวพอล่ะ ไปกันต่อ
synopsis จากพันทิป
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รีวิวจากความทรงจำ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป
- หน้าหนังและการตั้งชื่อรวมทั้งคำโปรย over เกินตัวมากเกินไป
- เป็นหนังของกลุ่มเฉพาะ (หญิงรักหญิง) ที่ทำออกมาได้ (น่าจะ) ดี ละมุนละไม
- พล็อตเหตุการณ์ต่าง ๆ ง่อยเกินไป เหมือนว่ายังไงก็ได้ ให้ตัวละครมันเป็นแบบนี้ จะได้ลงท้ายแบบที่ต้องการ
- ไม่ใช่หนังอวกาศหรือไซไฟใด ๆ (ผมไม่ถือว่า หนังที่มีฉากบนอวกาศ มันจะเป็นหนังไซไฟ, เพราะมันแค่มาเป็นเหตุผลนิดหน่อยในการเล่าเรื่อง ที่ตัวมันเองไม่ใช่เรื่องหลัก)
- บทพูดทั้งเรื่องเนื้อหาและภาษาที่ใช้ ไม่ธรรมชาติทั้งเรื่องที่พูดและช่วงการใช้ภาษาที่พูด (การที่จะบอกว่า อยากเอาหนังไปขายต่างประเทศ ไม่ใช่เหตุผลที่ดี, ถ้าอยากทำแบบนั้น ควรต่างชาติให้ได้มากที่สุด, คนส่งของที่เมืองนอกยังเป็นคนไทยเลย)
- หน้าหนังและการตั้งชื่อรวมทั้งคำโปรย over เกินตัวมากเกินไป
- เป็นหนังของกลุ่มเฉพาะ (หญิงรักหญิง) ที่ทำออกมาได้ (น่าจะ) ดี ละมุนละไม
- พล็อตเหตุการณ์ต่าง ๆ ง่อยเกินไป เหมือนว่ายังไงก็ได้ ให้ตัวละครมันเป็นแบบนี้ จะได้ลงท้ายแบบที่ต้องการ
- ไม่ใช่หนังอวกาศหรือไซไฟใด ๆ (ผมไม่ถือว่า หนังที่มีฉากบนอวกาศ มันจะเป็นหนังไซไฟ, เพราะมันแค่มาเป็นเหตุผลนิดหน่อยในการเล่าเรื่อง ที่ตัวมันเองไม่ใช่เรื่องหลัก)
- บทพูดทั้งเรื่องเนื้อหาและภาษาที่ใช้ ไม่ธรรมชาติทั้งเรื่องที่พูดและช่วงการใช้ภาษาที่พูด (การที่จะบอกว่า อยากเอาหนังไปขายต่างประเทศ ไม่ใช่เหตุผลที่ดี, ถ้าอยากทำแบบนั้น ควรต่างชาติให้ได้มากที่สุด, คนส่งของที่เมืองนอกยังเป็นคนไทยเลย)
สรุปอีกที
- ถ้ารู้ว่าหนังมันจะมีแค่นี้ และสรุปด้วยความเป็นหนังไซไฟ ผมถือว่าห่วย และจะไม่เข้าไปดู (ถ้าไม่ว่าง)
- แต่ถ้ามองเฉพาะเรื่องเป็นหนังรัก ก็ถือว่าน่ารัก ๆ ดี, น่าจะตอบโจทย์แฟน ๆ เป้าหมายได้
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้