ผมโชคดีมาก ที่มีเพื่อนบ้านเป็นอาจารย์แพทย์เฉพาะทางเดินอาหารและตับ
ท่านประจำอยู่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง และเป็นโรงพยาบาล ที่ผมมีสิทธิ์ทางประกันสังคมอยู่ด้วย
ส่วนใหญ่คุณหมอท่านจะลงตรวจที่ รพ.รัฐ อาทิตย์ละ 2 วันภาคเช้า เนื่องจากต้องประจำอยู่เอกชนด้วย
อย่างวันนี้ล่าสุดตอนเช้า ผมรู้สึกมีปัญหาเกี่ยวกับท้องไส้ หรือกระเพาะ แต่ไม่สะดวกไปโรงพยาบาล
แล้ววันนี้โชคดีอีกอย่างคือเป็นวันหยุดของคุณหมอพอดี เพิ่งทราบเพราะแกบอก
โดยไลน์ไปหาท่านก่อนว่าวันนี้คุณหมอลงตรวจที่ไหน ก็เล่าอาการเบื้องต้นให้แกทราบ
แกก็ตอบกลับอย่างไว ว่าวันนี้ผมหยุด อยู่บ้านนะ เดินไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมเข้าไปหาเอง
....ผมยังไม่ทันได้ตอบแกเลย ประมาณ 5 นาที แกโผล่มาที่บ้านแล้ว ไวมาก ฮ้าๆ ๆ
เร็วยิ่งกว่าไปรพ.เอกชนซะอีก อย่างรพ.เอกชน อย่างน้อยก็ต้องมีรอคิวบ้างแหละ 15-20 นาทีว่าไป
แต่อันนี้คือไม่ถึง 5 นาที แกเดินมาหาถึงบ้านเลย ฮ่าๆ
แกก็จะถามๆๆอาการ กดๆคลำๆท้อง ถามอาการ ถามถึงถ่ายเหลวไหม ท้องผูกไหม เหมือนตอนโดนถามที่โรงบาลเลย
แกก็บอกไม่น่าห่วงอะไร ไม่มีก้อน แต่เหมือนแกรู้ว่าผมไม่สบายใจ
แกเลยพูดขึ้นมาว่า พี่อยากให้ไป x-ray หรืออัลตราซาวด์ดูดีกว่า ชัวร์สุด
แกก็จะให้ไปโรงพยาบาล แกก็บอกให้ไปพรุ่งนี้นะ แผนกนี้ เวลานี้ แกก็จะแนะนำว่าไปให้ตรงเวลา นู่นนี่นั่น
พูดๆเสร็จ แกก็บอกแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ ขับรถไปไม่ไหวก็นั่งแท็กซี่เอา ไม่ต้องขับเอง อันตราย
เมื่อสองปีก่อน คุณตาผมตกต้นมะม่วง แล้วเกิดอุบัติเหตุ ส่งห้องฉุกเฉิน
คุณหมอแกก็คุยกับเพื่อนแพทย์ด้วยกันเฉพาะทางกระดูกให้
ส่วนตัวผมก็วิ่งเต้นทำเรื่องจองห้องพิเศษไว้ เพราะยังไงต้องแอดมิทแน่นอน
คือดีมาก แต่ก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ชนอะไรมากครับ
มันอาจจะไวหน่อยถ้าเทียบกับถ้าต้องรอคิวตามระบบปกติ
ผมยังรู้สึกขอบคุณแกทุกครั้ง แกดีมาก
หลายๆเรื่อง ที่ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้มันเป็น ผมก็เพิ่งรู้เพราะคุณหมอท่านนี้เลย
ท่านก็แนะนำตลอด บางครั้งรู้สึกโชคดีในใจนิดๆ
ก็ภาวนาเวลาป่วยทุกครั้งว่าขออย่าให้เป็นอะไรหนักๆเลยเพราะมันคงทรมานกับการรอคิวมากแน่ๆ
เคยปรึกษาแก เรื่องประกันสุขภาพ ว่าจะทำหรือไม่ทำดี
แกบอกว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำเลย เพราะแค่ประกันสังคม ก็เพียงพอแล้ว
แกเล่าให้ฟังว่า คนป่วนส่วนใหญ่ 90% ที่มาจากเอกชน ส่วนใหญ่ มาหายกับ รพ.รัฐทั้งนั้น
และเหตุผลหลักๆคือเครื่องมือรัฐดีกว่า โดยเฉพาะในโรงเรียนแพทย์ และโรงบาลรัฐใหญ่ๆ
ไม่ต้องรอคิว ถ้าเป็นแบบส่งตัวมา เข้าฉุกเฉินและได้ตรวจเลยทันที
ถ้าเป็นหนักจริงๆหรือโรคร้ายแรง ทางเอกชนก็ส่งมาให้รัฐดูแลเคสต่อแทบทั้งนั้น
90% สู้ค่ารักษาไม่ไหว ส่วนใหญ่โรคร้ายๆ มาจบที่ รพ.รัฐหมด
ส่วนเอกชน เป็นเพียงทางเลือก กับเรื่องความสบายทั้งการบริการ ความรวดเร็วในการตรวจโรค เท่านั้นเอง แต่ของรัฐอาจมีรอคิวบ้าง แต่ถ้าเป็นคิวนัดพิเศษ บางทีไม่ต้องรอ มาให้ตรงเวลาพอ
ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ทำประกันสุขภาพอะไรหรอก
อย่างคุณแม่ผมก็มี ม.40 ผมทำไว้ให้หลายปีแล้ว ส่วนคุณตาคุณยาย เป็นข้าราชการเกษียณ
คุณหมอท่าน เหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง ที่ดูแลและคอยรักษาเวลาต้องการที่บ้านผมต้องการที่พึ่งมาโดยตลอด
ทั้งตัวผมและครอบครัวผม ทุกคนในบ้านผม เคยรักษากับแกมาทุกคนแล้ว
เป็นบุคคลทรงเกียรติท่านนึงที่ผมเคารพนับถือมากเลยครับ
กระทู้นี้ ผมพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้า ในมือถือเพราะวันนี้ไม่ได้ทำงานเนื่องจากลาป่วย
แต่ก็ยังมีแรงมานอนพิมพ์ข้อความสะยาวได้ ฮ่าๆ
ขอบพระคุณ ที่เสียสละเวลาเรื่องสุดประทับใจเล็กๆของชีวิตผมครับ
ขอบคุณมากครับ
มีใครมีเพื่อนบ้านเป็นแพทย์บ้างมั้ย รู้สึกประทับใจเรื่องอะไรกันบ้างครับ มาแชร์กัน
ท่านประจำอยู่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง และเป็นโรงพยาบาล ที่ผมมีสิทธิ์ทางประกันสังคมอยู่ด้วย
ส่วนใหญ่คุณหมอท่านจะลงตรวจที่ รพ.รัฐ อาทิตย์ละ 2 วันภาคเช้า เนื่องจากต้องประจำอยู่เอกชนด้วย
อย่างวันนี้ล่าสุดตอนเช้า ผมรู้สึกมีปัญหาเกี่ยวกับท้องไส้ หรือกระเพาะ แต่ไม่สะดวกไปโรงพยาบาล
แล้ววันนี้โชคดีอีกอย่างคือเป็นวันหยุดของคุณหมอพอดี เพิ่งทราบเพราะแกบอก
โดยไลน์ไปหาท่านก่อนว่าวันนี้คุณหมอลงตรวจที่ไหน ก็เล่าอาการเบื้องต้นให้แกทราบ
แกก็ตอบกลับอย่างไว ว่าวันนี้ผมหยุด อยู่บ้านนะ เดินไหวรึเปล่า ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวผมเข้าไปหาเอง
....ผมยังไม่ทันได้ตอบแกเลย ประมาณ 5 นาที แกโผล่มาที่บ้านแล้ว ไวมาก ฮ้าๆ ๆ
เร็วยิ่งกว่าไปรพ.เอกชนซะอีก อย่างรพ.เอกชน อย่างน้อยก็ต้องมีรอคิวบ้างแหละ 15-20 นาทีว่าไป
แต่อันนี้คือไม่ถึง 5 นาที แกเดินมาหาถึงบ้านเลย ฮ่าๆ
แกก็จะถามๆๆอาการ กดๆคลำๆท้อง ถามอาการ ถามถึงถ่ายเหลวไหม ท้องผูกไหม เหมือนตอนโดนถามที่โรงบาลเลย
แกก็บอกไม่น่าห่วงอะไร ไม่มีก้อน แต่เหมือนแกรู้ว่าผมไม่สบายใจ
แกเลยพูดขึ้นมาว่า พี่อยากให้ไป x-ray หรืออัลตราซาวด์ดูดีกว่า ชัวร์สุด
แกก็จะให้ไปโรงพยาบาล แกก็บอกให้ไปพรุ่งนี้นะ แผนกนี้ เวลานี้ แกก็จะแนะนำว่าไปให้ตรงเวลา นู่นนี่นั่น
พูดๆเสร็จ แกก็บอกแล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ ขับรถไปไม่ไหวก็นั่งแท็กซี่เอา ไม่ต้องขับเอง อันตราย
เมื่อสองปีก่อน คุณตาผมตกต้นมะม่วง แล้วเกิดอุบัติเหตุ ส่งห้องฉุกเฉิน
คุณหมอแกก็คุยกับเพื่อนแพทย์ด้วยกันเฉพาะทางกระดูกให้
ส่วนตัวผมก็วิ่งเต้นทำเรื่องจองห้องพิเศษไว้ เพราะยังไงต้องแอดมิทแน่นอน
คือดีมาก แต่ก็ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ชนอะไรมากครับ
มันอาจจะไวหน่อยถ้าเทียบกับถ้าต้องรอคิวตามระบบปกติ
ผมยังรู้สึกขอบคุณแกทุกครั้ง แกดีมาก
หลายๆเรื่อง ที่ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับวิธีป้องกันเพื่อไม่ให้มันเป็น ผมก็เพิ่งรู้เพราะคุณหมอท่านนี้เลย
ท่านก็แนะนำตลอด บางครั้งรู้สึกโชคดีในใจนิดๆ
ก็ภาวนาเวลาป่วยทุกครั้งว่าขออย่าให้เป็นอะไรหนักๆเลยเพราะมันคงทรมานกับการรอคิวมากแน่ๆ
เคยปรึกษาแก เรื่องประกันสุขภาพ ว่าจะทำหรือไม่ทำดี
แกบอกว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำเลย เพราะแค่ประกันสังคม ก็เพียงพอแล้ว
แกเล่าให้ฟังว่า คนป่วนส่วนใหญ่ 90% ที่มาจากเอกชน ส่วนใหญ่ มาหายกับ รพ.รัฐทั้งนั้น
และเหตุผลหลักๆคือเครื่องมือรัฐดีกว่า โดยเฉพาะในโรงเรียนแพทย์ และโรงบาลรัฐใหญ่ๆ
ไม่ต้องรอคิว ถ้าเป็นแบบส่งตัวมา เข้าฉุกเฉินและได้ตรวจเลยทันที
ถ้าเป็นหนักจริงๆหรือโรคร้ายแรง ทางเอกชนก็ส่งมาให้รัฐดูแลเคสต่อแทบทั้งนั้น
90% สู้ค่ารักษาไม่ไหว ส่วนใหญ่โรคร้ายๆ มาจบที่ รพ.รัฐหมด
ส่วนเอกชน เป็นเพียงทางเลือก กับเรื่องความสบายทั้งการบริการ ความรวดเร็วในการตรวจโรค เท่านั้นเอง แต่ของรัฐอาจมีรอคิวบ้าง แต่ถ้าเป็นคิวนัดพิเศษ บางทีไม่ต้องรอ มาให้ตรงเวลาพอ
ซึ่งตอนนี้ผมก็ยังไม่ได้ทำประกันสุขภาพอะไรหรอก
อย่างคุณแม่ผมก็มี ม.40 ผมทำไว้ให้หลายปีแล้ว ส่วนคุณตาคุณยาย เป็นข้าราชการเกษียณ
คุณหมอท่าน เหมือนญาติผู้ใหญ่คนนึง ที่ดูแลและคอยรักษาเวลาต้องการที่บ้านผมต้องการที่พึ่งมาโดยตลอด
ทั้งตัวผมและครอบครัวผม ทุกคนในบ้านผม เคยรักษากับแกมาทุกคนแล้ว
เป็นบุคคลทรงเกียรติท่านนึงที่ผมเคารพนับถือมากเลยครับ
กระทู้นี้ ผมพิมพ์ข้อความทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อช่วงเช้า ในมือถือเพราะวันนี้ไม่ได้ทำงานเนื่องจากลาป่วย
แต่ก็ยังมีแรงมานอนพิมพ์ข้อความสะยาวได้ ฮ่าๆ
ขอบพระคุณ ที่เสียสละเวลาเรื่องสุดประทับใจเล็กๆของชีวิตผมครับ
ขอบคุณมากครับ