[Spoil] ข้อมูลที่ไม่เคยรู้เกี่ยวกับ 'มหาเวทผนึกมาร' จากผู้แต่งในงานนิทรรศการ JJK

มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
เช่น ตัวละครที่ถูกระบุว่า ตายแล้ว


Note : จขกท. ไม่ได้เรียงลำดับเหตุการณ์ในบทสัมภาษณ์นะคะ 

บทสัมภาษณ์
QA : ใน JJK : 0 ยูตะเป็นตัวละครหลัก แต่ในเนื้อเรื่องภาคหลัก ช่วงแรกเขาไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลย
ทำไมถึงแนะนำ อคคทสึ ยูตะ เข้าสู่เนื้อเรื่องหลักทั้งที่ตอนแรกไม่มีวี่แววว่าจะมีเขาเลย
และทำไม โกะโจ ซาโตรุ ถึงเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญตั้งแต่เริ่มเรื่อง ?

Gege : แรกเริ่มเดิมที โกะโจ เป็นคนแนะนำยูจิให้นักเรียนในโรงเรียนไสยเวทรู้จัก โกะโจเป็นดั่งเมนเทอร์ของซีรีย์เรื่องนี้
ก่อนที่จะมาวาดซีรีย์ JJK ผมได้รับคำแนะนำจากบรรณาธิการ  คุณ คาตายามะ ... เขาบอกว่า "จะดีกว่าไหม ถ้ายังไม่ต้องมีอคคทสึ ยูตะ?" ซึ่งผมมองว่าเป็นไอเดียที่ค่อนข้างดีครับ นั่นทำให้ผมไม่ได้เอ่ยถึงยูตะตั้งแต่แรกครับ

ผมจึงแก้ปัญหาด้วยการวางเขาในบทบาทซีรีย์เดียวกันในชื่อ  JJK : 0 ครับ
ซึ่งเคยตีพิมพ์ไว้ ใน Jump GIGA เป็นผลงานระดับตำนานเช่นกันในมุมมองของซีรีย์หลัก
ในทางกลับกัน ผมไม่มีทางเลือก ไม่สามารถละทิ้งตัวละครอย่างโกะโจ ซาโตรุ ได้ครับ มันเหมือนกับเรื่อง MHA ที่ไม่มีออลไมท์ อะครับ 



QA : ใน Fanbook ของมหาเวทผนึกมาร ถูกระบุว่าคุณได้ศึกษาเนื้อเรื่องช่วงแรก จาก Bleach และ Naruto ช่วยอธิบายเพิ่มเติมได้ไหม?
Gege :  นารูโตะ นำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างตัวละครเอก นารูโตะ และ คุรามะ
มันเหมือนกับ ยูจิ และสุคุนะ หรือ ยูตะ และ ริกะ ใน JJK ถูกไหมล่ะครับ? แม้ว่าบทสรุปใน JJK0
จะลงเอยด้วยดีระดับหนึ่งเหมือนกับนารูโตะ แต่ในซีรีย์หลักของ JJK เรียวเมน สุคุนะ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเข้ากันได้เลย
 ส่วนในเรื่อง Bleach นำเสนอตัวละครเอกอย่าง อิจิโกะ ที่เปลี่ยนไปเป็นยมทูต ซึ่งมาจากความตั้งใจของเขาเองแม้จะเกิดจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็ตาม ใน JJK เอง ตัวละคร อิตาโดริ ยูจิ กินนิ้วของสุคุนะ ด้วยความตั้งใจของตัวเอง เหมือนกับอิจิโกะที่ทำไปอย่างมีสติในการตัดสินใจนั่นเอง 



QA : ในการต่อสู้ระหว่าง นานามิ vs มาฮิโตะ ก่อนหน้านี้มีการกล่าวไว้ว่า นานามิ
มีผลงานที่เกินความคาดหมายในฐานะตัวละคร คุณช่วยอธิบายส่วนนี้ได้ไหม? (น่าจะฟีลแบบตัวละครเป็นที่นิยม ทำไมบทสรุปถึงตาย) 
Gege : มันเป็นความรู้สึกประมาณว่า ตัวละครหนึ่งตัวมีผลต่อเนื้อเรื่องมากขนาดไหน
"ผมไม่ได้อยากให้นานามิตายที่นี่....แต่บางทีมันก็เลี่ยงไม่ได้" นี่คือสิ่งที่คิดไว้ครับ
เมื่อคิดแบบนี้แล้ว ภาพยูจิก็ผ่านเข้ามา ซึ่งมันนำไปสู่บทสรุปแบบที่ทุกคนทราบกันดี (นานามิ ตาย)
การนำเสนออะไรแบบนั้นทำให้เป็นแรงผลักดันยูจิ และทำให้รู้ว่านานามิเป็นแรงผลักดันนั้นครับ แต่ตัวยูจิเองทำได้เหนือกว่านั้นไปอีก 


QA : จริง ๆ แล้วลำดับเวลาในเรื่องค่อนข้างซับซ้อน คุณออกแบบมันยังไง
Gege : เรื่องลำดับเวลาในเรื่องเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับผมเลยครับ ผมให้ความสำคัญในแง่ของภูมิศาสตร์และความสอดคล้องกันมากกว่า เช่นปกติจะคิดว่า 'เพราะคน ๆ นี้อยู่ที่นี่ พวกเขาควรจะได้พบกันในเวลานี้' อะไรแบบนี้ครับ ก็แอบเสียใจอยู่ที่ไม่ได้คิดให้ละเอียดกว่านี้
เลยทำให้มันซับซ้อน ถือเป็นบทเรียนครับ


QA : มองย้อนกลับไปที่บทจรดลล้างบาง คุณสังเกตเห็นอะไรที่สำคัญมาก ๆ ไหม ?
Gege : เมื่อมองย้อนกลับไปที่บท จรดลล้างบาง แล้ว จริง ๆ
มีกฏในเกมที่อยากเพิ่มเข้าไประหว่างการต่อสู้ เราคุย ๆ กันไว้ว่า จะใช้คะแนนเพิ่มกฏต่าง ๆ เพื่อเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ให้เป็นไปอย่างที่อยากได้
อย่างไรก็ตาม ความคิดเหล่านั้นไม่ได้ถูกเอามาใช้สักเท่าไหร่ครับ


QA: ประกายทมิฬ กำเนิดมาได้อย่างไร?
Gege : มันมาจากคุณ คาตายามะ ที่เป็ณบรรณาธิการ ที่ตอนนั้นกล่าวไว้ว่า "ฉันอยากให้อิตาโดริ ยูจิ มีท่าพิเศษ" แต่ไม่มีอะไรที่ลงตัวเลย และในที่สุดแนวคิดเรื่อง Divergent Fist และ ประกายทมิฬ ก็เกิดขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ ผมยังชอบแนวคิดที่ไม่ได้จำกัดว่ามันเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของแค่อิตาโดริคนเดียว และแนวคิดที่ว่ามันสามารถพัฒนาได้เมื่อประสบผลสำเร็จแม้จะมาจากสถานการณ์ที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อสามารถใช้ติดต่อกันได้จะสร้างจุดเปลี่ยนอย่างมาก นอกจากนี้หากศัตรูสามารถใช้ได้ด้วย จะทำให้การต่อสู้เกิดความตึงเครียดขึ้นครับ 



QA : ในการวาดท่าพิเศษ (ประกายทมิฬ) ไม่เพียงแต่จะมีอธิบายพลัง และเอฟเฟคแล้ว
เหมือนคุณจะต้องใช้พู่กันด้วย คุณคิดอย่างไรตอนที่ออกแบบท่าครับ
Gege : ผมคิดว่า ถ้าวาดมันออกมา ดูดี และเท่ ก็ค่อนข้างเพียงพอแล้วครับ ....
ไม่ได้มีอะไรพิเศษ มีบางครั้งผมก็แอบยอมแพ้เกี่ยวกับทักษะการวาดของตัวเอง แต่ก็ยังมีความปรารถนาอันแรงกล้าที่จะวาดให้ดีให้ได้ ผมคิดว่าแรงปรารถนาพวกนี้ทำให้นักวาดประสบความสำเร็จ อย่างเช่นคุณโฮริโคชิ และคุณฟูจิโมโต้ ครับ 


QA : คุณมีความตั้งใจแบบไหน มีเป้าหมายอะไร ที่นำเสนอตัวละคร 'เซนอิง นาโอยะ' ให้ขัดแย้งกับ 'เซนอิง มาคิ' แทบจะทุก ๆ อย่างเลย? 
Gege : ผมไม่ได้ออกแบบ นาโอยะ ให้มีความขัดแย้งกับ มาคิ ขนาดนั้นครับ
บุคคลิกและนิสัยของนาโอยะ ถูกขมวดให้อยู่ในตระกูลเซนอิง ซึ่งเป็นตระกูล, ครอบครัวที่ไม่พึงประสงค์ 
และเนื่องจากมาคิ มีความขัดแย้งกับตระกูลเซนอิง จึงมีการวางแพลนไว้อย่างกว้าง ๆ ว่า มาคิ จะเป็นผู้ล้างบางตระกูลเซนอิง
แต่นั่นไม่ได้เป็นเหตุผลที่ผมสร้างตัวละครที่มีลักษณะตรงกันข้ามออกมา บทบทของความสัมพันธ์ของตัวละครมีความสำคัญมากในเนื้อเรื่องมังงะครับ การชี้เป้าแบบเจาะจงมากเกินไปทำให้คาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้ครับ ซึ่งนั่นจะทำให้ผู้อ่านไม่รู้สึกว่ามันตื่นเต้นครับ และจะสูญเสียความน่าสนใจสำหรับผู้อ่าน ผมจึงหลีกเลี่ยงมัน


QA : คุณพัฒนาภูมิหลัง และสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในตัวละครหลักทั้งสามตัว เพื่อนพัฒนาตัวละคร คุณมีความคิดอย่างลึกซึ้งแค่ไหน?
Gege : ผมมีความคิดคร่าว ๆ อยู่แล้วในใจ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจเกี่ยวกับรายละเอียดมากขนาดนั้น เพราะผมกลัวว่า ถ้าตัดสินใจมากเกินไปจะสูญเสียการพรรณาตัวละครในหลาย ๆ แง่มุม แต่ก็มีกลัวที่จะกลัวว่าจะอธิบายได้ไม่ละเอียดพอและทำให้สูญเสียการพัฒนาตัวละครที่ดีไปครับ ผมอยากรักษาสมดุลที่ดีในการเล่าต่อ ๆ ไปครับ  ของคุงิซากิ โนบาระ ผมตัดสินใจคร่าว ๆ เกี่ยวกับภูมิหลังของเธอ เรื่องแม่และยายของเธอก่อนที่จะมาเรียนที่โรงเรียนไสยเวท 

ของอิตาโดริ ยูจิ มีหลาย ๆ อย่างที่จำเป็นต้องมีครับ
เช่น ทำไมนิ้วของสุคุนะ ถึงมีอยู่ในโรงเรียน ก็เลยคิดว่าไว้ว่า กรณีที่เลวร้ายที่สุดควรจะเป็น :ทุกอย่างถูกดำเนินการโดยเคนจาคุ: 
ส่วนฟุชิงุโระ เมงุมิ ทุกอย่างเป็นผลมาจากการต่อสู้เพื่อความตาย และก็อย่างที่เห็น ๆ  กันไป


QA : หากบท จรดลล้างบาง นำการต่อสู้แบบทัวร์นาเมนต์มาใช้ตามที่เคยคิดเอาไว้ คุณคิดว่าจะมีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง ?
Gege : ตอนนี้ก็ยังรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้หยิบเรื่องทัวร์นาเมนต์มาใช้ ถ้าเอามาใช้ได้ ผมอยากจะสื่อสารประมาณว่า แนะนำตัวละครตัวนี้เอาไว้ก่อนคร่าว ๆ ล่วงหน้า และผู้อ่านก็จะเกิดความรู้สึกว่าแบบ "ตัวละครตัวนี้จะปรากฏตัวตอนไหน?" "อ๋อ ตัวนี้ปรากฏตัวตอนนี้หรอ" อะไรแบบนี้ครับ  เช่นตัวละครแบบ คุรุสึ หรือ สึมิกิ จะถูกนำเสนอให้โดดเด่นกว่านี้มาก ทุกอย่างผูกติดอยู่กับการเอาโกะโจกลับมา  แต่เอาเข้าจริงก็ยังมีเรื่องดี ๆ หลังจากนั้นครับ 

ส่วนที่ว่าทำไมสุดท้ายถึงตัดสินใจไม่หยิบเรื่องทัวร์นาเมนต์มาใช้ เป็นเพราะว่าตอนนั้นได้เขียนบท Kyoto Goodwill Event Arc ซึ่งเริ่มต้นไว้และตั้งใจให้เป็นการต่อสู้แบบทีม เพราะผมคิดว่าไม่ควรทำการต่อสู้แบบ 1 v 1 ในขณะที่ตัวละครยังปรากฏตัวไม่ครบ เพียงแต่หลังจากนั้นความคิดที่ว่า ตัวละครทั้งหมดจะต้องปรากฏตัวออกมาให้ครบ ก็เริ่มหลุดลอยไปไกล กลายเป็นว่ามีความคิดว่า 'จะไม่สามารถจัดการแข่งขันได้' ก็ติดอยู่ในหัวผมครับ เรื่องนี้ ก็ถือเป็นภาพสะท้อนที่ยิ่งใหญ่ของผมเลยครับ 

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่