มีสามเรื่องเล่าให่อ่าน ที่ไม่ต้องใช้มอไซค์ในการรับชม
เรื่องที่หนึ่ง เพื่อนรุ่นน้อง จัดงานบุญตักบาตร พระมาสิบกว่ารูป ต้องการคนช่วยงาน ใครว่างมาให้หมด
ผมบอกได้เลย วันอาทิตย์ว่างงาน จะไปหาแต่เช้าก่อนฟ้าสว่าง ช่วยยกของแบกของ เช็คถูจานชาม
คืนวันก่อนงาน เข้านอนห้าทุ่ม เป็นเวลาปกติ ตั้งนาฬิกาปลุกตีสี่ ออกตีห้า ถึงงานเจ็ดโมงเช้า เพราะไกลจากบ้าน 36 กิโลเมตร
ยังไม่ตีสี่ดีก็ตื่นแล้ว ลงมาชงกาแฟดื่ม เข้าห้องน้ำปกติ อาบน้ำเสร็จแต่งตัว อีกสิบห้านาทีตีห้า รถตู้คันแรกจะผ่านหน้าซอยตอนตีห้าห้านาที
ขณะกำลังเดินไล่ปิดไฟ กำลังจะออกประตูบ้าน ข้าศึกบุก เอ๊ย อะไรกันนี่ เลยต้องเข้าห้องส้วมอีกรอบ ดูเวลาแล้วยังทัน
ห้านาทีก็ออกมา ตีห้าตรงไปยืนอยู่หน้าปากซอย ตอนนั้นเริ่มอีกแล้ว อะไรกันอีกครับ สักพักมองไกลๆเห็นไฟรถตู้กำลังมา
นึกในใจ เอาไงดี? ถ้าขึ้นรถแล้วเกิดทนไม่ได้ ตายเลยนะ ห้างปั้มยังไม่เปิด ต้องแวะข้างทางเท่านั้น
ก็ตัดใจ กลับเข้าบ้านดีกว่า รถจะมาอีกในยี่สิบนาที ก็เข้าห้องน้ำ คราวนี้เริ่มหนักท้องเสียแบบเสียดท้องมาก ตัวบิดเลย
ออกมาอีกที ตีห้าสิบห้า แต่ยังไม่ไหว เรี่ยวแรงแทบหมดตัว เลยนอนบนโซฟา พักแป๊ป
จนถึงเกือบจะหกโมงเช้า เข้าห้องน้ำห้ารอบ นึกในใจ ไปตอนนี้ไม่ทันแล้ว ไปถึงงานก็เริ่มแล้ว และที่สำคัญ ไปถึงจะได้ไปช่วยงานเค้าไหม?
สรุป นอนซมไม่ได้ไป แต่ๆๆ พอสักแปดโมงเช้า ทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดปกติ และเป็นเวลาที่งานบุญตักบาตรเริ่มต้น ก็ไม่ได้ไปครับ
เรื่องที่สอง นี่เป็นงานบวช เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
บวชวันศุกร์บวชกันยี่สิบรูป อยากไปมาก ไปร่วมงานไปช่วยงาน
งานเริ่มเช้า แต่ติดส่งของจึงขอไปช่วงบ่าย ไม่มีปัญหาเพราะงานมีทั้งวัน
ตื่นมาสดใส กินข้าวเช้าอร่อยดี ออกจากบ้านถือของไปส่งลูกค้า ส่งเสร็จสิบโมง เงินเข้ารัวๆ เป็นวันที่สวยงาม
เดินชิวๆไปขึ้นรถเมล์ ต้องนั่งสองต่อ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง แวะกดเงินนิดหน่อย รอที่ป้ายแป๊ปเดียวรถแอร์เย็นๆก็มา
ขึ้นรถที่ว่าง แอร์เย็นสบาย แจ้งจุดหมายปลายทาง แล้วนั่งมองวิวแสนเพลิน
อยู่ดีดี ตัวก็ร้อน รู้สึกไม่สบายตัว ร้อนขนาดไหนเหรอ งงตัวเอง เหงื่อไหลข้างแก้ม ในขณะที่รถแอร์เย็นฉ่ำ อากาศข้างนอกก็ไม่ร้อน
ก็ไม่อะไร เพราะได้นั่ง จึงคิดว่า เรานั่งชั่วโมงหนึ่ง ก็หลับตาและนอนพักซิ
เชื่อไหม ตอนนั้น เวียนหัว เหงื่อออก(ออกที่หน้าเท่านั้น) รู้สึกไม่สบายตัวเลย สภาพคือถ้ายืนน่าจะล้มลง
ก็ทนไป นั่งเฉยๆสบายๆ ไปได้ครึ่งทาง อาการทรงๆ แต่เวียนหัวมากขึ้น เลยตัดสินใจ ลงรถกลางทาง
แล้วข้ามถนน นึกในใจเราต้องกลับบ้านแล้วล่ะ ไม่งั้นเราต้องไป ล้มฟุบข้างถนนแน่นอน
ก็มานั่งรอรถเมล์ขากลับ ตอนแรกจะเรียกแท็กซี่แล้ว แต่ด้วยความงก รอรถเมล์ก็ได้
พอรถมาก็ขึ้น แล้วนั่งกลับบ้าน ตอนนั้นอาการยังทรงๆ จึงพยายามหลับ แต่มันไม่หลับ นั่งมาชั่วโมงหนึ่ง
รถเลี้ยวเข้ามาหมู่บ้าน ให้ฟ้าผ่าคนข้างบ้านตายเลย อาการทั้งหมดที่เป็น เหมือนกดปิดสวิท หายหมดเป็นปิดทิ้ง
ลงจากรถมายังแวะเซเว่นได้อย่างร่าเริง นี่เหรอคนที่จะสลบเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
ใช่ครับ ไปไม่ทันงานอีกแล้ว มันเกิดอารายยยยกันนี่ บางคนบอกแกเป็นคนอ่อนแอขี้โรคไง
ข้อบอกว่า ผมแข็งแรงดีกินอิ่มนอนหลับไม่มีความเครียด บริจาคเลือดทุกสามเดือน
และเรื่องไม่สบาย หนึ่งปีผมไม่สบายแค่สองถึงสามครั้ง ก็แค่ปวดหัวตัวร้อนท้องเสีย แค่นี้
ไม่เคยถึงขนาดไปนอนโรงพยาบาลเลย คือสมบูรณ์แข็งแรงมากมาย เวรกรรมหนอ
เรื่องที่สามเรื่องสุดท้าย เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ พอดีติดงาน
(ที่จริงไม่ติดอะไรหรอก มันตั้งแง่ให้คนตาม)
ถึงแล้วค่ำที่สุขใจ จะเป็นใครก็สุขสันต์ ทำงานการมาหกวัน มีวันเดียวได้พักผ่อน
เรื่องที่หนึ่ง เพื่อนรุ่นน้อง จัดงานบุญตักบาตร พระมาสิบกว่ารูป ต้องการคนช่วยงาน ใครว่างมาให้หมด
ผมบอกได้เลย วันอาทิตย์ว่างงาน จะไปหาแต่เช้าก่อนฟ้าสว่าง ช่วยยกของแบกของ เช็คถูจานชาม
คืนวันก่อนงาน เข้านอนห้าทุ่ม เป็นเวลาปกติ ตั้งนาฬิกาปลุกตีสี่ ออกตีห้า ถึงงานเจ็ดโมงเช้า เพราะไกลจากบ้าน 36 กิโลเมตร
ยังไม่ตีสี่ดีก็ตื่นแล้ว ลงมาชงกาแฟดื่ม เข้าห้องน้ำปกติ อาบน้ำเสร็จแต่งตัว อีกสิบห้านาทีตีห้า รถตู้คันแรกจะผ่านหน้าซอยตอนตีห้าห้านาที
ขณะกำลังเดินไล่ปิดไฟ กำลังจะออกประตูบ้าน ข้าศึกบุก เอ๊ย อะไรกันนี่ เลยต้องเข้าห้องส้วมอีกรอบ ดูเวลาแล้วยังทัน
ห้านาทีก็ออกมา ตีห้าตรงไปยืนอยู่หน้าปากซอย ตอนนั้นเริ่มอีกแล้ว อะไรกันอีกครับ สักพักมองไกลๆเห็นไฟรถตู้กำลังมา
นึกในใจ เอาไงดี? ถ้าขึ้นรถแล้วเกิดทนไม่ได้ ตายเลยนะ ห้างปั้มยังไม่เปิด ต้องแวะข้างทางเท่านั้น
ก็ตัดใจ กลับเข้าบ้านดีกว่า รถจะมาอีกในยี่สิบนาที ก็เข้าห้องน้ำ คราวนี้เริ่มหนักท้องเสียแบบเสียดท้องมาก ตัวบิดเลย
ออกมาอีกที ตีห้าสิบห้า แต่ยังไม่ไหว เรี่ยวแรงแทบหมดตัว เลยนอนบนโซฟา พักแป๊ป
จนถึงเกือบจะหกโมงเช้า เข้าห้องน้ำห้ารอบ นึกในใจ ไปตอนนี้ไม่ทันแล้ว ไปถึงงานก็เริ่มแล้ว และที่สำคัญ ไปถึงจะได้ไปช่วยงานเค้าไหม?
สรุป นอนซมไม่ได้ไป แต่ๆๆ พอสักแปดโมงเช้า ทุกอย่างก็เข้าสู่โหมดปกติ และเป็นเวลาที่งานบุญตักบาตรเริ่มต้น ก็ไม่ได้ไปครับ
เรื่องที่สอง นี่เป็นงานบวช เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานมานี้
บวชวันศุกร์บวชกันยี่สิบรูป อยากไปมาก ไปร่วมงานไปช่วยงาน
งานเริ่มเช้า แต่ติดส่งของจึงขอไปช่วงบ่าย ไม่มีปัญหาเพราะงานมีทั้งวัน
ตื่นมาสดใส กินข้าวเช้าอร่อยดี ออกจากบ้านถือของไปส่งลูกค้า ส่งเสร็จสิบโมง เงินเข้ารัวๆ เป็นวันที่สวยงาม
เดินชิวๆไปขึ้นรถเมล์ ต้องนั่งสองต่อ ใช้เวลาประมาณชั่วโมงครึ่ง แวะกดเงินนิดหน่อย รอที่ป้ายแป๊ปเดียวรถแอร์เย็นๆก็มา
ขึ้นรถที่ว่าง แอร์เย็นสบาย แจ้งจุดหมายปลายทาง แล้วนั่งมองวิวแสนเพลิน
อยู่ดีดี ตัวก็ร้อน รู้สึกไม่สบายตัว ร้อนขนาดไหนเหรอ งงตัวเอง เหงื่อไหลข้างแก้ม ในขณะที่รถแอร์เย็นฉ่ำ อากาศข้างนอกก็ไม่ร้อน
ก็ไม่อะไร เพราะได้นั่ง จึงคิดว่า เรานั่งชั่วโมงหนึ่ง ก็หลับตาและนอนพักซิ
เชื่อไหม ตอนนั้น เวียนหัว เหงื่อออก(ออกที่หน้าเท่านั้น) รู้สึกไม่สบายตัวเลย สภาพคือถ้ายืนน่าจะล้มลง
ก็ทนไป นั่งเฉยๆสบายๆ ไปได้ครึ่งทาง อาการทรงๆ แต่เวียนหัวมากขึ้น เลยตัดสินใจ ลงรถกลางทาง
แล้วข้ามถนน นึกในใจเราต้องกลับบ้านแล้วล่ะ ไม่งั้นเราต้องไป ล้มฟุบข้างถนนแน่นอน
ก็มานั่งรอรถเมล์ขากลับ ตอนแรกจะเรียกแท็กซี่แล้ว แต่ด้วยความงก รอรถเมล์ก็ได้
พอรถมาก็ขึ้น แล้วนั่งกลับบ้าน ตอนนั้นอาการยังทรงๆ จึงพยายามหลับ แต่มันไม่หลับ นั่งมาชั่วโมงหนึ่ง
รถเลี้ยวเข้ามาหมู่บ้าน ให้ฟ้าผ่าคนข้างบ้านตายเลย อาการทั้งหมดที่เป็น เหมือนกดปิดสวิท หายหมดเป็นปิดทิ้ง
ลงจากรถมายังแวะเซเว่นได้อย่างร่าเริง นี่เหรอคนที่จะสลบเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
ใช่ครับ ไปไม่ทันงานอีกแล้ว มันเกิดอารายยยยกันนี่ บางคนบอกแกเป็นคนอ่อนแอขี้โรคไง
ข้อบอกว่า ผมแข็งแรงดีกินอิ่มนอนหลับไม่มีความเครียด บริจาคเลือดทุกสามเดือน
และเรื่องไม่สบาย หนึ่งปีผมไม่สบายแค่สองถึงสามครั้ง ก็แค่ปวดหัวตัวร้อนท้องเสีย แค่นี้
ไม่เคยถึงขนาดไปนอนโรงพยาบาลเลย คือสมบูรณ์แข็งแรงมากมาย เวรกรรมหนอ
เรื่องที่สามเรื่องสุดท้าย เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ พอดีติดงาน
(ที่จริงไม่ติดอะไรหรอก มันตั้งแง่ให้คนตาม)