เสียงดังกรอบแกรบของเหล่าใบไม้แห้งที่กองอยู่บริเวณพื้นของอาคารที่ดูคล้ายๆกับโรงเลี้ยงสัตว์อะไรซักอย่างหนึ่ง ซึ่งต้นเสียงของสิ่งนั้นก็คือเจ้าแมวรูปร่างผอมเพรียวขนสีส้มตัวหนึ่งที่กำลังเหยียบย่ำเข้าไปในอาคารแห่งนั้น และทันทีที่เท้าของมันนั้นย่างกรายเข้าไปในโรงเรือนที่เหมือนคอกเลี้ยงสัตว์แห่งนั้น ก็มีเสียงร้องขึ้นมาโดยทันทีว่า
“ฮี้....เจ้าแมวส้มกลับมาแล้วรึ.....ฮี้.....”
“เหมียว...ฮื่อก็กลับมาแล้วนั่นแหล่ะ....เจ้า “นิล”...เจ้าเองก็อย่าร้องโวยวายไปซิ เดี๋ยวเจ้านายเขาก็เอ็ดเจ้าเอาหรอก นี่ก็เป็นช่วงดึกสำหรับพวกมนุษย์เขาแล้ว”
เจ้าแมวส้มวางสิ่งของบางอย่างเอาไว้ที่พื้นเบื้องหน้าของเจ้าสัตว์ใหญ่ตัวนี้ ก่อนร้องขึ้นมาเบาๆ เชิงขู่ปรามหน่อยๆ ซึ่งก็เหมือนจะได้ผล ร่างดำทะมึนของสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีกล้ามเนื้อล่ำสันเป็นมัดๆ พร้อมขนแผงคอที่งามสง่า และด้วยความที่มีขนเป็นสีดำทั้งตัว ก็ทำให้เจ้าสัตว์ตัวนี้ดูงามสง่าไม่น้อยเลยทีเดียว
“ท่านอาจารย์กลับมาหรือยัง...เจ้า “นิล” ข้าเอาไก่มาฝากท่านอาจารย์...”
“ฮี้....ข้าไม่รู้ ข้าเพิ่งตื่นมาเมื่อกี้นี้เอง...แล้วก็ขี้ไปกองหนึ่ง...ข้าไม่ทันสังเกตหรอก”
“เจ้านี่...กินแล้วก็ขี้ทั้งวัน สบายจริงเชียวนะ..ฉันล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ”
ว่าแล้วเจ้าแมวก็ได้ส่งเสียงร้องเรียกในสำเนียงของแมวเป็นสำเนียงในการร้องเรียกหาแมวอีกตัวหนึ่งซึ่งมีพระคุณกับตัวเองและในเวลาไม่นานนัก ก็มีเสียงตอบกลับมาตามสายลมว่า
“เจ้าส้มเอ๋ย...อาจารย์มาแล้ว...”
เจ้าแมวขนส้มจึงได้คาบเอาไก่ต้มที่ตัวเองได้มา นำมาวางเอาไว้ บนพื้นโต๊ะไม้ ที่อยู่ในบริเวณนั้น ก่อนที่จะมีร่างของแมวที่มีขนสีขาวเป็นพื้น แต่ที่บริเวณใบหน้านั้นกลับมีจุดแต้มสีดำดูคล้ายๆกับหนวดและเคราของมนุษย์อย่างน่าประหลาด ซึ่งเป็นลักษณะที่เห็นได้ยากในแมวทั่วไป แมวตัวนั้นจากรูปพรรณ สัณฐาณนั้น ดูก็พอจะรู้ว่าเป็นแมวที่ล่วงเข้าสู่วัยที่ค่อนข้างจะชราแล้วสำหรับแมว อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีลักษณะที่ค่อนข้างผอมเกร็ง แต่โดยภาพรวมแล้วก็ยังพอมีความแข็งแรงอยู่
“ขอบใจเจ้ามากนะ...ไอ้ลูกชาย...แมวชราอย่างข้า ได้เจ้าเป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติในช่วงสุดท้ายของชีวิตแบบนี้ ข้าก็ดีใจมากแล้ว”
“ท่านอาจารย์ อย่าพูดอะไรอย่างนั้นซิครับ...ถ้าตอนข้าเป็นลูกแมวไม่หลงมาที่คอกม้าของเจ้านี่ และได้อาจารย์คอยหาอาหารเลี้ยงดูอยู่เนิ่นนาน จนข้านั้นเติบใหญ่ ป่านนี้ชีวิตของแมวจรไร้บ้านอย่างข้าคงจะจบไปนานแล้ว...”
“ฮี้..............ข้าก็ยินดี ที่เจ้าสองตัวมาอยู่ที่นี่ด้วยกันกับข้าๆ ก็ไม่เหงา แล้วพวกหนูก็หลีกลี้ไกลห่างไปจากคอกข้า ไม่งั้นมันก็คอยมาหาเศษผัก เศษอะไรที่มนุษย์เอามาให้กินเป็นประจำ แถมยังมาขี้แถวนี้อีก ข้าไม่ชอบพวกมันมันเลย....ฮี้....มีพวกเจ้าสองตัวมาอยู่ด้วยข้าก็ดีใจ”
เจ้าม้าใหญ่สีดำ พลอยเข้ามาพูดคุยผสมโรงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี พวกมันดูเหมือนจะอยู่ร่วมกันในคอกม้าแห่งนี้มานานเลยทีเดียว
นิยายแฟนตาซี ตลก : ศึกแมวส้ม VS แมวสลิด พิชิตศาลพระภูมิ ตอนที่ 4 : ปรมาจารย์แห่งเหล่าแมวนักสู้ปรากฏตัว !!!
“ฮี้....เจ้าแมวส้มกลับมาแล้วรึ.....ฮี้.....”
“เหมียว...ฮื่อก็กลับมาแล้วนั่นแหล่ะ....เจ้า “นิล”...เจ้าเองก็อย่าร้องโวยวายไปซิ เดี๋ยวเจ้านายเขาก็เอ็ดเจ้าเอาหรอก นี่ก็เป็นช่วงดึกสำหรับพวกมนุษย์เขาแล้ว”
เจ้าแมวส้มวางสิ่งของบางอย่างเอาไว้ที่พื้นเบื้องหน้าของเจ้าสัตว์ใหญ่ตัวนี้ ก่อนร้องขึ้นมาเบาๆ เชิงขู่ปรามหน่อยๆ ซึ่งก็เหมือนจะได้ผล ร่างดำทะมึนของสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่มีกล้ามเนื้อล่ำสันเป็นมัดๆ พร้อมขนแผงคอที่งามสง่า และด้วยความที่มีขนเป็นสีดำทั้งตัว ก็ทำให้เจ้าสัตว์ตัวนี้ดูงามสง่าไม่น้อยเลยทีเดียว
“ท่านอาจารย์กลับมาหรือยัง...เจ้า “นิล” ข้าเอาไก่มาฝากท่านอาจารย์...”
“ฮี้....ข้าไม่รู้ ข้าเพิ่งตื่นมาเมื่อกี้นี้เอง...แล้วก็ขี้ไปกองหนึ่ง...ข้าไม่ทันสังเกตหรอก”
“เจ้านี่...กินแล้วก็ขี้ทั้งวัน สบายจริงเชียวนะ..ฉันล่ะอิจฉาเจ้าจริงๆ”
ว่าแล้วเจ้าแมวก็ได้ส่งเสียงร้องเรียกในสำเนียงของแมวเป็นสำเนียงในการร้องเรียกหาแมวอีกตัวหนึ่งซึ่งมีพระคุณกับตัวเองและในเวลาไม่นานนัก ก็มีเสียงตอบกลับมาตามสายลมว่า
“เจ้าส้มเอ๋ย...อาจารย์มาแล้ว...”
เจ้าแมวขนส้มจึงได้คาบเอาไก่ต้มที่ตัวเองได้มา นำมาวางเอาไว้ บนพื้นโต๊ะไม้ ที่อยู่ในบริเวณนั้น ก่อนที่จะมีร่างของแมวที่มีขนสีขาวเป็นพื้น แต่ที่บริเวณใบหน้านั้นกลับมีจุดแต้มสีดำดูคล้ายๆกับหนวดและเคราของมนุษย์อย่างน่าประหลาด ซึ่งเป็นลักษณะที่เห็นได้ยากในแมวทั่วไป แมวตัวนั้นจากรูปพรรณ สัณฐาณนั้น ดูก็พอจะรู้ว่าเป็นแมวที่ล่วงเข้าสู่วัยที่ค่อนข้างจะชราแล้วสำหรับแมว อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีลักษณะที่ค่อนข้างผอมเกร็ง แต่โดยภาพรวมแล้วก็ยังพอมีความแข็งแรงอยู่
“ขอบใจเจ้ามากนะ...ไอ้ลูกชาย...แมวชราอย่างข้า ได้เจ้าเป็นลูกศิษย์คอยปรนนิบัติในช่วงสุดท้ายของชีวิตแบบนี้ ข้าก็ดีใจมากแล้ว”
“ท่านอาจารย์ อย่าพูดอะไรอย่างนั้นซิครับ...ถ้าตอนข้าเป็นลูกแมวไม่หลงมาที่คอกม้าของเจ้านี่ และได้อาจารย์คอยหาอาหารเลี้ยงดูอยู่เนิ่นนาน จนข้านั้นเติบใหญ่ ป่านนี้ชีวิตของแมวจรไร้บ้านอย่างข้าคงจะจบไปนานแล้ว...”
“ฮี้..............ข้าก็ยินดี ที่เจ้าสองตัวมาอยู่ที่นี่ด้วยกันกับข้าๆ ก็ไม่เหงา แล้วพวกหนูก็หลีกลี้ไกลห่างไปจากคอกข้า ไม่งั้นมันก็คอยมาหาเศษผัก เศษอะไรที่มนุษย์เอามาให้กินเป็นประจำ แถมยังมาขี้แถวนี้อีก ข้าไม่ชอบพวกมันมันเลย....ฮี้....มีพวกเจ้าสองตัวมาอยู่ด้วยข้าก็ดีใจ”
เจ้าม้าใหญ่สีดำ พลอยเข้ามาพูดคุยผสมโรงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี พวกมันดูเหมือนจะอยู่ร่วมกันในคอกม้าแห่งนี้มานานเลยทีเดียว