จุดต่ำที่สุดของชีวิต

     จุดต่ำที่สุดของชีวิตเม่าตาสว่าง
             สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมาเล่าประสปการณ์ช่วงชีวิตแย่ๆเป็นเวลายาวนานของเรา หรือที่เรียกว่าอยู่ใน “จุดต่ำที่สุดของชีวิต     
        เรื่องมันมีอยู่ว่าตอนม.ต้น เราเป็นเด็กมีปัญหาค่ะ เพราะ นิสัยส่วนตัว : เป็นคนเงียบ มีโลกส่วนตัวสูง ขาดความมั่นใจ ไม่กล้าแสดงออก คิดเยอะ ชอบแคร์คำพูดคนอื่น กลัวไปหมดทุกอย่าง เป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย แต่ตอน ม.1 เป็นหนักมาก ถึงขั้นไม่คุยกับใครเลย เนื่องจากนิสัยส่วนตัว กับมีปมสมัยประถม เลยทำให้เป็นคนเย็นชา มีอีโก้สูง ไม่เอาใคร เพื่อนร่วมห้องหลายคนเลยไม่ชอบ เราเลยไม่ค่อยไปเรียน และลาออก เพราะอยู่แล้วเหนื่อยมาก อึดอัดด้วย สุดท้ายคนที่แก้ปัญหาให้ก็คือแม่ ได้ไปทำเรื่องลาออกให้เรา แม่เสียใจ และผิดหวังกับเรา ร้องไห้หนักมาก เพราะแม่ยังไม่เข้าใจเราว่าทำไมถึงทำแบบนี้ ด้วยความที่ตอนนั้นยังไม่กล้าพูดอะไรสักอย่างออกไป เพราะรู้สึกว่ามันน่าอาย และสมเพชตัวเอง แต่ตอนนี้เราได้เข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ ว่าสิ่งที่เราทำตอนนั้นมันผิด และดูโง่มาก เราไม่สามารถให้ใครมาเข้าใจเราตลอดได้ มีแต่เราที่ต้องรู้จักเอาตัวรอด และปรับตัวกับสถานการณ์ต่างๆให้ได้ 

โรงโรงเรียนใหม่ อมยิ้ม33    

      ต่อมาได้ย้ายมากลางเทอมที่โรงเรียนใหม่ ยอมรับว่าตอนนั้นอุปลักษณ์นิสัยเราก็เป็นแบบเดิม แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของโรงเรียนใหม่คือเพื่อนร่วมห้องหลายคนไม่ค่อยมีการ Toxic แต่กลับเป็นเกรงใจ และเอ็นดูเรามากกว่า ถึงจะมีปัญหานิดหน่อยก็เถอะ และได้เพื่อนมานิดหน่อย แต่ละคนก็โอเคอยู่ เลยได้เรียนรู้อย่างนึงคือ 

“มันจะมีคนที่ไม่สามารถเข้าใจเรา และจะมีบางคนที่รับเราได้และพร้อมเข้าใจเราในแบบที่เราเป็น”

เหมือนความรัก ถ้าเลือกคนที่เข้าใจเรา
เราเข้าใจเขา ก็จะสบายใจกันทั้งคู่
อะไรก็จะง่ายและราบรื่นไปหมดเพี้ยนหลงรัก
ต่สุดท้ายก็ลาออกเหมือนเดิมพาพันเศร้า เพราะนิสัยส่วนตัวล้วนๆ ถึงมันจะเป็นโรงเรียนที่คิดว่าดีที่สุดกว่าที่เจอมา แต่ก็ยังมีนิสัยเงียบ กับโรคส่วนตัวสูง เหมือนจะอัดอัดกับโรงเรียน ขี้เกียจด้วย ด้วยความที่ยังเป็นเด็กอายุได้แค่ 13 ปี เลยคิดน้อยไป และไม่ได้นึกถึงอนาคต ได้ตัดสินใจใช้ปํญหาหยุมหยิมแค่นี้ลาออก เพราะคิดว่าถ้าออกจากโรงเรียนมาแล้วคงจะสบาย ได้นอนเล่นโทรศัพท์ทั้งวัน และไม่มีอะไรมากวนใจอีกแน่ๆ แต่แม่ก็ต้องมาเหนื่อยกับเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า กับปัญหาเดิมๆที่แก้ไม่หาย เลยรู้สึกผิดมากแต่ทำอะไรไม่ได้ไปกว่านี้ เพราะตอนนั้นเราคิดว่าเราเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดให้กับเรา แต่เพิ่งมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่เราเลือกผิดมหันต์

ชีวิตหลังไม่ได้ไปเรียนเพี้ยนทุบคอม
      หลังออกจากโรงเรียนเราได้โดนคนรอบข้างดูถูกเยอะมาก และพี่ชายในบ้าน แต่ไม่ใช่พี่แท้ เป็นลูกของยาย ด้วยความที่นิสัยของคนนี้เป็นคนมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ชอบเรียกร้องความสนใจ ขี้อิจฉา Toxic คนในบ้านเป็นประจำ แต่จะเน้นรังแกคนที่อายุน้อยกว่า ตอนแรกในบ้านมีน้องชายที่เป็นลูกของป้าอีก 3 คน สนิทกับเรา 2 คน เป็นรุ่นน้องหมด อีกคนนึงเป็นรุ่นพี่ที่ไม่ได้สนิท แต่ได้ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้ว เป็นบ้านที่ติดๆกันกับบ้านเรา เราเลยเป็นเด็กคนเดียวในบ้าน เขาเลยได้รังแกแต่เราไม่ว่าจะ คำพูด หรือการกระทำ ส่วนเราก็กลายเป็นเด็กขาดความมั่นใจไปเลย เล่นแต่โทรศัพท์อยู่ในบ้าน ไม่ออกแม้แต่หน้าบ้าน เป็นเวลา 6 ปี ถึงออก ก็จะออกเฉพาะตอนที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น เลยได้เข้าโรงพยาบาล เพราะหายใจไม่สะดวก สาเหตุมาจาก ไม่ค่อยกินข้าว กินน้ำน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ปรากฎว่าเป็นโรคเลือดจาง ซึมเศร้า และแพนิค การเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้ รู้สึกเหนื่อยมาก และกังวลเยอะพอสมควร กลัวตัวเองเป็นอะไรมากกว่านี้ เพราะตอนแรกไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่ แต่พอเริ่มรู้สาเหตุ เลยเริ่มลดความกังวลน้อยลง และรู้จักวิธีแก้ปัญหา

ออกจาก Comfort zoneเพี้ยนไฟลุก

       คนรอบข้างเลยพยายามจะชวนเราออกนอกบ้านมากขึ้น เราเลยได้ออกจาก Safe zone  ของตัวเอง ไปเจอสิ่งใหม่ๆ จนวันนึงเราเริ่มกลับมาใช้ชีวิตปกติ ได้ไปช่วยครอบครัวทำสวน ไปเที่ยว และไปเทศกาลต่างๆ และทุกที่จะมีแม่ที่คอยอยู่ข้างๆเสมอ เลยทำให้มีความมั่นใจมากขึ้น ตอนนี้แม่เปรียบเสมือน พ่อ แม่ เพื่อน และทุกอย่างในชีวิตของเราไปแล้ว เพราะแม่คือคนที่ฉุดเราขึ้นมาตอนที่เราล้มโดยที่ไม่มีใครอยู่ข้างๆ แต่แม่กลับเป็นคนเดียวที่อยู่ข้างๆเราตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ และตอนนี้แม่ของเราได้เข้าใจทุกอย่าแล้ว เพราะเราได้บอกเหตุผลทุกอย่างที่เก็บไว้คนเดียวมานานไปแล้ว ตอนนี้สบายใจกันทั้งคู่  มีอะไรปรึกษาได้หมด ปัจจุบันนี้ก็ได้ชีวิตไปในทางที่ดีมากขึ้น มีสติ มีเหตุผล เข้าใจโลก ถึงจะยังไม่ได้ดี 100% แต่ก็พอใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นอยู่
                                                            อมยิ้ม02

เรื่องจริงมันมากว่านิยายเยอะFacepalm
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่