ค่าเดินทาง grab เดือนละ 7000 VS ออกรถ EV 500-600k (เดินทางแค่ในกทม)

รบกวนช่วยแนะนำหน่อยค่ะ ที่บ้านมีแต่เด็กและผู้สูงอายุ เราเป็นคนเดียวที่มีใบขับขี่ แต่ไม่ได้ขับมาเกือบ 10 ปี และเดินทางในกรุงเทพฯ เป็นหลัก

Pain Points ตอนนี้:
1. รู้สึกค่า Grab แพงขึ้นทุกเดือน โดยเฉพาะช่วงราคาพุ่งสูง
2. บางครั้งหา Grab ยากในช่วงฝนตกหรือช่วงพีค ทำให้ต้องรอนานมาก หรือไม่ได้เลย ต้องรอฝนหยุดตก
3. ต้องพึ่งพาผู้สูงอายุในการไปส่งเด็กทุกเช้าและรับตอนเย็น เนื่องจากเราทำงานประจำ ออกเช้า กลับมืด
4. บางเดือนที่ช็อตเงิน แทบไม่อยากออกไปไหน เพราะแม้เดินทางใกล้ ๆ ค่า Grab ยังแพง
5. ไม่อยากเสี่ยงโบก Taxi ถ้าไม่จำเป็น และหน้าบ้านหายาก
6. ไม่สะดวกใช้รถสาธารณะอื่น ๆ เนื่องจากมีเด็กพิเศษที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ค่อนข้างเหนื่อยในการดูแล

ข้อดีที่คิดออก:
1. ใช้รถไปส่งเด็กที่โรงเรียนทุกเช้าได้ ก่อนไปทำงาน ช่วยแบ่งเบาภาระผู้สูงอายุ
2. สะดวกสบาย สามารถเดินทางได้ทุกที่ แม้ในช่วงฝนตก อยากออกจากบ้านตอนไหนก็ไป ไม่ต้องเสียเวลาเรียก Grab หาโค้ด
3. สามารถใช้รถในการขนของ ลดการใช้ Grab Express/Grab Mart
4. ความปลอดภัยทั้งครอบครัว โดยเฉพาะเมื่อพาเด็กพิเศษขึ้นรถสาธารณะ
>> บนวินมอเตอร์ไซค์ เด็กเคยกลัวอะไรบางอย่างที่เด็กทั่วไปอาจไม่กลัว แล้วเขย่าๆ กระดุกกระดิก ซึ่งเสียหลักได้
>> บน BTS เด็กเคยไปชะโงกดูรางและเราดึงแขนแทบไม่ไหว
>> ที่ป้ายรถเมล์ เด็กเคยวิ่งอยากไปดูล้อรถเมล์ ก่อนเข้าป้าย
>> ใน Grab เป็นเรื่องความเกรงใจมากกว่า เพราะเด็กชอบเคาะหรือยุ่งกับสิ่งของในรถ เราต้องจับตลอด

ข้อเสียที่คิดออก:
1. ปกตินั่งรถไฟฟ้าไปทำงานมาเป็นสิบปี เนื่องจากหน้าปากซอยบ้านมี MRT ถ้าไปคนเดียวคือสะดวกมาก
2. จะมีภาระผ่อนรถไปอีกหลายปี รวมถึงค่าประกันชั้นหนึ่ง และยังมีภาระผ่อนบ้านอีกเกือบล้าน ทำให้แต่ละเดือนแทบไม่มีเงินเก็บ
3. บ้านอยู่ในเมือง ต้องเผชิญกับรถติด ถ้าเอารถไปทำงาน

ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่