ไม่กล้ายอมรับความจริง !!

ขอใช้พื้นที่นี้ได้ระบายหน่อยนะคะ ข้อความอาจจะยาวมากหน่อย
.
.
จากหัวข้อเริ่มเรื่องจากเมื่อ 5 ปีที่แล้ว สามีเสียชีวิตกระทันหันจากอุบัติเหตุ 
เรื่องราวของอุบัติเหตุเกิดจากเราสองคนทะเลาะกัน ด้วยความที่เราถูกตามใจมาตลอด แฟนแทบไม่เคยขัดใจ อยากได้หรืออยากทำอะไรแฟนจะซัพพอร์ตเสมอ ก่อนวันเกิดอุบัติเหตุ 3 วัน คืนวันนั้นแฟนเราทำงานทั้งคืนกลับบ้านมาเช้า ( ด้วยงานของเขายุ่งมากในช่วงนั้นเขาเลยมีเวลาพักผ่อนน้อย วันนึงได้นอนแค่สองถึงสามชั่วโมง ) พอแฟนกลับมาเราก็นั่งเล่นโทรศัพท์ไปเจอที่พักหัวหินที่นึง ในเพจที่พักนั้นห้อฃพักในรูปสวยมาก วิวดีมากเราเลยบอกแฟนว่าอยากไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าต้องไปตอนนั้นวันนั้นเลยนะคะ แต่เป็นเพราะช่วงนั้นแฟนไม่ค่อยมีเวลาให้เราเพราะงานเขาค่อนข้างยุ่ง แฟนเลยอยากชดเชยให้เลยตัเสินใจจองที่พักอละพาเราไปตอนนั้นเลย ทั้งที่เขาก็ยังไม่ได้นอน เราออกจากบ้านที่ กทม ตอน 6 โมงเช้า ถึงหัวหินตอนบ่ายสองที่ถึงช้าเพราะแฟนง่วงขับไปจอดนอนไปบ้าง แต่ๆๆๆ!! พอไปถึงที่พักไม่ตรงปก ไม่สวยเหมือนในรูปที่ลง ไม่สะอาด สภาพเก่ามาก เราจองมาในราคาค่อนข้างสูงเรารู้สึกผิดหวังมาก แฟนเลยยอมทิ้งห้องพักนั้นไปและขับวนหาที่พักใหม่ให้เราเลือกที่เราถูกใจ แต่ก็ไม่มีที่ถูกใจเลย จึงตัดใจพากันตีรถกลับกรุงเทพ แฟนเราไม่บ่นไม่ว่าซักคำแถมยังชวนไปจังหวัดอื่นแล้วบอกว่าต้องมีซักที่ที่เราถูกใจ ตอนนั้นเราแบบไม่อยากเที่ยวแล้วอยากกลับ มาถึงกรุงเทพตี 1 ก็พากันนอนปกติ เช้าวันใหม่แฟนมาปลุกบอกไปเที่ยวน้ำตกกัน ไปรับลูกที่บ้านแม่ไปด้วย เราก็แบบอืม...ก็ดีนะ ไม่ปฏิเสธเลย อาบน้ำแต่งตัวไปรับลูกก็พากันมุ่งหน้าไปน้ำตก ก็พาลูกเล่นน้ำจนเย็นแล้วก็กลับมาบ้าน ตอนนั้นเราเริ่มสังเกตุว่าน่าตาแฟนเราเริ่มล้ามากๆๆเหมือนแบบพักผ่อนไม่พอ เรากลับจากน้ำตกมาถึงบ้านประมาณ 2 ทุ่ม มีเพื่อนสนิทสมัยเรียนโทรมาหาเรา มันพึ่งกลับมาจากต่างประเทศและจะอยู่ที่กรุงเทพแค่คืนนี้พรุ่งนี้มันจะต้องเดินทางกลับบ้านมันที่ลำปาง ด้วยความที่อยากเจอเพื่อนเพราะไม่เจอกันนานเลยบอกแฟนว่าจะออกไปหาเพื่อนนะให้แฟนนอนเลยไม่ต้องไปด้วย แฟนค่อนข้างไม่พอใจที่เราจะออกไปเที่ยวหาเพื่อน เริ่มมีปากเสียงกัน (แต่เเฟนเราเป็นคนที่เวลาทะเลาะกันไม่ว่าจะผิดหรือถูกเขาจะเป็นฝ่ายยอมให้เราตลอด) ตอนนั้นแฟนเราขอร้องบอกอย่าไปเลยเราเลยประชดจะเก็บของจะกลับบ้านแม่ เขาเลยบอกว่าไม่ต้องกลับเดี๋ยวเขาออกไปเองให้เราอยู่บ้านสงบสติอารมณ์ เขาจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งเวลาทะเลาะกันจะเป็นคนยอมออกไปให้เราใจเย็นแล้งจะโทรมาถามว่าใจเย็นลงรึยังหรือบางทีก็ออกไปหาซื้ออะไรที่เราชอบเข้ามาง้อเราแบบนี้ตลอด แต่วันนั้นมันไม่เหมือนทุกครั้ง เขาเปิดประตูบ้านออกไปสตาร์ทรถแล้วลงจากรถกลับเข้ามาแล้วยืนตรงหน้าเราพูดกับเราว่าพี่จะไปแล้ว เราก็เมินทำไม่สนใจ เขาก็พูดอีกรอบบอกว่าพี่จะไปแล้ว แล้วก็เดินออกไปหน้าประตูพูดอีกครั้งเป็นครั้งที่ 3 บอกพี่ไปแล้วนะ แล้วเขาก็ขับรถออกไป เขาออกจากบ้านไปประมาณ 5 นาที ถ่ายรูปถนนส่งมาให้แล้วพิมมาว่าพี่จะเข้าออฟฟิศไปดูงานหน่อย เราก็อ่านไม่ตอบ หลังจากนั้นผ่านไป 2 ชั่วโมงเราออกไปยืนตากผ้าหน้าบ้านมีรถพยาบาลวิ่งผ่านหน้าบ้านไปหลายคันมากเสียงไฟจากรถพยาบาลดังสนั่นมาก เราพูดออกว่าดังขนาดนี้จะรีบไปไหนหน๊อตั้งหลายคัน แบบพูดคนเดียว แล้วก็เดินกลับเข้าบ้าน มีสายโทรศัพท์จากลูกน้องของแฟนเราโทรเข้ามา ฮาโหล!!เจ๊อยู่ไหนเนี่ย เราก็บอกอยู่บ้านมีอะไร เสียงในสายค่อยข้างสั่น แต่มันก็ไม่ได้บอกอะไรเรามาก บอกแค่ให้เราแต่งตัวมันกำลังเข้ามารับ เราก็ไม่รู้ว่ามีอะไร พอลูกน้องมาถึงเราก็ขึ้นรถ ในใจก็คิดว่าแฟนคงให้มารับไปกินข้าวละมั้ง ออกจากบ้านมาได้ไม่ถึง 5 นาทีลูกน้องพูดว่าเจ๊ทำใจดีดีนะ ตอนนั้นตัวเราเริ่มชา ทั้งที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย เราเริ่มถามมันด้วยความกลัวว่าคืออะไร คืออ่ะไร ถามซ้ำๆอยู่แบบนั้น จนได้คำตอบว่าแฟนเรารถชน พอมาถึง รพ.เราถึงกับช็อคเมื่อเห็นวภาพแฟนเราที่นอนอยู่ในห้องฉุกเฉิน นั่นละคะ เขาขับรถชนกับรถกระบะความเป็นจริงเขาหน้าจะเสียตั้งแต่ที่เกิดเหตุแต่ ถูกปั้มหัวใจช่วยไว้จนมาถึง รพ. และในที่สุดเขาก็จากไป เราไปดูกล้องวงจรในที่เกิดเหตุ เราเห็นเวลาในกล้องวงจรขณะเกิดอุบัติเหตุห่างจากข้อความสุดท้ายที่เขาส่งหาเราห่างดันแค่ 4 นาที แค่ 4 นาที แล้วรถพยาบาลที่วิ่งผ่านหน้าบ้านเราไปหลายๆคันตอนนั้นคือไปรับแฟนเราแต่เราไม่รู้เลย พอสอบสวนทำเอกสารทางโรงบาลเสร็จก็เอาร่างกลับมาทำพิธีทางศาสนา ตอนนั้นเราแทบกลายเป็นคนบ้า สติหลุด พูดไม่รู้เรื่อง ร้องไห้ ข้าวไม่กิน ไม่นอน บอกกับตัวเองว่านี่คือความฝันบอกให้ตัวเองตื่นๆๆๆ เราไม่สามารถช่วยงานในตอนนั้นได้เลย เพราะสติหลุดไปแล้ว เราโทษตัวเองว่าเพราะเราเขาถึงออกไป เพราะเราหาเรื่องทะเลาะกับเขา ทั้งที่เขากำลังนอนแล้ว เราทำให้เขาต้องออกจากบ้านไป แต่ไม่มีใครรู้นะเราไใ่บอกใครเลยว่าคืนนั้นเรากับแฟนทะเลาะกัน มีแค่เราที่รู้ มันกลายเป็นปมในใจ เรารักษาจิตเวช อยู่ 1 ปีเต็มๆ เราต้องออกจากงานเพราะไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เรากลายเป็นคนบ้า พ่อแม่เราพาไปรักษาหลายที่มาก หมอแทบทุกที่บอกเราป้วยทางใจ เราช็อคจากการสูญเสียแฟนกระทันหัน แต่ไม่มีใครรู้ว่าในใจเรากำลังรู้สึกผิดและโทษตัวเอง จากวันนั้นผ่านไป 3 ปีที่เราอยู่แต่บ้าน ไม่ออกไปหาใคร และไม่ให้ใครเข้ามาหา 3 ปีเต็มๆกว่าเราจะตั้งสติและยอมออกมาจากบ้าน เราเริ่มหางานทำ ไปทำงานกับเพื่อนแต่การใช้ชีวิตเราเปลี่ยนไป เราไม่กล้าพูดกล้าคุยกับใครมาก เรากลัวเสียงรถพยาบาลมากๆ มีเพื่อนคอยซัพพอร์ทพยายามให้เราใช้ชีวิตปกติ แต่ก็ไม่ไหว เราต้องลาออกจากงาน เพราะเรารู้ตัวว่าเราใช้ชีวิตแบบคนปกติไม่ได้จริงๆ เราชอบยืนเหม่อ ชอบน้ำตาไหลเอง จนพ่อแม่พี่สาวสงสารเรามาก ขอร้องให้เรากลับไปอยู่กับพวกเขา เราออกไปทำงานได้ 5 เดือน เท่ากับเวลาตอนนั้นผ่านไป 3 ปี 5 เดือน หลังจากออกจากงานเรากลับมาอยู่กับแม่กับลูกที่บ้านแม่ เราได้อยู่กับครอบครัวเราเริ่มยิ้มได้หัวเราะได้ แต่พอขึ้นห้องมาอยู่คนเดัยวเราก็จะแอบร้องไห้ เป็นแบบนี้จนถึงตอนนีเวลาผ่านมา 5 ปี 1 เดือนแล้ว เราก็ยังไม้สามารถออกไปทำงานแบบคนปกติร่วมกับคนอื่นได้ เราทำงานที่บ้านรับเขียนโปรแกรม เราหมกหมุ่นกับการทำงานพยายามทำตัวให้ยุ่งเพื่อจะได้ไม่มีเวลาคิดมาก วันๆนึงนอนไม่กี่ชั่วโมง พอจะหลับก็สะดุ้งตื่น ไม่เคยหลับสนิทจริงไม่เป็นเวลานานมากแล้ว จนถึงวันนี้เรายังไม่เคยบอกใครถึงเรื่องที่ทะเลาะกันในวันนั้น ตอนนี้เราอยากใช้ชีวิตแบบคนปกติมาก ตั้งแต่เกิดเรื่องแม้กระทั่งไปประชุมผู้ปกครองให้ลูกเรายังไม่เคยได้ไปซักครั้ง เพราะเรายอมรับความจริงไม่ได้ มันเป็นปมใจใน มันเป็นความผิดที่เกิดจากเรา แม่แฟนเรามักมาเยี่มเราบ่อยมากๆแต่เราก็หลบเขาตลอดเวลาที่เขามาบ้าน เราไม่กล้าสู้หน้าเขา เราไม่รู้ว่าถ้าพวกเขารู้ต้นเหตุของคืนนั้นพวกเขาจะเกียจเราไหม ชีวิตตอนนี้ไม่ต่างจากคนบ้ามากเท่าไหร่ ถูกดูแลอย่างดีจากคนในครอบครัว เพราะพวกเขาหวังให้เราหายกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ เราควรทำยังไงต่อดีคะ มีแต่คนบอกให้เราปล่อยวาง แล้วปล่อยวางมันคืออะไรต้องทำยังไง เราเองก็อยากใช้ชีวิตเหมือนคนอื่น ทุกวันนี้เราชอบนั่งมองหน้าประตูแล้วก็คิดว่าเมื่อไหร่เขาจะกลับมา เหมือนเขาแค่ไปทำงานแล้วยังไม่เลิกงาน ...
*. เราโชคดีอยู่อย่างนึง คือเรามีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่ดีตลอด 5 ปีที่ผ่านมาเพื่อนเราผลัดกันเข้ามาหาที่บ้านมานอนเป็นเพื่อน มาคอยให้กำลังใจ

ขอบคุณนะคะหากใครผ่านเข้ามาได้อ่าน ขอบคุณพื้นที่ตรงนี้ที่ให้เราได้ระบาย อย่างน้อยๆเราก็ได้บอกความในใจออกไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่