...สำหรับการใช้ชีวิตแบบบ้านสวนบ้านป่า ดูๆไปก็น่าจะมีความสุขสงบนะครับ คนเมืองหลายคน พอสร้างฐานะร่ำรวยแล้วก็อยากมีบ้านสวนบ้านป่า ซึ่งชีวิตบ้านสวนบ้านป่าก็มิใช่ว่าจะมีมุมสงบมุมเดียว บางมุมและบางเวลาของชีวิตแบบบ้านป่าก็มีความเสี่ยงอันตรายให้ลุ้นระทึกไม่น้อยอยู่เหมือนกัน..
..ความเสี่ยงพื้นฐานทั่วไปของชีวิตบ้านป่าก็สัตว์ร้ายมีพิษ จำพวกงูเห่า,งูจงอาง ,ตะขาบ,แมลงป่องช้าง ฯลฯ...สัตว์มีพิษจำพวกนี้ต้องระวังให้มาก
...ความเสี่ยงรองลงมาก็พวกกิ่งไม้แห้งหล่นใส่หัว อันนี้ต้องใช้การสำรวจตรวจตราดูต้นไม้บ่อยๆ เจอกิ่งไม้แห้งคาต้นต้องรีบจัดการ..
..ความเสี่ยงข้างต้นเป็นความเสี่ยงภายในอาณาจักรนะครับ เราสามารถบริหารจัดการได้..
แต่ความเสี่ยงจากผู้บุกรุก เป็นความเสี่ยงจากภายนอก ยากที่จะบริหารจัดการ.. อาแปะพยายามอยู่แบบไม่อวดหรูอวดรวย เพื่อไม่ให้เป็นเป้าของโจรและขโมย และก็พยายามผูกมิตรกับเพื่อนชาวไร่ชาวสวนรอบข้างไว้..
...แต่กระนั้นก็มิวายที่สวนอาแปะจะมีผู้บุกรุกยามค่ำคืนนะครับ... เรื่องนี้เกิดขึ้นราวๆเมื่อแปดปีที่แล้ว..
...ในคืนหนึ่งราวสี่ทุ่มกว่า สมัยนั้นอาแปะเลี้ยงแต่สุนัขพันธุ์เล็กเกือบสิบตัว สุนัขมันก็เห่ากันเกรียวกราว เพราะมีชายสวมโม่งดำแต่งชุดลายพรางเข้ามายืนหน้าที่จอดรถ..
...พอสุนัขเห่าด้วยเสียงกันขรมด้วยอย่างนั้น ด้วยสัญชาตญาณคนป่า อาแปะรู้เลยว่าต้องมีผู้บุกรุกแน่ๆ ..ก็คว้าปืนออกจากบ้านดินไปขู่มันพลางสำทับว่า..
"เฮ้ย...มุงเป็นใคร เข้ามาบ้านตรูทำไมดึกดื่นอย่างนี้ มุงหยุดนะแล้วออกไปไม่งั้นตรูยิง.."
มันชะงักกึก แล้วพูดกับอาแปะว่า มันมาตามวัวนาย วัวหายมาตัวนึง..
อาแปะก็สวนมันไปว่า..
"วัวมุงจะเข้ามาในสวนตรูได้อย่างไร สวนตรูมีรั้ว แล้วมุงปีนรั้วเข้ามาอย่างนี้ ไม่ถูกนะเว้ย ถ้ามุงไม่ใช่ขโมยขะโจร มุงถอดหมวกให้ตรูดูหน้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นตรูยิง"..
...พอมันเห็นท่าทีขึงขังเอาจริงของอาแปะ มันก็แกล้งทำเป็นคนฟั่นเฟือนสติไม่ดีพูดจาเพ้อเจ้อแล้วก็รีบปีนรั้วออกไปเลย.. ที่อาแปะไม่ยิงขามันไปเลยเพราะมันมือเปล่า และมันก็ไม่ได้รุกเข้ามาอีก ชะรอยว่ามันคงกลัวสุนัขกัดอยู่หนะครับ สุนัขเล็กเวลามันเห่ารวมๆกันก็น่ากลัวนะครับ
...คืนนั้นอาแปะก็เลยต้องนอนกอดปืนทั้งคืนไม่ได้หลับ กะว่าหากมันเข้ามาอีกรอบที่นี้คงได้ยิงขามันละ..
อาแปะเรียนรู้มาว่า เวลาจะยิงผู้บุกรุกต้องยิงที่ขานะครับ เอาแค่ให้มันหยุดพฤติกรรมคุกคาม อย่าไปยิงที่ลำตัว เพราะถ้าเกิดมันตายขึ้นมา จะกลายเป็นว่าเจ้าของบ้านทำเกินกว่าเหตุ (กฏหมายไม่สมประกอบก็งี้...เนอะ)...
....หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ล่วงมาจนบัดนี้ อาแปะก็ไม่เคยมีผู้บุกรุกอีกเลย..
....อยู่บ้านสวนบ้านป่า อาวุธ เป็นสิ่งจำเป็นนะครับ อย่างน้อยก็ใช้ขู่ผุ้บุกรุกได้ แม้อาแปะจะเป็นคนใจดีมีเมตตา ชอบช่วยเหลือคน แต่ยามค่ำคืนหลังตะวันตกดินอาแปะจะสวมหัวใจเพชรฆาตซาตานร้ายทันที สิ่งใดที่คลุมเครือในยามค่ำคืน มืออาแปะจะจับด้ามปืนก่อนอันดับแรก .....อาแปะไม่ใช่พระนะครับ ที่จะต้องยอมตายเพื่อรักษาธรรม....จริงไหมครับ.? เข้ามาตรูเป่าดิ้น....แหง๋มๆ..
...เล่าให้อ่านเพื่อความบันเทิงนะครับ ให้เห็นภาพอีกมุมของชีวิตบ้านป่า ซึ่งไม่ได้สวยงามดั่งบ้านป่าในเทพนิยาย ในชีวิตจริงความสวยงามของโลกนี้มักมีอันตรายแฝงไว้เสมอ.. ต้องใช้ชีวิตและสติอย่างระมัดระวังนะครับ..
อมิตพุทธ..
อรุณสวัสดิ..
เช้านี้อาแปะอยากบอกเล่าเรื่องความเสี่ยงของการใช้ชีวิตบ้านป่า หนึ่งนั้นคือ "ผู้บุกรุก"..
..ความเสี่ยงพื้นฐานทั่วไปของชีวิตบ้านป่าก็สัตว์ร้ายมีพิษ จำพวกงูเห่า,งูจงอาง ,ตะขาบ,แมลงป่องช้าง ฯลฯ...สัตว์มีพิษจำพวกนี้ต้องระวังให้มาก
...ความเสี่ยงรองลงมาก็พวกกิ่งไม้แห้งหล่นใส่หัว อันนี้ต้องใช้การสำรวจตรวจตราดูต้นไม้บ่อยๆ เจอกิ่งไม้แห้งคาต้นต้องรีบจัดการ..
..ความเสี่ยงข้างต้นเป็นความเสี่ยงภายในอาณาจักรนะครับ เราสามารถบริหารจัดการได้..
แต่ความเสี่ยงจากผู้บุกรุก เป็นความเสี่ยงจากภายนอก ยากที่จะบริหารจัดการ.. อาแปะพยายามอยู่แบบไม่อวดหรูอวดรวย เพื่อไม่ให้เป็นเป้าของโจรและขโมย และก็พยายามผูกมิตรกับเพื่อนชาวไร่ชาวสวนรอบข้างไว้..
...แต่กระนั้นก็มิวายที่สวนอาแปะจะมีผู้บุกรุกยามค่ำคืนนะครับ... เรื่องนี้เกิดขึ้นราวๆเมื่อแปดปีที่แล้ว..
...ในคืนหนึ่งราวสี่ทุ่มกว่า สมัยนั้นอาแปะเลี้ยงแต่สุนัขพันธุ์เล็กเกือบสิบตัว สุนัขมันก็เห่ากันเกรียวกราว เพราะมีชายสวมโม่งดำแต่งชุดลายพรางเข้ามายืนหน้าที่จอดรถ..
...พอสุนัขเห่าด้วยเสียงกันขรมด้วยอย่างนั้น ด้วยสัญชาตญาณคนป่า อาแปะรู้เลยว่าต้องมีผู้บุกรุกแน่ๆ ..ก็คว้าปืนออกจากบ้านดินไปขู่มันพลางสำทับว่า..
"เฮ้ย...มุงเป็นใคร เข้ามาบ้านตรูทำไมดึกดื่นอย่างนี้ มุงหยุดนะแล้วออกไปไม่งั้นตรูยิง.."
มันชะงักกึก แล้วพูดกับอาแปะว่า มันมาตามวัวนาย วัวหายมาตัวนึง..
อาแปะก็สวนมันไปว่า..
"วัวมุงจะเข้ามาในสวนตรูได้อย่างไร สวนตรูมีรั้ว แล้วมุงปีนรั้วเข้ามาอย่างนี้ ไม่ถูกนะเว้ย ถ้ามุงไม่ใช่ขโมยขะโจร มุงถอดหมวกให้ตรูดูหน้าเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นตรูยิง"..
...พอมันเห็นท่าทีขึงขังเอาจริงของอาแปะ มันก็แกล้งทำเป็นคนฟั่นเฟือนสติไม่ดีพูดจาเพ้อเจ้อแล้วก็รีบปีนรั้วออกไปเลย.. ที่อาแปะไม่ยิงขามันไปเลยเพราะมันมือเปล่า และมันก็ไม่ได้รุกเข้ามาอีก ชะรอยว่ามันคงกลัวสุนัขกัดอยู่หนะครับ สุนัขเล็กเวลามันเห่ารวมๆกันก็น่ากลัวนะครับ
...คืนนั้นอาแปะก็เลยต้องนอนกอดปืนทั้งคืนไม่ได้หลับ กะว่าหากมันเข้ามาอีกรอบที่นี้คงได้ยิงขามันละ..
อาแปะเรียนรู้มาว่า เวลาจะยิงผู้บุกรุกต้องยิงที่ขานะครับ เอาแค่ให้มันหยุดพฤติกรรมคุกคาม อย่าไปยิงที่ลำตัว เพราะถ้าเกิดมันตายขึ้นมา จะกลายเป็นว่าเจ้าของบ้านทำเกินกว่าเหตุ (กฏหมายไม่สมประกอบก็งี้...เนอะ)...
....หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ล่วงมาจนบัดนี้ อาแปะก็ไม่เคยมีผู้บุกรุกอีกเลย..
....อยู่บ้านสวนบ้านป่า อาวุธ เป็นสิ่งจำเป็นนะครับ อย่างน้อยก็ใช้ขู่ผุ้บุกรุกได้ แม้อาแปะจะเป็นคนใจดีมีเมตตา ชอบช่วยเหลือคน แต่ยามค่ำคืนหลังตะวันตกดินอาแปะจะสวมหัวใจเพชรฆาตซาตานร้ายทันที สิ่งใดที่คลุมเครือในยามค่ำคืน มืออาแปะจะจับด้ามปืนก่อนอันดับแรก .....อาแปะไม่ใช่พระนะครับ ที่จะต้องยอมตายเพื่อรักษาธรรม....จริงไหมครับ.? เข้ามาตรูเป่าดิ้น....แหง๋มๆ..
...เล่าให้อ่านเพื่อความบันเทิงนะครับ ให้เห็นภาพอีกมุมของชีวิตบ้านป่า ซึ่งไม่ได้สวยงามดั่งบ้านป่าในเทพนิยาย ในชีวิตจริงความสวยงามของโลกนี้มักมีอันตรายแฝงไว้เสมอ.. ต้องใช้ชีวิตและสติอย่างระมัดระวังนะครับ..
อมิตพุทธ..
อรุณสวัสดิ..