“ว่าแต่ว่า “ส้มสู้” วันนี้เธอกินข้าวอิ่มหรือยังเนี่ย...ดูพุงแฟ่บๆอยู่นะ หรือว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย...ตายละ”
“เหมียว...ก็ยังไม่ได้กินหรอกนะ...พี่สาวแมวใหญ่...ก็กำลังจะเดินไปขอเหล่ามนุษย์กินอยู่หน้าร้านขายของๆพี่สาวนี่แหล่ะ...แล้วพี่ก็อุ้มฉันมาอ่ะ...เหมียว....”
เจ้าแมวสีส้มแอบเงยหน้าขึ้นมาบ่นๆกับหญิงสาวอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ใคร่จะบ่นอะไรมากนัก ชีวิตของแมวจรเองก็บางทีต้องมีอดมื้อกินมื้ออยู่บ้าง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือในใจลึกๆของ “ส้มสู้” ก็รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่กับหญิงสาว เพราะสำหรับตัวของมันเองแล้วไม่ค่อยจะเจอมนุษย์คนไหนที่สามารถพูดกับมันได้รู้เรื่องแบบนี้ และนอกจาก “พี่สาวแมวใหญ่”คนนี้แล้ว มันก็เคยเจอกับผู้หญิงชาวมนุษย์อีกแค่คนเดียวที่สามารถพูดคุยกับมันได้ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านแถวนี้บ่อยๆเท่าไหร่
หญิงสาวจับเจ้าแมวส้มอุ้มขึ้นมา...ซึ่งเจ้าแมวส้มนั้นก็ได้ทำการเหยียดขาจนตัวยาวยืด ซึ่งหญิงสาวก็ได้แต่หัวเราะ แล้วพูดว่า “นี่เขาว่ากันว่าถ้าอุ้มแล้ว แมวนั้นยืดตัวนั้นแสดงว่า แมวตัวนั้นไม่เครียด...ว่าแต่ว่า ชีวิตของเธอที่เป็นแมวจรแบบนี้ ไม่เครียดบ้างหรือ ?”
เจ้าแมวส้มจึงแหงนหน้าขึ้นมาหาเจ้าของเสียงที่พูดคุยกับตัวเอง
“เหมียววว....พี่สาวแมวใหญ่...สำหรับแมวจรอย่างเรานั้น ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลมากหรอก...แค่เพียงหาอาหารใส่ปากใส่ท้อง เพียงเท่านั้นพวกเราก็มีความสุขได้ตามอัตภาพเสียแล้ว...กลับเป็นผู้คนเสียอีกที่ต้องมีเรื่องให้คิดกังวลไปร้อยแปด...มากมายยิ่งกว่าสัตว์ตัวน้อยๆอย่างพวกเราเสียอีก...ถึงแม้เราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่ามนุษย์กลุ้มเรื่องอะไรกันมากแค่ไหนบ้าง แต่เราก็สัมผัสถึงความเศร้าของพวกมนุษย์ได้ หลายคนเคยมาเล่นกับเรา มาอุ้มเราแล้วคุยไป ทำหน้าเศร้าไป บางทีก็ถึงกับร้องให้ตอนที่มาอุ้มเรา ซึ่งถึงเราจะไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไร เพราะเราฟังภาษาคนๆอื่นก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ไม่เหมือนกับที่คุยกับพี่สาวฯได้เฉยเลยสำหรับมนุษย์คนอื่นๆนั้น เราจำได้แค่คำเรียกง่ายๆ ซ้ำๆ ซึ่งเราพอรู้ แต่เราจะทำตามหรือไม่ ก็แล้วแต่อารมณ์ของเรานะ อย่างเช่นถ้าเราไม่อยากไปหา ถึงจะรู้ว่าเขาเรียก เราก็ไม่เดินไปหรอก แต่ถึงแม้ว่าพวกเราสัตว์โลกจะฟังภาษาของพวกมนุษย์แทบไม่ได้เลย แต่พวกเราก็สามารถสัมผัสถึงความเศร้าของมนุษย์ได้นะ...แม้แต่พี่สาวฯ เองก็มีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่มากมายไม่ใช่หรือ...? ถึงจะเป็นคนที่ดูร่าเริงแบบนี้ก็เถอะ...”
นิยายแฟนตาซีตลก : ศึกแมวส้ม ถล่มแมวสลิด พิชิตศาลพระภูมิ ตอนที่ 3
“ว่าแต่ว่า “ส้มสู้” วันนี้เธอกินข้าวอิ่มหรือยังเนี่ย...ดูพุงแฟ่บๆอยู่นะ หรือว่ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย...ตายละ”
“เหมียว...ก็ยังไม่ได้กินหรอกนะ...พี่สาวแมวใหญ่...ก็กำลังจะเดินไปขอเหล่ามนุษย์กินอยู่หน้าร้านขายของๆพี่สาวนี่แหล่ะ...แล้วพี่ก็อุ้มฉันมาอ่ะ...เหมียว....”
เจ้าแมวสีส้มแอบเงยหน้าขึ้นมาบ่นๆกับหญิงสาวอยู่เล็กน้อย แต่ก็ไม่ใคร่จะบ่นอะไรมากนัก ชีวิตของแมวจรเองก็บางทีต้องมีอดมื้อกินมื้ออยู่บ้าง เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คือในใจลึกๆของ “ส้มสู้” ก็รู้สึกอบอุ่นทุกครั้งที่ได้อยู่กับหญิงสาว เพราะสำหรับตัวของมันเองแล้วไม่ค่อยจะเจอมนุษย์คนไหนที่สามารถพูดกับมันได้รู้เรื่องแบบนี้ และนอกจาก “พี่สาวแมวใหญ่”คนนี้แล้ว มันก็เคยเจอกับผู้หญิงชาวมนุษย์อีกแค่คนเดียวที่สามารถพูดคุยกับมันได้ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินผ่านแถวนี้บ่อยๆเท่าไหร่
หญิงสาวจับเจ้าแมวส้มอุ้มขึ้นมา...ซึ่งเจ้าแมวส้มนั้นก็ได้ทำการเหยียดขาจนตัวยาวยืด ซึ่งหญิงสาวก็ได้แต่หัวเราะ แล้วพูดว่า “นี่เขาว่ากันว่าถ้าอุ้มแล้ว แมวนั้นยืดตัวนั้นแสดงว่า แมวตัวนั้นไม่เครียด...ว่าแต่ว่า ชีวิตของเธอที่เป็นแมวจรแบบนี้ ไม่เครียดบ้างหรือ ?”
เจ้าแมวส้มจึงแหงนหน้าขึ้นมาหาเจ้าของเสียงที่พูดคุยกับตัวเอง
“เหมียววว....พี่สาวแมวใหญ่...สำหรับแมวจรอย่างเรานั้น ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องกังวลมากหรอก...แค่เพียงหาอาหารใส่ปากใส่ท้อง เพียงเท่านั้นพวกเราก็มีความสุขได้ตามอัตภาพเสียแล้ว...กลับเป็นผู้คนเสียอีกที่ต้องมีเรื่องให้คิดกังวลไปร้อยแปด...มากมายยิ่งกว่าสัตว์ตัวน้อยๆอย่างพวกเราเสียอีก...ถึงแม้เราอาจจะไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะว่ามนุษย์กลุ้มเรื่องอะไรกันมากแค่ไหนบ้าง แต่เราก็สัมผัสถึงความเศร้าของพวกมนุษย์ได้ หลายคนเคยมาเล่นกับเรา มาอุ้มเราแล้วคุยไป ทำหน้าเศร้าไป บางทีก็ถึงกับร้องให้ตอนที่มาอุ้มเรา ซึ่งถึงเราจะไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไร เพราะเราฟังภาษาคนๆอื่นก็ไม่ค่อยเข้าใจ ไม่รู้เรื่อง ไม่เหมือนกับที่คุยกับพี่สาวฯได้เฉยเลยสำหรับมนุษย์คนอื่นๆนั้น เราจำได้แค่คำเรียกง่ายๆ ซ้ำๆ ซึ่งเราพอรู้ แต่เราจะทำตามหรือไม่ ก็แล้วแต่อารมณ์ของเรานะ อย่างเช่นถ้าเราไม่อยากไปหา ถึงจะรู้ว่าเขาเรียก เราก็ไม่เดินไปหรอก แต่ถึงแม้ว่าพวกเราสัตว์โลกจะฟังภาษาของพวกมนุษย์แทบไม่ได้เลย แต่พวกเราก็สามารถสัมผัสถึงความเศร้าของมนุษย์ได้นะ...แม้แต่พี่สาวฯ เองก็มีเรื่องให้ครุ่นคิดอยู่มากมายไม่ใช่หรือ...? ถึงจะเป็นคนที่ดูร่าเริงแบบนี้ก็เถอะ...”