ต่อจากกระทู้ก่อนหน้าที่เราเคยถามความเห็นจากชาวพันทิปไปค่ะ
.
https://ppantip.com/topic/42785580?sc=HAcXQ1D
.
ต้องขอบคุณทุกคอมมเนต์ และกำลังใจที่ทุกคนมอบให้นะคะ 🙏
หลังจากยื้อยุดฉุดกระฉากกันมานาน
แม่สามียอมอ่อนและตามใจสามีค่ะ
ส่วนสามีก็ยอมให้เราตามที่ขอ
แต่เรากลับยังกังวลและกลัวทั้งช่องโหว่ทางกฎหมายสินสมรสในเกาหลีใต้ที่ไม่ธรรมดาเลยและกลัวนิสัยบ้านสามีที่เป็นคนงกเงินทั้งสิ้น
[พูดถึงกฎหมายสินสมรสในเกาหลีใต้]
*ขอเล่าแบบบ้าน ๆ ไม่ให้ดูยากเกินไปนะคะ
ผิดพลาดตกหล่นประการใด เสริมได้ในคอมเม้นต์เลยค่ะ*
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมจดทะเบียนแล้วบ้านที่ซื้อหลังแต่งงานจึงแบ่งครึ่ง ๆ ไม่ได้?
: ตามกฎหมายเกาหลีแล้ว สินทรัพย์ที่ได้มาหลังสมรสและเป็นชื่อของทั้งสองคน หรือคนใดคนหนึ่ง ถือเป็นของทั้งสองคนอย่างละครึ่งค่ะ
แต่! ในทุกทรัพย์สินมีเจ้าของทรัพย์สิน หรือที่เรียกว่าผู่มีกรรมสิทธิ์ซึ่งจะยึดตามเอกสารหรือโฉนดเป็นหลักค่ะ
หมายความว่า เมื่อเข้าสู่ชั้นศาล หากเจ้าของทรัพย์ บอกว่าทรัพย์นี้ อีกฝ่ายไม่มีส่วน ให้ไม่ได้ ศาลจะรับฟังเจ้าของทรัพย์ก่อนค่ะ ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ต้องยืนยันด้วยหลักฐาน(คำพูดหรือจดหมายอะไร ไม่มีผลค่ะ)ว่าตนมีส่วนในทรัพย์สินนั้น ไม่ว่าจะอยู่อาศัย หรือช่วยออกเงิน แต่ส่วนใหญ่ศาลจะประเมินเป็นยอดเงินที่ต่ำกว่าที่หลักฐานยืนยันค่ะ
[กรณีนี้ หากทั้งสองฝ่ายไม่มีใครทำอะไรผิดนะคะ คือยินยอมหย่ากันทั้งคู่ จะไม่มีใครเจ็บหนักค่ะ]
งั้นถ้าช่วยจ่ายครึ่ง ๆ ก็แบ่งครึ่งได้นี่!?!
: ใช่ค่ะ แบ่งได้
แต่............ ก่อนจะไปถึงขั้นตอนขึ้นโรงขึ้นศาลนั้น ส่วนใหญ่คนที่เป็นเจ้าของทรัพย์จะใช้วิธีโอนไปให้คนอื่น ก่อนที่จะขอหย่า หรือฟ้องหย่าค่ะ
ซึ่งก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้อยู่อาศัยในบ้านเลยค่ะ
หลายกรณีในเกาหลีใต้เป็นเช่นนั้น
ตอนแบ่งสินสมรส ศาลจะแบ่งเฉพาะทรัพย์ เงินที่เป็นชื่อของสามี หรือภรรยาอยู่ ณ ขณะที่หย่า ขึ้นศาลเท่านั้นค่ะ ไม่ไปรื้อไปฟื้นว่าแต่งงานกันแล้วซื้ออะไร ขายอะไรไป.
จึงทำให้การสลักชื่อของเราสำคัญมาก เพื่อที่จะป้องกันกรณีแบบนี้ค่ะ
[พูดถึงเงินที่แม่สามีให้ เป็นสินสมรสเหรอ?]
: ถ้าพ่อแม่สามีมาแย้งว่าเงินนี้เขามีส่วนออก ด้วยเอกสารทางการเงิน เงินส่วนนั้นจะถูกหักออก คืนพ่อแม่สามีค่ะ
[พูดถึงการกู้สินเชื่อสำหรับคู่สมรสใหม่ในเกาหลีใต้]
: เป็นที่นิยมมาก ๆ เพราะรัฐบาลเล็งเห็นว่าคนสมัยนี้ ไม่แต่งงานเพราะไม่มีบ้าน
จึงสนับสนุนให้คนแต่งงานด้วยการมอบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้คู่สมรส ที่แต่งงานใหม่ ไม่เกิน 5 ปี ค่ะ การกู้แบบนี้จะใช้ชื่อผู้ใด ผู้หนึ่งกู้ หรือสองคนกู้ก็ได้ค่ะ แต่สามีเราจะใช้ชื่อตัวเองคนเดียว แบบมีภรรยาพ่วงเป็นผู้อยู่ใต้การดูแล ซึ่งจะทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่างออกไปค่ะ
[เพราะปีที่แล้วเราทำงานแปลฟรีแลนซ์อยู่ที่บ้านค่ะ จึงไม่สามารถกู้ด้วยชื่อเราได้]
กู้ด้วยชื่อสามีคนเดียว ก็สามารถซื้อบ้านได้ค่ะ
ประเด็นมันอยู่ที่ ค่าทำสัญญาก้อนแรกและการจ่ายหนี้เงินกู้ในแต่ละเดือนค่ะ
ที่เกาหลี ถ้าจะซื้อบ้านหลังนึงต้องมีเงินก้อนที่จะใช้จ่ายค่าทำสัญญาถึง 10% ของราคาบ้านค่ะ (จ่ายเป็นเงินสด) ไม่รวมค่าโอนและภาษี ค่านายหน้านะคะ คนเกาหลีส่วนใหญ่ก็จะเก็บให้ได้ ~3 ล้านบาทก่อนค่อยคิดซื้อบ้านค่ะ
ส่วนกู้แล้ว ถ้าสามีไม่จ่าย เราต้องเป็นคนจ่ายใช่มั้ย ? คำตอบคือ [ใช่ค่ะ] เพราะกฎหมายบังคับให้สามีภรรยาชำระหนี้แทนกันได้ เมื่ออีกฝ่าทุพพลภาพหรือเสียชีวิตค่ะ แต่เราสามารถปัด ไม่รับได้นะคะ ถ้าที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยจ่ายอะไร หรือไม่เสียดาย
แต่ถ้ามีชื่อกู้ร่วมนี่ปัดไม่ได้ค่ะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด จากการพูดคุยมาหลายวัน เรากับสามีพบว่ามันเป็นปัญหาของความเชื่อใจ ที่จะลุกลามในอนาคตแน่ ๆ จึงขอชะลอการรับเงินแม่สามีไปก่อน
[+บ้านที่สามีอยากจะซื้อมีคนจองไปแล้วค่ะ ต้องใช้เวลาหาใหม่สักพัก]
เราจึงอยากใช้เวลานี้ปรึกษาทนาย จิตแพทย์ครอบครัว และค้นหาความต้องการของตัวเองก่อนค่ะ
ต้องขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นอีกครั้งนะคะ
ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวการมาทำงานในเกาหลีในแบบฉบับของเราให้ฟังกันค่ะ
EP.2 แม่สามีช่วยออกเงินซื้อบ้าน บ้านหลังนี้ควรเป็นชื่อสามีคนเดียว?[เกร็ดเรื่องสินสมรสในเกาหลีใต้]
.
https://ppantip.com/topic/42785580?sc=HAcXQ1D
.
ต้องขอบคุณทุกคอมมเนต์ และกำลังใจที่ทุกคนมอบให้นะคะ 🙏
หลังจากยื้อยุดฉุดกระฉากกันมานาน
แม่สามียอมอ่อนและตามใจสามีค่ะ
ส่วนสามีก็ยอมให้เราตามที่ขอ
แต่เรากลับยังกังวลและกลัวทั้งช่องโหว่ทางกฎหมายสินสมรสในเกาหลีใต้ที่ไม่ธรรมดาเลยและกลัวนิสัยบ้านสามีที่เป็นคนงกเงินทั้งสิ้น
[พูดถึงกฎหมายสินสมรสในเกาหลีใต้]
*ขอเล่าแบบบ้าน ๆ ไม่ให้ดูยากเกินไปนะคะ
ผิดพลาดตกหล่นประการใด เสริมได้ในคอมเม้นต์เลยค่ะ*
หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมจดทะเบียนแล้วบ้านที่ซื้อหลังแต่งงานจึงแบ่งครึ่ง ๆ ไม่ได้?
: ตามกฎหมายเกาหลีแล้ว สินทรัพย์ที่ได้มาหลังสมรสและเป็นชื่อของทั้งสองคน หรือคนใดคนหนึ่ง ถือเป็นของทั้งสองคนอย่างละครึ่งค่ะ แต่! ในทุกทรัพย์สินมีเจ้าของทรัพย์สิน หรือที่เรียกว่าผู่มีกรรมสิทธิ์ซึ่งจะยึดตามเอกสารหรือโฉนดเป็นหลักค่ะ
หมายความว่า เมื่อเข้าสู่ชั้นศาล หากเจ้าของทรัพย์ บอกว่าทรัพย์นี้ อีกฝ่ายไม่มีส่วน ให้ไม่ได้ ศาลจะรับฟังเจ้าของทรัพย์ก่อนค่ะ ผู้ที่ไม่ใช่เจ้าของทรัพย์ ต้องยืนยันด้วยหลักฐาน(คำพูดหรือจดหมายอะไร ไม่มีผลค่ะ)ว่าตนมีส่วนในทรัพย์สินนั้น ไม่ว่าจะอยู่อาศัย หรือช่วยออกเงิน แต่ส่วนใหญ่ศาลจะประเมินเป็นยอดเงินที่ต่ำกว่าที่หลักฐานยืนยันค่ะ
[กรณีนี้ หากทั้งสองฝ่ายไม่มีใครทำอะไรผิดนะคะ คือยินยอมหย่ากันทั้งคู่ จะไม่มีใครเจ็บหนักค่ะ]
งั้นถ้าช่วยจ่ายครึ่ง ๆ ก็แบ่งครึ่งได้นี่!?!
: ใช่ค่ะ แบ่งได้
แต่............ ก่อนจะไปถึงขั้นตอนขึ้นโรงขึ้นศาลนั้น ส่วนใหญ่คนที่เป็นเจ้าของทรัพย์จะใช้วิธีโอนไปให้คนอื่น ก่อนที่จะขอหย่า หรือฟ้องหย่าค่ะ ซึ่งก็สามารถทำได้ โดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้อยู่อาศัยในบ้านเลยค่ะ
หลายกรณีในเกาหลีใต้เป็นเช่นนั้น
ตอนแบ่งสินสมรส ศาลจะแบ่งเฉพาะทรัพย์ เงินที่เป็นชื่อของสามี หรือภรรยาอยู่ ณ ขณะที่หย่า ขึ้นศาลเท่านั้นค่ะ ไม่ไปรื้อไปฟื้นว่าแต่งงานกันแล้วซื้ออะไร ขายอะไรไป.
จึงทำให้การสลักชื่อของเราสำคัญมาก เพื่อที่จะป้องกันกรณีแบบนี้ค่ะ
[พูดถึงเงินที่แม่สามีให้ เป็นสินสมรสเหรอ?]
: ถ้าพ่อแม่สามีมาแย้งว่าเงินนี้เขามีส่วนออก ด้วยเอกสารทางการเงิน เงินส่วนนั้นจะถูกหักออก คืนพ่อแม่สามีค่ะ
[พูดถึงการกู้สินเชื่อสำหรับคู่สมรสใหม่ในเกาหลีใต้]
: เป็นที่นิยมมาก ๆ เพราะรัฐบาลเล็งเห็นว่าคนสมัยนี้ ไม่แต่งงานเพราะไม่มีบ้าน
จึงสนับสนุนให้คนแต่งงานด้วยการมอบเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้คู่สมรส ที่แต่งงานใหม่ ไม่เกิน 5 ปี ค่ะ การกู้แบบนี้จะใช้ชื่อผู้ใด ผู้หนึ่งกู้ หรือสองคนกู้ก็ได้ค่ะ แต่สามีเราจะใช้ชื่อตัวเองคนเดียว แบบมีภรรยาพ่วงเป็นผู้อยู่ใต้การดูแล ซึ่งจะทำให้ได้อัตราดอกเบี้ยที่ต่างออกไปค่ะ
[เพราะปีที่แล้วเราทำงานแปลฟรีแลนซ์อยู่ที่บ้านค่ะ จึงไม่สามารถกู้ด้วยชื่อเราได้]
กู้ด้วยชื่อสามีคนเดียว ก็สามารถซื้อบ้านได้ค่ะ
ประเด็นมันอยู่ที่ ค่าทำสัญญาก้อนแรกและการจ่ายหนี้เงินกู้ในแต่ละเดือนค่ะ
ที่เกาหลี ถ้าจะซื้อบ้านหลังนึงต้องมีเงินก้อนที่จะใช้จ่ายค่าทำสัญญาถึง 10% ของราคาบ้านค่ะ (จ่ายเป็นเงินสด) ไม่รวมค่าโอนและภาษี ค่านายหน้านะคะ คนเกาหลีส่วนใหญ่ก็จะเก็บให้ได้ ~3 ล้านบาทก่อนค่อยคิดซื้อบ้านค่ะ
ส่วนกู้แล้ว ถ้าสามีไม่จ่าย เราต้องเป็นคนจ่ายใช่มั้ย ? คำตอบคือ [ใช่ค่ะ] เพราะกฎหมายบังคับให้สามีภรรยาชำระหนี้แทนกันได้ เมื่ออีกฝ่าทุพพลภาพหรือเสียชีวิตค่ะ แต่เราสามารถปัด ไม่รับได้นะคะ ถ้าที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยจ่ายอะไร หรือไม่เสียดาย
แต่ถ้ามีชื่อกู้ร่วมนี่ปัดไม่ได้ค่ะ
แต่เหนือสิ่งอื่นใด จากการพูดคุยมาหลายวัน เรากับสามีพบว่ามันเป็นปัญหาของความเชื่อใจ ที่จะลุกลามในอนาคตแน่ ๆ จึงขอชะลอการรับเงินแม่สามีไปก่อน
[+บ้านที่สามีอยากจะซื้อมีคนจองไปแล้วค่ะ ต้องใช้เวลาหาใหม่สักพัก]
เราจึงอยากใช้เวลานี้ปรึกษาทนาย จิตแพทย์ครอบครัว และค้นหาความต้องการของตัวเองก่อนค่ะ
ต้องขอบคุณทุกคนที่มาร่วมแสดงความคิดเห็นอีกครั้งนะคะ
ถ้ามีโอกาสจะมารีวิวการมาทำงานในเกาหลีในแบบฉบับของเราให้ฟังกันค่ะ